คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
สมการพื้นฐานของ DSM
กสงฝ. = ขาย - ซื้อ
ลองกลับสมการอีกมุมหนึ่ง
ขาย = ซื้อ + กสงฝ.
การขายหุ้นแต่ละครั้ง จะทำให้มีเงินสดในมือ
เงินสดที่ได้ประกอบด้วยเงิน 2 ส่วน
1. เงินรอซื้อหุ้นคืน
2. กสงฝ.
สมการนี้แสดงให้เห็นอะไร ?
1. กสงฝ. สามารถนำออกมาได้ทันที ไม่จำเป็นต้องรอจับคู่เพื่อซื้อหุ้นคืน
2. กสงฝ. สามารถกำหนดจำนวนที่ต้องการได้เอง อยากได้ กสงฝ. มาก ก็ต้องซื้อหุ้นคืนด้วยราคาที่ต่ำกว่าราคาขายมากด้วย
ถ้า กสงฝ. ได้ตั้งแต่ตอนขายหุ้น แล้วตอนซื้อหุ้นคืน จะยังได้ กสงฝ. อีกหรือไม่ ?
คำตอบอยู่ที่ สมการพื้นฐานของ DSM
กสงฝ. = ขาย - ซื้อ
กสงฝ. จะมากหรือน้อย อยู่ที่ “ราคาซื้อคืน” เท่านั้น
ถ้าเราสามารถซื้อหุ้นคืนด้วยราคาที่ต่ำกว่า “ราคาซื้อคืน” ที่กำหนดไว้ตอนขายหุ้นแล้ว จะทำให้ได้ กสงฝ. เพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่งอย่างแน่นอน
กสงฝ. จึงเกิดได้ทั้งตอนขายหุ้น และ ตอนซื้อหุ้นคืน
ตัวอย่าง
*******
มีหุ้น SPALI 10,000 หุ้น
ขายหุ้น
จำนวน 10% หรือ 1,000 หุ้น
ราคาขาย 24 บาท
รวมเป็นเงิน 24,000 บาท
กำหนด กสงฝ. ที่ต้องการ
ต้องการอย่างน้อย 3% ของราคาขาย หรือ ราคาซื้อขายห่างกันประมาณ 8 ช่อง
ดังนั้น ต้องซื้อหุ้นคืนด้วยราคาที่ไม่เกิน 23.20 บาท (24 - 0.8)
เมื่อขายหุ้นแล้ว จะมีเงินสดในมือ 24,000 บาท ประกอบด้วย
1. เงินรอซื้อหุ้นคืน จำนวน 23,200 บาท (1,000 x 23.2)
2. กสงฝ. จำนวน 800 บาท (24,000 - 23,200)
ถ้าสามารถซื้อหุ้นคืน 1,000 หุ้น ด้วยราคา 23 บาท
กสงฝ. ที่ได้จะเท่ากับ 1000 บาท { 24,000 - (1,000 x 23) }
จึงทำให้มี กสงฝ. เพิ่มมาอีก 200 บาท (1000 - 800)
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ
เงิน 23,200 บาท ใช้ทำอะไร? ใช้ตอนไหน?
เงิน 800 บาท ใช้ทำอะไร? ใช้ตอนไหน?
เงิน. 200 บาท ใช้ทำอะไร? ใช้ตอนไหน?
นั่นคือ การบริหารเงินสด ให้ถูกต้อง
น่าจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นนะครับ
***********************************
กสงฝ. = ขาย - ซื้อ
ลองกลับสมการอีกมุมหนึ่ง
ขาย = ซื้อ + กสงฝ.
การขายหุ้นแต่ละครั้ง จะทำให้มีเงินสดในมือ
เงินสดที่ได้ประกอบด้วยเงิน 2 ส่วน
1. เงินรอซื้อหุ้นคืน
2. กสงฝ.
สมการนี้แสดงให้เห็นอะไร ?
1. กสงฝ. สามารถนำออกมาได้ทันที ไม่จำเป็นต้องรอจับคู่เพื่อซื้อหุ้นคืน
2. กสงฝ. สามารถกำหนดจำนวนที่ต้องการได้เอง อยากได้ กสงฝ. มาก ก็ต้องซื้อหุ้นคืนด้วยราคาที่ต่ำกว่าราคาขายมากด้วย
ถ้า กสงฝ. ได้ตั้งแต่ตอนขายหุ้น แล้วตอนซื้อหุ้นคืน จะยังได้ กสงฝ. อีกหรือไม่ ?
คำตอบอยู่ที่ สมการพื้นฐานของ DSM
กสงฝ. = ขาย - ซื้อ
กสงฝ. จะมากหรือน้อย อยู่ที่ “ราคาซื้อคืน” เท่านั้น
ถ้าเราสามารถซื้อหุ้นคืนด้วยราคาที่ต่ำกว่า “ราคาซื้อคืน” ที่กำหนดไว้ตอนขายหุ้นแล้ว จะทำให้ได้ กสงฝ. เพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่งอย่างแน่นอน
กสงฝ. จึงเกิดได้ทั้งตอนขายหุ้น และ ตอนซื้อหุ้นคืน
ตัวอย่าง
*******
มีหุ้น SPALI 10,000 หุ้น
ขายหุ้น
จำนวน 10% หรือ 1,000 หุ้น
ราคาขาย 24 บาท
รวมเป็นเงิน 24,000 บาท
กำหนด กสงฝ. ที่ต้องการ
ต้องการอย่างน้อย 3% ของราคาขาย หรือ ราคาซื้อขายห่างกันประมาณ 8 ช่อง
ดังนั้น ต้องซื้อหุ้นคืนด้วยราคาที่ไม่เกิน 23.20 บาท (24 - 0.8)
เมื่อขายหุ้นแล้ว จะมีเงินสดในมือ 24,000 บาท ประกอบด้วย
1. เงินรอซื้อหุ้นคืน จำนวน 23,200 บาท (1,000 x 23.2)
2. กสงฝ. จำนวน 800 บาท (24,000 - 23,200)
ถ้าสามารถซื้อหุ้นคืน 1,000 หุ้น ด้วยราคา 23 บาท
กสงฝ. ที่ได้จะเท่ากับ 1000 บาท { 24,000 - (1,000 x 23) }
จึงทำให้มี กสงฝ. เพิ่มมาอีก 200 บาท (1000 - 800)
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ
เงิน 23,200 บาท ใช้ทำอะไร? ใช้ตอนไหน?
เงิน 800 บาท ใช้ทำอะไร? ใช้ตอนไหน?
เงิน. 200 บาท ใช้ทำอะไร? ใช้ตอนไหน?
นั่นคือ การบริหารเงินสด ให้ถูกต้อง
น่าจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นนะครับ
***********************************
แสดงความคิดเห็น
สงสัยเรื่องการซื้อขึ้นของ DSM 1% ทุก 5 ช่อง ใครรู้วานบอก ใครไม่แน่ใจก็ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็วานมาแชร์กันหน่อยครับ
เครดิตข้อความ https://www.facebook.com/DSM-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5-803562599729827/
จากข้อความชุดแรก
********************************************************************************
DSM เด่นศรี ขายแล้วรอซื้อคืนไปเรื่อย ๆ ครับ ถ้าซื้อแล้วลงก็ต้องหยุดซื้อครับ
เพราะหากเค้ากำลังเก็บหุ้นจริง ถ้ายังเก็บไม่ได้ครบ เค้าก็เขย่าราคา กดหุ้นให้ลงเพื่อเก็บคืนจนกว่าจะครบครับ
Manage
4
Like
· Reply · 2y
แกะ เก่า
แกะ เก่า แสดง ว่าตลอดทางลงไปเรื่อยๆ หุ้นเรา จะเท่าเดิม ใช่มั้ยครับ และค่อยๆ มากขึ้น (เช่น banpu) ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ ทีนี้ ผมเลยสงสัยนิดนึงว่า ตลาดลงหุ้นมันจะลดได้ยังไงเหรอครับ
Manage
Like
· Reply · 2y
DSM เด่นศรี
DSM เด่นศรี ถ้าตลาดลง นั่นคือหุ้นจะลงมากกว่าขึ้น .... ใช่ไหมครับ
ดังนั้นถ้าหุ้นลงเราขาย หุ้นขึ้นเราซื้อคืน เราก็จะขายมากกว่าซื้อคืน ... จริงไหมครับ ( เพราะหุ้นลงมากกว่าขึ้น )
.....
ดังนั้น ตลาดลง หุ้นในมือก็ย่อมจะต้องน้อยลง เพราะเราขายมากกว่าซื้อ จนกว่าตลาดจะขึ้น เราจึงจะซื้อมากกว่าขาย
..... ยังมีข้อมูลซื้อขายเก่า ๆ อยู่ไหมครับ ถ้ายังอยู่ ลองเปิดดูครับ แล้วศึกษาดูรายการเหล่านั้น จะเห็นอะไรดี ๆ ซ่อนอยู่แบบเปิดเผย ( ยิ้มแย้ม )
......
Manage
3
Like
· Reply · 2y
แกะ เก่า
แกะ เก่า แสดงว่า เราก็ แค่ ขึ้นเราก็ซื้อ 1% ไปเรื่อยๆ จะได้ปริมาณซื้อ > ขาย ตามธรรมชาติของตลาด
ลง ก็ขายทีละ 1% ไปเรื่อยๆ ก็จะได้ปริมาณ ขาย>ซื้อ ตามธรรมชาติการลงของตลาดเช่นกัน แบบนี้ ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ
ขอบคุณพี่เด่นศรีมากครับ
3
Manage
Like
· Reply · 2y
DSM เด่นศรี
DSM เด่นศรี ถูกต้อง ตรงประเด็นเลยครับ ตรงเป๊ะเลย
Manage
3
Like
· Reply · 2y
DSM เด่นศรี
DSM เด่นศรี ปล่อยไปตามแนวโน้มตลาดเลยครับ ทำแบบนี้คือไม่ฝืนตลาด
พอทำแบบนี้จนเป็นนิสัย ในสมุดบัญชีจะเห็นสิ่งหนึ่งค่อย ๆ งอกเงยออกมาครับ คือ ... เงินสด
.........
หน้าที่ต่อไปคือ การบริหารเงินสดนี้ครับ ตรงนี้สนุกและมีความสุขมากครับ
**********************************************************************
ก็มีคนเข้าใจไปว่า ลงก็ขายไปเรื่อยๆ ถ้าขึ้นก็ซื้อไปเรื่อยๆ เมื่อหุ้นลง จึงขายมากกว่าซื้อ จำนวนหุ้นลด เมื่อหุ้นขึ้น จำนวนซื้อมากกว่าขาย หุ้นเลยเพิ่ม
ซึ่งจะเพิ่มได้เขาก็คงคิดไปเหมือนผมว่า ก็ซื้อไปเรื่อยๆไม่จำเป็นต้องซื้อต่ำกว่าที่เคยขาย (ก็ฟังมาว่าราคาหุ้นเพิ่ม ซื้อเพิ่มเรื่อยๆทีละ 1% ผลลัพย์ที่ได้คือ จำนวนหุ้นก็จะเพิ่ม)
แต่สุดท้ายก็ไปติดอีกความเห็นที่มีคนไปถามไล่ซื้อแบบนี้ แล้วได้รับคำตอบว่าไม่ถูกต้องเพราะซื้อต้องถูกกว่าขาย
ตามข้อความชุดที่ 2 ดังนี้
*************************************************************************
Manit Ariyapattanaporn อย่าง นี้เราก็สามารถรวมเงินสด(ที่ขายแล้วรอซื้อ+เงินแฝงสำหรับเพิ่มหุ้น) เป็นก้อนเดียวเลย แล้วก็เอาไว้หุ้นตัวที่ขึ้น สมมุติ หุ้น A ขึ้นเรื่อยๆเราก็ซื้อตามไปเรื่อยๆจนเงินหมด แล้วหุ้น B ที่ลงมาเรื่อยๆ แล้วกลับตัวขึ้นก็ยังซื้อไม่ได้ก็ต้องรอจนกว่าจะมีเงินเข้ามาอย่างนี้หรือ ป่าวครับ
1
Manage
Like
· Reply · 2y
DSM เด่นศรี
DSM เด่นศรี ผมอ่านแล้ว เหมือนกำลังไล่ซื้อตามหุ้นขึ้น โดยลืมกฎที่บอกว่า
'' ซื้อให้ถูกกว่าที่เคยขาย "
....
ไม่ว่าจะซื้ออย่างไร ขอให้อยู่ในกติกา ซื้อให้ถูกกว่าที่เคยขาย
เพราะไม่งั้น บัญชีอาจจะมีปัญหาได้ครับ
2
Manage
Like
· Reply · 2y · Edited
Manit Ariyapattanaporn
Manit Ariyapattanaporn ให้ลองตัดเรื่อง 3-0-2-8 ทิ้งไปก่อนครับ จะได้ไม่สับสน
เพราะหากวางระบบลงตัว เลข 3-0-2-8 มันจะออกมาเองอัตโนมัติครับ
...
ให้วางระบบว่า ขึ้นซื้อ ลงขาย ทีละ 1 เปอร์เซนต์ให้เป็นนิสัยธรรมชาติก่อนครับ แล้วจะค่อย ๆ เห็นอะไรเอง
..
ลงบัญชีซื้อขายให้ดีว่าขายไปตรงไหน ซื้อแล้วจับคู่ แล้วค่อย ๆ เอามาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นครับ
Manage
Like
· Reply · 2y
Manit Ariyapattanaporn
Manit Ariyapattanaporn ผม ตีความตามที่คุณเทพแนะนำครับ ตรงขึ้นซื้อ ลงขาย ทีละ 1% ผมเข้าว่าพอขึ้นก็ซื้อตามไปเรื่อยๆ หรือถ้าลงก็ขายตามลงไปเรื่อยๆครับ แสดงว่าผมเข้าใจผิด ไงผมอยากให้คุณเทพแนะนำเพิ่มหน่อยครับ
1
Manage
Like
· Reply · 2y
DSM เด่นศรี
DSM เด่นศรี ผิดตรงที่ว่า กติกาของ DSM คือ ต้องซื้อให้ถูกกว่าขายครับ
...
การซื้อ 1 % คือ ซื้อคืน ( ให้ถูกกว่าที่ขาย ) ทีละ 1 % ( ไม่ซื้อรวบ ) ครับ
...
ถ้าหุ้นขึ้นแล้วซื้อ ซื้อ ซื้อตาม แต่ไม่ได้ซื้อคืน ก็ไม่เป็น DSM ครับ จะกลายเป็นเก็งกำไร ซื้อเพื่อขายแทน
...
2
Manage
Like
· Reply · 2y
DSM เด่นศรี
DSM เด่นศรี นี่คือปัญหาของพวกเราเลยครับ
เวลาที่ผมอธิบาย พวกเราจะจับมาทำทีละส่วน แล้วก็พลาดกัน
ต้องจับมารวมกันครับ เอากติกา เอาการตรวจพอร์ต เอาการซื้อทีละ 1 เปอร์เซนต์ มารวมกันครับ ทำงานไปด้วยกัน
....
ถ้าแยกกัน มันก็ไม่ได้อะไรครับ และเป็นไปได้ที่จะผิดพลาดครับ
...
( ยิ้มแย้ม )
******************************************************************************
ซึ่งเมื่อเอา 2 อันนี้มารวมกันแล้ว สรุปด้วยปัญญากันน้อยนิดของตัวเองก็ตีไปว่ากรณีหุ้นขาขึ้น เมื่อขึ้นไปเรื่อยๆทุก 5 ช่อง
1. ถ้าซื้อไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องจับคู่ว่า ต้องซื้อถูกกว่าขาย ก็ผิด เพราะถือเป็นการไล่ซื้อ ซื้อตาม ไม่ได้ซื้อคืน ผิดกฏ ตามข้อความชุดที่ 2
2. ถ้าซื้อเฉพาะที่ถูกกว่าขาย ถ้าเป็นราคาสูงกว่าหรือพอๆกับที่ขายไป จะไม่ซื้อคืน ก็จะไม่ได้ เพราะเมื่อเป็นเช่นนั้น มื่อหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆ จำนวนหุ้นจะไม่ได้เพิ่มจากจุดเริ่มต้นเลย ซึ่งไม่ตรงกับข้อความชุดแรก
สรุป ที่ถูกต้องคือยังไง คงต้องมีตรงไหนที่ผมพลาดไปซักอย่าง วานช่วยกันแนะนำหน่อยครับ