ก่อนที่จะคิดเรื่อง Set Zero หมาแมวจร รัฐควรวางมาตรการที่รัดกุมก่อนดีไหม

เห็นคนที่ไม่ชอบหมาแมวจะสนับสนุนให้เซ็ต ซีโร่หมาแมวจรเหมือนในต่างประเทศ
ผมจะมีความคิดกลางๆ ไม่สนับสนุนและไม่คัดค้านสุดโต่ง (แม้จะรู้สึกสงสารหมาแมวที่ต้องมารับกรรมในสิ่งที่พวกมันไม่ได้ก่อ)

เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ คงไม่ค่อยดูเหมาะสมที่จะมองเรื่องการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นเรื่องดี แม้ว่ามันจะจำเป็นเพื่อควบคุมประชากร
สุนัขและควบคุมการระบาดของโรค
แต่อยากให้มองก่อนว่าในบางประเทศ เขาวางมาตรการแบบบูรณาการทั้งระบบ ตั้งแต่ขั้นตอนที่คนๆ นึงจะนำหมาแมว(รวมทั้งสัตว์อื่นๆ)มาเลี้ยง
เมื่อควบคุมแล้วแต่ก็ยังมีหลุดออกมาเขายังมีมาตรการรองรับอยู่ สุดท้ายนั่นคือการกำจัด ไม่ใช่แบบที่เราคิดจะทำ นั่นก็ทำให้เราไม่ต่างจากสัตว์ที่โหดร้าย เห็นแก่ตัว
ดังนั้น รัฐบาลต้องลงมาเป็นเจ้าภาพในการแก้ปัญหานี้แบบบูรณาการ ประกาศให้ปัญหาหมาแมวจรเป็นวาระแห่งชาติ รัฐต้องจัดสรรงบประมาณ ทำงานร่วมกับภาคเอกชน องค์กรที่ดูแลช่วยเหลือสัตว์ ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการดูแลสัตว์ ไม่ใช่กักขัง

ก่อนอื่นคือ รัฐจะต้องวางกรอบให้การเลี้ยงหมาแมวเป็นภาระรับผิดชอบที่สูงของคนเลี้ยง คนที่จะคิดจะเลี้ยงต้องผ่านเงื่อนไขก่อน ตั้งแต่การขออนุญาตเลี้ยง ต้องมีพื้นที่เพียงพอ ต้องไม่ละเมิดกฎของสถานที่ (อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมเอกสาร บลาๆๆ) เมื่อเป็นเจ้าของแล้ว ต้องนำไปฉีดวัคซีน ต้องนำไปฝังชิปโดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง มีกี่ตัวก็ต้องนำไปจัดการ ขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงให้อยู่ในระบบ
จากนั้น รัฐต้องมีกฎหมายคุมเข้มสำหรับผู้เลี้ยงสัตว์ คือ ห้ามเลี้ยงระบบเปิด เจ้าของจะปล่อยสุนัขของตนออกมานอกบ้านโดยไม่มีการควบคุมดูแลไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ดุหรือเชื่องแค่ไหนก็ตาม
ถ้านำออกมาเดินเล่น ต้องมีสายจูงที่เหมาะสม เจ้าของต้องดูแลเรื่องมูลสุนัข ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายของทรัพย์สินราชการและสาธารณะถ้าเกิดมีขึ้น
เจ้าของต้องเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ควบคุมที่ไม่ก่อความรำคาญให้คนรอบข้าง ไม่ก่อมลภาวะ เช่น กลิ่น เสียง ความสะอาด เห็บหมัด
แล้วจำนวนที่เลี้ยงต้องเหมาะสมกับพื้นที่ ห้ามเลี้ยงในลักษณะที่กักขัง ทารุณ
เมื่อสัตว์เลี้ยงที่ฝังชิปเกิดหลุดหายไป เจ้าของต้องรีบแจ้งเรื่องให้จนท ทราบ มิฉะนั้นจะเข้าข่ายจงใจทิ้งสัตว์เลี้ยงและปกปิด ต้องมีโทษทางกฎหมาย
เมื่อมีผู้ใดพบสัตว์เลี้ยงพลัดหลง ต้องสแกนชิปหาเจ้าของก่อน ถ้าไม่พบจึงติดต่อศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ การจะนำไปเลี้ยงหรือครอบครองเองจะผิดกฎหมาย (ถ้ามีความประสงค์จะดูแลต้องทำเรื่องเหมือนการซื้อ (แต่อาจจะสะดวก ลดขั้นตอนลงเพื่อส่งเสริมให้คนรับหมาแมวมาดูแล) จะมีก็คงขั้นตอนฉีดวัคซีน ฝังชิป แจ้งลงทะเบียน
ห้ามเจ้าของสัตว์เลี้ยงนำสัตว์เลี้ยงเข้าพื้นที่ๆ ไม่อนุญาต แต่รัฐต้องส่งเสริมการเปิดพื้นที่เฉพาะให้คนที่มีสัตว์เลี้ยงด้วย

ที่สำคัญการบังคับใช้กฎหมายต้องเข้มงวด ต้องมีหน่วยงานที่ดูแลจริงๆ จัง มีบุคลากรที่รักสัตว์เข้ามาทำงาน ต้องลบภาพสถานกักกันสัตว์จากภาพโรงเชือด
เมื่อรับหมาแมวเข้าไป ต้องดูแลฟื้นฟูสุขภาพ ตรวจโรค ถ้าสัตว์มีพฤติกรรมดุร้ายต้องฝึกให้คุ้นเคยกับคน ให้เชื่องแล้วจึงประกาศหาบ้านให้เค้า ไม่ใช่มาแบบไหนก็อยู่แบบนั้น แล้วใครมันจะอยากรับหมาแมวขี้เรื้อน หรือดุร้ายกัดไม่เลือกไปเลี้ยงล่ะครับ
รัฐต้องขึ้นทะเบียนสุนัขที่ห้ามเลี้ยง ห้ามมีไว้ในครอบครอง
ต้องดูแลร้านจำหน่ายสัตว์เลี้ยงให้มีมาตรฐาน ป้องกันไม่ให้มีฟาร์มเพาะพันธุ์สุนัขแมวเถื่อน หรือเข้าข่ายทารุณ

เมื่อปัญหาทุกอย่างเข้าเป็นระบบ มีการจัดการที่ดี ลดจำนวนหมาแมวที่ถูกทิ้งข้างถนนได้เมื่อไหร่ เราค่อยมา set zero หรือจัดการกับพวกคนรักหมาใจบุญที่ชอบให้อาหารหมาแมวข้างถนนกันก็ได้ ไม่สายเกินไป
แต่การกำจัดแบบที่หลายคนเรียกร้อง นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว ปัญหาก็ไม่หมดไปหรอกครับ ฆ่าทิ้ง 1 ตัววันนี้ วันพรุ่งคนมันก็นำไปปล่อยอีก 10 ตัว
คุณจะต้องฆ่าแล้วก็ฆ่าไปเรื่อยๆ โดยหมาแมวมันไม่ได้ลดลงเลยสักนิด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่