สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ชาวพันทิป และชาวเด็กออสทั้งหลาย วันนี้เราจะมาชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยว Bendigo กันค่ะ จริง ๆ เราไปเที่ยวมาเมื่อวันคริสมาสต์ เพราะมันฟรี และถ้าใครจำได้ วันคริสมาสต์เราไม่ต้อง touch on Myki กันได้ทั้งวัน นี่ก็รวมถึง V/Line ด้วยนะ ถึงแม้จะได้นั่งรถไฟฟรีแต่หลายๆที่ก็ปิดนะคะ เราเลยได้ไปเดินตามสวน กับดูสถาปัตยกรรมสวยๆที่ในเมืองเมลเบิร์นที่แทบจะไม่เหลือให้ดูแล้ว เอาเป็นว่าใครมีเวลา อยากเปลี่ยนบรรยากาศ ก็ลองไปกันได้ค่ะ 🙂
การเดินทาง : ขึ้น
V/line จาก Southern Cross Station – Bendigo Station (ใช้เวลา 2 ชม.) ตั๋วก็ใช้ Myki ค่ะ ตกคนละ 45.64 เหรียญ/คน
** รถมีหลายเที่ยวนะคะ ลองเลือกเวลากันได้โดยเข้าไปเว็บไซด์
https://www.vline.com.au/ แต่ถ้าใครจะไปแบบ one-day trip ลองเผื่อเวลากันด้วยนะ จะได้เที่ยวคุ้ม ๆ ค่ะ ^^
Bendigo เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของรัฐ Victoria
จากประวัติศาสตร์มีการค้นพบทองครั้งแรกที่เมืองแห่งนี้ในปี 1851 และถือเป็นเมืองที่ทำเหมืองทองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลีย รองจากเมือง Kalgoorlie และใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก ซึ่งภายในปี 1880s Bendigo ได้กลายป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ารวยที่สุดในโลกจากเหมืองทองคำ มีการบันทีกว่า
ทองคำที่ถูกขุดพบจากเมือง Bendigo มีมูลค่าถึง 9 พันล้านเหรียญ (ข้อมูลจาก : ป้ายแนะนำการท่องเที่ยวตามทางของเมือง Bendigo)
อย่างที่บอกไปค่ะว่า เราไปวันคริสมาสต์ ทุกอย่างก็ปิด เราเลยไปเดินสวนค่ะ ที่แนะนำนะคะ คือ
Rosaline Park เป็นสวนที่ร่มรื่นมากๆ คือเหมือนเป็นโอเอซิสของเมืองเลยก็ว่าได้ ถ้าเพื่อนๆคนไหนทำแซนวิชหรือเอา lunch box ไปด้วย ก็ลองไปนั่งทานกันได้นะคะ คือบรรยากาศดีงามมากค่ะ
บรรยากาศในสวน Rosaline
และถ้าเพื่อนๆเดินต่อไปอีกนิด จะเจอ Conservatory Garden เป็นสวนเรือนกระจกคะ ข้างในก็มีจะปลูกดอกไม้ไว้เยอะเลย ตอนเราไปดอก Hydrangea เต็มไปหมด สวยมากๆค่ะ และรอบๆก็มีสวนกุหลาบ ปลูกกุหลาบหลากสีอีกด้วย
เดินสวน ชมดอกไม้สวยๆสบายใจไปแล้ว เราก็ออกมาเดินดูสถาปัตยกรรมยุควิกตอเรียกันค่ะ สำหรับเรา Bendigo เป็นเมืองที่สามารถรักษามรดกของยุคตื่นทองไว้ได้ดีเยี่ยมเลย ตึกอาคารบางหลังมีอายุย้อนไปถึงทศวรรษ 1850 เลยทีเดียว และยังอยู่ในสภาพดีมากๆ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร ร้านบูทีค และแกลเลอรี่ เราแนะนำเพื่อนๆเดินดูแล้วก็ลองอ่านป้ายที่เค้าอธิบายข้อมูลไว้ด้วย อ่านๆก็เพลินดีเหมือนกันค่ะ
Historical Post Office
Town Hall
Alexandra Fountain
จริงๆ เมือง Bendigo เค้ามีที่เที่ยวเยอะนะคะ
เพื่อน ๆ คนไหนว่าง ๆ ลองไปกันได้นะ เพราะสำหรับเรา เมืองนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเมลเบิร์นนะ เค้าเป็น เมืองเล็ก ๆ แต่มีเสน่ห์ ที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนเคยไปมาแล้วก็สามารถมาแชร์ประสบการณ์ แบ่งปันรูปภาพกันได้นะคะ สำหรับวันนี้เราต้องขอตัวลาไปก่อนค่ะ เจอกันบทความหน้าค่ะ ส่วนจะเป็นบทความเกี่ยวกับอะไรนั้น ต้องติดตามตอนต่อไปกันค่ะ
แนะนำที่เที่ยวเพิ่มเติม: Sacred Heart Cathedral, Central Deborah Gold Mine, Golden Dragon Museum และ Chancery Lane ค่ะ
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ :
https://goo.gl/wLHwuJ
โดดขึ้นรถไฟ ไปเที่ยว Bendigo !
การเดินทาง : ขึ้น V/line จาก Southern Cross Station – Bendigo Station (ใช้เวลา 2 ชม.) ตั๋วก็ใช้ Myki ค่ะ ตกคนละ 45.64 เหรียญ/คน
** รถมีหลายเที่ยวนะคะ ลองเลือกเวลากันได้โดยเข้าไปเว็บไซด์ https://www.vline.com.au/ แต่ถ้าใครจะไปแบบ one-day trip ลองเผื่อเวลากันด้วยนะ จะได้เที่ยวคุ้ม ๆ ค่ะ ^^
Bendigo เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของรัฐ Victoria
จากประวัติศาสตร์มีการค้นพบทองครั้งแรกที่เมืองแห่งนี้ในปี 1851 และถือเป็นเมืองที่ทำเหมืองทองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลีย รองจากเมือง Kalgoorlie และใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก ซึ่งภายในปี 1880s Bendigo ได้กลายป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ารวยที่สุดในโลกจากเหมืองทองคำ มีการบันทีกว่า ทองคำที่ถูกขุดพบจากเมือง Bendigo มีมูลค่าถึง 9 พันล้านเหรียญ (ข้อมูลจาก : ป้ายแนะนำการท่องเที่ยวตามทางของเมือง Bendigo)
อย่างที่บอกไปค่ะว่า เราไปวันคริสมาสต์ ทุกอย่างก็ปิด เราเลยไปเดินสวนค่ะ ที่แนะนำนะคะ คือ Rosaline Park เป็นสวนที่ร่มรื่นมากๆ คือเหมือนเป็นโอเอซิสของเมืองเลยก็ว่าได้ ถ้าเพื่อนๆคนไหนทำแซนวิชหรือเอา lunch box ไปด้วย ก็ลองไปนั่งทานกันได้นะคะ คือบรรยากาศดีงามมากค่ะ
เดินสวน ชมดอกไม้สวยๆสบายใจไปแล้ว เราก็ออกมาเดินดูสถาปัตยกรรมยุควิกตอเรียกันค่ะ สำหรับเรา Bendigo เป็นเมืองที่สามารถรักษามรดกของยุคตื่นทองไว้ได้ดีเยี่ยมเลย ตึกอาคารบางหลังมีอายุย้อนไปถึงทศวรรษ 1850 เลยทีเดียว และยังอยู่ในสภาพดีมากๆ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร ร้านบูทีค และแกลเลอรี่ เราแนะนำเพื่อนๆเดินดูแล้วก็ลองอ่านป้ายที่เค้าอธิบายข้อมูลไว้ด้วย อ่านๆก็เพลินดีเหมือนกันค่ะ
จริงๆ เมือง Bendigo เค้ามีที่เที่ยวเยอะนะคะ
เพื่อน ๆ คนไหนว่าง ๆ ลองไปกันได้นะ เพราะสำหรับเรา เมืองนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเมลเบิร์นนะ เค้าเป็น เมืองเล็ก ๆ แต่มีเสน่ห์ ที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนเคยไปมาแล้วก็สามารถมาแชร์ประสบการณ์ แบ่งปันรูปภาพกันได้นะคะ สำหรับวันนี้เราต้องขอตัวลาไปก่อนค่ะ เจอกันบทความหน้าค่ะ ส่วนจะเป็นบทความเกี่ยวกับอะไรนั้น ต้องติดตามตอนต่อไปกันค่ะ
แนะนำที่เที่ยวเพิ่มเติม: Sacred Heart Cathedral, Central Deborah Gold Mine, Golden Dragon Museum และ Chancery Lane ค่ะ
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ : https://goo.gl/wLHwuJ