7 เหตุผลว่าทำไมนักเตะเยาวชนไทยไม่สามารถก้าวข้ามการพัฒนาฝีเท้าได้อย่าง เจ ชนาธิป สงค์กระสิน

สวัสดีบอลไทย มาพบเจอกันอีกครั้ง
วันนี้มีสกู๊ปที่น่าสนใจมาฝากกัน เกี่ยวกับเรื่องราวของวิวัฒนาการ การพัฒนาฝีเท้าของชนาธิป
ที่สะท้อนถึงการพัฒนาฟุตบอลเยาวชนของไทยกันว่ามีเหตุผลใดบ้าง ว่าเหตุใดทำไมเด็กไทยถึงดูมีแววเก่งตอนเด็กแต่กาก...ตอนโตกัน
กับ 7 เหตุผลว่าทำไมนักเตะเยาวชนไทยไม่สามารถก้าวข้ามการพัฒนาฝีเท้าได้อย่าง เจ ชนาธิป สงค์กระสิน
มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

เหตุผลที่ 1 การฝึกเบสิกบอลที่แสนน่าเบื่อ
เลี้ยง ดึง คลึง ดูด เดาะบอล จับบอล แปส่งบอล จ่ายบอล เป็นทักษะพื้นฐานสำคัญที่ของ เจ ชนาธิป
ที่ถูกพ่อเคี่ยวเข็ญมาตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ
ซึ่งต้องบอกเลยว่านี่คือโค้ชฟุตบอลคนแรกที่ประเสริฐที่สุดของ เจ ชนาธิป ก็ว่าได้
ที่บังคับฝึกฝนทักษะพื้นฐานให้กับ เจ  ชนาธิป ซึ่งเมื่อถ้าเทียบกับเด็กทั่วไปแล้ว
ในวัยนี้ยังคงเล่นตามประสาเด็กน้อยอยู่นั่นเอง ที่ไม่ประสาจะเข้าใจว่าฟุตบอลมันคืออะไร
เหตุใดต้องบังคับให้ฝึกฝนทำจำเจซ้ำซากอยู่ร่ำไปทุกวัน  
จนบางครั้ง เจ ชนาธิป ต้องถูกพ่อผู้เป็นโค้ชลงไม้ลงมือในบางครั้งที่หลุดจากวินัยในการซ้อม
และตั้งคำถามกับผู้เป็นพ่อว่าเหตุใด เขาต้องถูกบังคับฝึกทักษะบ้าบอที่แสนน่าเบื่อนี้มันทุกวันด้วย
และในวันนี้เมื่อเติบโตมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
จึงทำให้เข้าใจแล้วว่าเบสิกบอลที่แสนน่าเบื่อในวัยเด็กนั้น
มันส่งผลในระยะยาวในการต่อยอดฝีเท้ามาจนถึงวันนี้นั่นเอง
เจ ชนาธิป ณ วันนี้ คือ นักเตะไทยที่มีเบสิกฟุตบอลครบเครื่องและยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดานักเตะไทยด้วยกัน
และเห็นผลเป็นอย่างมากเมื่อไปเล่นฟุตบอลเจลีกของญี่ปุ่น
ที่ต้องใช้ทักษะเบสิกบอลที่ค่อนข้างเข้มข้น
และพร้อมที่จะให้โค้ชสามารถใช้งานเล่นตามแทคติกได้เลยนั่นเอง
เปรียบดั่งมาม่าสำเร็จรูปที่พร้อมฉีกซองใส่น้ำร้อนปิดฝาไว้ 3 นาที ก็กินได้เลย
การปลูกฝังรากฐานเบสิกฟุตบอลในวัยเด็กนั้น ฟุตบอลระดับมืออาชีพ และของญี่ปุ่นนั้นจะเน้นเป็นอย่างมาก
เพราะมันจะส่งผลถึงการเล่นเป็นทีมเวิร์คอย่างเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ
ลดความผิดพลาดในแทคติกการเล่นให้น้อยลงนั่นเอง
ซึ่ง เจ ชนาธิป นั้น โค้ชผู้เป็นพ่อได้วางรากฐานอย่างมั่นคง
ฝึกฝนจนเกิดความเคยชินจนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
ซึมซับทักษะจนกลายเป็นสัญชาตญาณในการเล่นฟุตบอลอย่างเป็นธรรมชาติโดยอัตโนมัติ
ทำให้การควบคุมฟุตบอลในการครอบครอง แล้วเล่นรวดเร็วต่อเนื่องเนียนตาอย่างมีคุณภาพนั่นเอง
ซึ่งตรงนี้นี่เองที่เด็กเยาวชนไทยส่วนใหญ่ละเลยไป เบื่อหน่ายที่จะฝึกซ้อมเบสิกฟุตบอล
ขาดวินัยการซ้อมที่สม่ำเสมอ จับบอลลั่น จับบอลขาด เป็นวาเป็นเมตร คอนโทบอลไม่ได้
เสียบอลง่าย จ่ายบอลเหวอ เป็นเรื่องปกติเลยก็ว่าได้
ทำให้การเดินเกมไม่มีความต่อเนื่องในการเคลื่อนบอล เล่นไม่ได้ตามแทคติกนั่นเอง

เหตุผลที่ 2 ทัศนคติการเล่นเพื่อ ตัวเอง มากเกินไป ชอบเล่นท่ายาก
เล่นแบบโชว์เหนือ โชว์สกิล ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ตัวเองว่าทักษะตัวเองยังดาดๆ ฝึกซ้อมเบสิกบอลไม่เข้มข้นพอ
สุดท้ายก็เสียบอลในแบบที่ไม่น่าเสีย ชอบเล่นท่ายาก จังหวะที่ควรจ่ายไม่จ่าย เสล่อล็อคบอลโชว์
สุดท้ายคู่แข่งมาตั้งรับกันหมด จังหวะที่ควรจ่ายให้เพื่อนที่มีตำแหน่งได้เปรียบก็ไม่จ่าย
อยากโชว์เลี้ยงเสียงั้นไป นึกว่าสกิลตัวเองเป็น เนย์มาร์ เมสซี่ โด้อ้วน เปเล่ มาราโดน่า
เลี้ยงฝ่าดงตีนหลบกองหลังครึ่งทีมเข้าไปยิงง่ายๆ สุดท้ายก็เสียจังหวะทั้งทีม
ซึ่งต่างจากทัศนคติ ของ เจ ชนาธิป เป็นอย่างมากถึงแม้ว่าสกิลทักษะบอลของเขาจะสูง
แต่เขาจะเลี้ยงหลบสิ่งกีดขวางหรือใช้ในจังหวะสถานการณ์ที่จำเป็นเพื่อเอาตัวรอดในจังหวะคับขันเท่านั้น
ไม่โชว์พร่ำเพรื่อ ไม่ดึงเกม จังหวะควรจ่าย เขาจ่ายออกบอลให้ทันทีเพื่อความได้เปรียบของทีม
จะเห็นได้ว่า เจ ชนาธิป ในหลายๆ ครั้งการเล่นในแดนกลางของเขาสามารถจ่ายบอลผ่านแบบฆาตกรรม
หรือ คิวเล่อร์พาส ให้ทีมได้เปรียบ สร้างจังหวะเกมบุกที่รวดเร็วอยู่บ่อยๆ นั่นเอง

เหตุผลที่ 3 ฟุตบอลดาราเดินแบบ
การใส่แวกขัดรองเท้าให้ทรงผมดูเงางามหล่อเฉียบผมเรียบดูดีไม่ใช่เรื่องแปลก
นักเตะสามารถทำได้ แต่ฟุตบอลขี้แอคเล่นท่ายากเป็นอะไรที่น่าโดดเท้าคู่ใส่เอามากๆ
พอเสียบอลมักชอบมีโอเว่อแอคชั่นจนเกินไป ไม่ไล่บอลรับผิดชอบที่ตัวเองทำเสีย
ทำให้มีสมาธิหลุด ไม่อยู่ในเกมการเล่น
บอลโชว์แอคชั่นเลี้ยง พอเลี้ยงไม่ผ่านก็แสดงล้มง่ายเพื่อเรียกฟาว ผายมือ ยักไหล่ เบ๊ะปาก
เรียกร้องความเป็นธรรมจากกรรมการ จนติดเป็นนิสัย
ยิ่งนักเตะจำพวกสายเดินแบบหนักเอาการยิ่งกว่ามาเดินโชว์ตัวออกงานอีเวน
ไม่ไล่บอลเอาแต่เดินเล่นกันเลยทีเดียว
ซึ่งต่างจาก เจ ชนาธิป เมื่อลงในสนามเขาคือนักเตะมืออาชีพที่มีความตั้งใจและจริงจังมุ่งมั่นในการเล่นสูง
เล่นเพื่อทีมปลุกปั่นกำลังใจให้เพื่อนร่วมทีมสู้ หล่อโดยธรรมชาติของเกมฟุตบอล
และที่สำคัญ เจ ชนาธิป คือนักเตะคนหนึ่งที่เล่นบอลล้มยาก ถ้าไม่ใช่จังหวะที่โดนชนหนักจริงๆ
เขาไม่ใช่นักเตะประเภทที่นอนรอให้กรรมการเห็นใจเป่าเรียกฟาวง่ายๆ
ล้มแล้วลุกขึ้นเร็ว เพื่อการเล่นบอลที่ต่อเนื่อง
พยายามไล่ฉกบอลทุกครั้งถ้ามีโอกาสนั่นเอง
มีสมาธิในเกมมากกว่าที่จะฟุ้งไปกับจังหวะไร้สาระ ที่ไม่ทำให้ทีมได้ประโยชน์

เหตุผลที่ 4 หัวร้อนเจ้าอารมณ์
การเล่นบอลติดดาบนอกเกม จนบานปลายมาสู่บอลไทยไปมวยโลก
พร้อมจะเอาคืนทุกเมื่อมีโอกาส ไร้ความเป็นมืออาชีพยังมีให้เห็นกันอยู่
จนลืมไปแล้วว่าเราลงสนามไปเพื่อเล่นเกมฟุตบอล หรือว่าลงไปเป็นนักเลงฟุตบอลกันแน่
ซึ่งประเทศฟุตบอลที่พัฒนาโลกที่หนึ่ง หรือประเทศที่ฟุตบอลพัฒนาแล้วนั้น มีให้เห็นน้อยมาก
มีความเป็นมืออาชีพ และสปิริตในการเล่นฟุตบอลนั่นเอง
มุ่งมั่นในการเล่นในเกม ซึ่งจุดนี้นี่เองที่เด็กเยาวชนไทยวัยหนุ่มกระสันยังหัวร้อนกันอยู่
หรือไม่ก็ก็เลิกเล่นฟุตบอลไป สมัครเข้าค่ายมวยแทนเสียจะดีกว่านั่นเอง

เหตุผลที่ 5 ซูเปอร์อีโก้ สู่ความอีเดียด ข้าเก่ง ข้าเหนือกว่าใคร อย่ามาสอนข้า
เป็นทัศนคติที่ค่อนข้างอันตรายในการพัฒนาตัวเองเป็นอย่างมาก
ซึ่งมักจะพบเจอกับเด็กที่มีแววว่าจะเก่ง แต่ก็เก่งไม่สุด
เริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง ลงซ้อมเพื่อสุขภาพเริ่มเป็นดาวเด่นในทีม
ไม่เชื่อฟังโค้ช เพราะเริ่มมีอัตตาอีโก้สูงในตัวเอง คิดว่าตัวเองเก่งออกสื่อมีชื่อเสียงแล้ว
แทบจะเรียกได้ว่าขึ้นไปขี้บนหัวโค้ชได้เลยทีเดียว ไร้ซึ่งความเคารพ
ซึ่ง เจ ชนาธิป ผ่านประสบการณ์กับโค้ชฝีมือทั้งไทยและต่างชาติมามากมาย
ต้องยอมรับเลยว่า เจ ชนาธิป เป็นนักเตะที่น่ารักเสมอต้นเสมอปลาย
เป็นนักเตะที่มีความเป็นมืออาชีพสูง เชื่อฝังและเคารพในตัวโค้ชทุกคนที่สอนแทคติกเขา
ตั้งใจเล่น ตั้งใจฝึกตามแทคติกของโค้ชแต่ละคนอย่างเคร่งครัดและมีวินัย
นี่เป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในนักเตะรุ่นเยาวชนไทย
ถึงแม้ว่า เจ ชนาธิป จะมีชื่อเสียงโด่งดังมาอย่างช้านาน
แต่ในฐานะนักเตะอาชีพ เมื่อเขาลงซ้อมและลงแข่งขันในสนาม
คำสั่งของโค้ช คือ สิทธิ์ขาดที่ตัวเขายึดถือทำตามปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
จริงไม่แปลกใจเลยว่า เจ ชนาธิป สามารถเล่นบอลกับแทคติคโค้ชแต่ละคน
ที่ต้องใช้ความเป็นระบบทีมได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

เหตุผลที่ 6 ไร้ความทะเยอทะยานกระสันกระเหี้ยนกระหือรือในการพัฒนาอัพเวลฝีเท้าตัวเองให้ถึงขีดสุด
นักเตะไทยโดยส่วนใหญ่เมื่อเก่งอิ่มตัวในจุดๆ หนึ่งในกะลาฟุตบอลอาเซียนแล้ว
มักจะไม่ค่อยทะเยอทะยานหาความท้าทายใหม่ๆ
ในการออกไปผจญภัยไปเล่นในต่างประเทศในระดับฟุตบอลลีกที่คุณภาพเข้มข้นกว่าไทยลีก
และนักเตะไทยส่วนใหญ่เป็นโรคโฮมซิคคิดถึงบ้าน
ประกอบกับลีกต่างประเทศมีการแข่งขันที่สูง
และบางครั้งต้องเจออุปสรรคในการเหยียดชาติพันธ์อีกด้วย รวมไปถึงสภาพอากาศที่หฤโหด
ทำให้เกิดความลำบากและท้อร้องไห้ แงๆ กลับบ้านเก่าได้ง่ายนั่นเอง
ซึ่งแตกต่างจากทัศนคติของ เจ ชนาธิป ที่มุ่งมั่นอยากพิสูจน์ และพัฒนาอัพเกรดฝีเท้าตัวเอง
ให้ดึงศักยภาพตัวเองถึงขีดสุดเท่าที่จะทำได้ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคในการพัฒนาตัวเอง
ตั้งใจฝึกซ้อม แข่งขันกับเพื่อร่วมทีม
เพื่อให้โค้ชเห็นและต่อสู้ในการจะให้ได้มาในตำแหน่งตัวจริงอย่างมุ่งมั่น
ต้องยอมรับเลยว่า เจ ชนาธิป คือ ผู้บุกเบิกการไปค้าแข้งเจลีกยุคใหม่
คนแรกที่สามารถเล่นเป็นตัวหลักบนลีกสูงญี่ปุ่นได้สำเร็จ
ซึ่งต้องยอมรับว่าคุณภาพลีกของญี่ปุ่นมีความเข้มข้นมากกว่าไทยลีกเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งต้องปะทะกับนักเตะคุณภาพในเจลีก และระบบการเล่นของทีมญี่ปุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงในทุกอาทิตย์
สภาพแวดล้อมที่ต้องบอกเลยว่าบังคับให้ต้องเก่งและฝีเท้าพัฒนาไปโดยธรรมชาติของลีกที่แข็งแกร่งโดยปริยายเลยนั่นเอง

เหตุผลที่ 7 ขาดวินัย ไม่รู้หน้าที่ ขี้เกียจซ้อม
ต้องยอมรับเลยว่าเรื่องวินัยยังคงเป็นจุดอ่อนแต่ไหนแต่ไร
โดยเฉพาะทุกเรื่องในสัมคมไทย ไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอลเท่านั้น
แต่ฟุตบอลอาชีพนั้นมันมีความเป็นมืออาชีพในตัวของมัน
และการขับเคลื่อนในการพัฒนาคือ วินัย โดยเฉพาะวินัยในการฝึกซ้อม
นักเตะไทยยังหล่ะหลวมอยู่มากในภาพรวม
เรื่องง่ายๆ อาทิเช่น การตรงต่อเวลาในการซ้อม การซ้อมตามโปรแกรมอย่างเคร่งครัด
ไม่สนดินฟ้าอากาศ น้ำท่วม ฝนตก หิมะกองเป็นไอติมปิงซูสูงแค่ไหน ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการฝึกซ้อม
แม้แต่เรื่องการรู้หน้าที่ในสิ่งที่จำเป็นต้องซ้อมเพิ่ม
ซึ่งคริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั้นเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องวินัยในการซ้อมอีกคน
เขารู้หน้าที่ รักษาร่างกายให้แกร่งพร้อมลงแข่ง
และซ้อมเข้มข้นให้ตัวเองครบเครื่องอยู่ตลอดเวลา
จนกลายเป็นโคตรนักเตะที่ไร้ขีดจำกัดมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง
รวมไปถึง เจ ชนาธิป แห่งประเทศไทย เขาไม่เคยละเลยในการฝึกซ้อม อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
จริงจังทุกครั้งทั้งการฝึกซ้อม และลงสนามจริง
แต่เมื่อเว้นว่างจากการฝึกซ้อมเขาก็เฮฮาตามประสาบ้านๆ คนทั่วไปได้เช่นกัน
เขาสามารถแยกแยะออกได้ว่าช่วงไหนคือเวลาที่ควรจริงจังตั้งใจ หรือ ช่วงไหนสามารถทำกิจกรรมเบาๆ ลดหย่อนผ่อนคลายตัวเองให้สบายแฮได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่