เป็นไปได้ไหม ที่ประเทศไทยจะมี passport สำหรับคนรวย ที่ใช้เดินทางได้หลายประเทศโดยไม่ต้องขอ visa?

ต้องยอมรับว่าประเทศไทยทุกวันนี้มีความเหลื่อมล้ำสูงมาก โดยจากสถิติล่าสุดที่เห็น ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำมากเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากรัสเซีย และ อินเดีย โดยผมเชื่อว่าปัญหานี้ก็จะยังไม่สามารถแก้ได้อย่างน้อยอีกหลายสิบปี หรืออาจจะไม่มีทางออกเลยก็เป็นได้


http://www.ispacethailand.org/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/11069.html#prettyPhoto

จากสภาพดังกล่าว ก่อให้เกิดนักเดินทางสัญชาติไทยที่ไร้คุณภาพ, พวกหนีไปทำงาน, อยู่แล้วไม่กลับ, โรบินฮู๊ด ฯลฯ ทำให้ passport ไทยเป็นที่เพ่งเล็ง ส่งผลกระทบต่อคนที่ต้องการจะไปเที่ยวจริงๆ , คนที่ต้องไปประชุมต่างประเทศ รวมทั้งภาพลักษณ์ และ ชื่อเสียงของประเทศด้วย

ทุกวันนี้ ผมรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้ง เวลาจะเดินทางต้องไปขอ visa เตรียมเอกสารต่างๆ, bank statement, ถ่ายรูป และ สุดท้ายยังต้องมาลุ้นอีกว่าจะได้ visa ไหม (และผมก็เชื่อว่า หลายๆ คนก็รู้สึกแบบเดียวกัน)

ผมจึงอยากทราบว่ามีความเป็นไปได้มากแค่ไหน ที่ประเทศไทยจะออก passport ขึ้นมาอีกตัวนึง (หรืออาจจะเรียกเล่นๆ ว่า passport คนรวย) ที่สามารถใช้เดินทางเข้าได้หลายประเทศโดยไม่ต้องขอ visa และ มีสถานะเทียบเท่า หรือ ใกล้เคียงpassport ของประเทศโลกที่ 1 ?

ซึ่งแน่นอน ต้องมีเกณฑ์การคัดเลือกที่เข้มข้นอยู่แล้ว โดยอาจจะมี requirement ที่คล้ายๆ บัตร APEC หรือ มี requirement อื่นๆ ดังนี้ (ตามที่ผมคิดเอง)

- ผู้ที่ขอ ต้องมีรายได้ต่อหัว ต่อปี ไม่ต่ำกว่า 25,000 USD หรือ 800,000 บาท/ปี หรือ 67,000 บาท/เดือน (อันนี้ base on ค่าเงิน USD/THB ปัจจุบัน แถวๆ 31.xx บาท) ตาม definition ของ developed country ที่จะต้องมี GDP per capita ประมาณ 25,000 – 30,000 USD


Developed Economy: https://www.investopedia.com/terms/d/developed-economy.asp

- เป็นผู้บริหาร, กรรมการ หรือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ของบริษัท ที่มียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท ต่อปี หรือ มี assets size มากกว่า 1,000 ล้านบาท หรือ เทียบเท่า

- เป็นผู้ที่ไม่มี criminal record

- อื่นๆ

- (เพิ่มเติม) หรือ มีการออก bond โดยกระทรวงต่างประเทศ หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเป็น bond อายุ 3 ปี หรือ 5 ปี ที่กำหนดการซื้อขั้นต่ำที่ 3 ล้านบาท มีอัตรา coupon และ yield to maturity ตามสมควร โดยผู้ที่ซื้อ bond ตัวนี้ จะมีสิทธิได้รับ passport พิเศษดังกล่าว เป็นเวลา 3 ปี หรือ 5 ปี ตามระยะเวลาที่ซื้อ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ของผู้ซื้อเองที่จะสามารถเดินทางได้หลายหลายประเทศโดยไม่ต้องขอ visa และเป็นประโยชน์กับกระทรวงต่างประเทศ หรือ หน่วยงานที่ออก bond ที่จะสามารถ raise fund เข้ามาได้หลายพันล้านบาท (หรืออาจจะถึงหมื่นล้าน ถ้ามี demand เยอะ) ถือเป็น Win - Win situation ของทั้ง 2 ฝ่าย

ผมเชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีความสามารถ, สติปัญญา และ wealth ไม่แพ้ประชากรในประเทศพัฒนาแล้ว เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ และ มีส่วนเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ถ้าบุคคลเหล่านี้สามารถเดินทางได้สะดวกขึ้น ก็จะลดภาพลักษณ์เสียๆ หายๆ ที่บุคคลที่กล่าวข้างต้นได้ทำไว้ออกไปได้

นอกจากนี้ ยังเป็นการยกระดับกลุ่มคนไทยที่มีคุณภาพ แทนที่จะต้องหนีไปขอสัญชาติประเทศพัฒนาแล้ว เช่น USA, UK, EU, Aussie ซึ่งกว่าจะได้ส่วนใหญ่ต้องไปลงทุน หรือ อยู่ที่นั่นเป็น 10 ปี

คำกล่าวที่ว่า “คนไทยถ้าตั้งใจทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก” ซึ่งคนไทยที่ว่าส่วนใหญ่ ก็อยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ทั้งสิ้น

ดังนั้น เพื่อที่จะไม่ให้บุคคลที่กล่าวข้างต้นเป็นตัวถ่วงคนไทยที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นไปได้ไหมที่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น?

------------------------------------------

ปล. ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ

ผมค่อนข้างจะแปลกใจที่หลายๆ คำตอบค่อนข้างจะไปในทาง negative โดยผมมองว่าถ้ามี passport ตัวนี้เกิดขึ้นจริง ก็น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าเป็นโทษซะอีก

โดยผมจะขอ feedback ตามนี้ครับ

- ปัจจุบันบัตรคนจนมีได้ ทำไม passport คนรวยจะมีไม่ได้? อยากทราบว่ามันต่างกันตรงไหนครับ?

- หลายๆ ท่านทราบหรือไม่ว่า passport ของหลายๆ ประเทศ สามารถเดินทางได้ แบบ free visa? ฝรั่ง, คนญี่ปุ่น, คนเกาหลี, คนสิงคโปร์ แทบจะไม่รู้จักการขอ visa อยากจะบินเมื่อไรก็บิน

- ปัจจุบันก็มีบัตร APEC อยู่แล้ว บัตร APEC นี่ไม่ถือว่าเหลื่อมล้ำเหรอ?

- สำหรับบัตร APEC มันก็อำนวยความสะดวกให้ผมขึ้นมาได้ นิ๊สสเดียว โดยหลักๆ ผมสามารถเข้า จีน, Australia, New Zealand ได้โดยไม่ต้องใช้ visa และ สำหรับเกาหลี และ ญี่ปุ่น ผมสามารถเดินเข้าช่อง APEC ได้เลยทุกอย่างเสร็จภายใน 5-10 นาที ได้ไม่ต้องไปต่อ queue ตม.ร่วมกับคนอื่นๆ บางทีเป็นชั่วโมงถ้าคนเยอะ ผมก็เห็นประโยชน์ของมันแค่นี้ ถือว่ายังอ่อนด้อยนักถ้าเทียบกับ passport ของประเทศที่พัฒนาแล้ว

- หลายคนบอกว่าคนรวยไม่มีปัญหาทำ visa ผมมองว่าไม่จริงเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องบินบ่อยๆ จริงที่เวลาขอ visa ผมให้ลูกน้องทำให้ทั้งสิ้น แต่สุดท้ายบางสถานทูต (ไม่ใช่ทุกสถานทูต) ก็ require ให้ผมไป show up อยู่ดี บางทีรูปถ่ายหมดต้องออกไปหาร้านถ่ายรูป ซึ่งผมรู้สึกว่ามันน่ารำคาญ และ เสียเวลา แน่นอนผมไม่เคยถูกปฏิเสธ visa หรอก แต่มีรุ่นพี่ผมคนนึง มี cash ในบัญชี 7 หลักเป็นค่าขนมที่ใช้ในชีวิตประจำวันเคยโดนปฏิเสธ visa จนทำให้ trip เกือบล่ม อย่าทำเป็นเล่นไป

- การขอ visa เป็นการเสียเวลา และ เสีย opportunity โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องมาจากต่างจังหวัด ทุกปีเวลาจะพาผู้จัดการบรํษัทไปเที่ยว regional manager ที่ประจำอยู่ต่างจังหวัดต้องบินมาทำ visa ที่ กทม. บางคนถึงกับต้องค้างถ้าไม่สามารถ catch last flight ได้ ซึ่งเป็นการเพิ่ม cost โดยใช่เหตุ

- สำหรับคนที่บอกว่าข้อมูลที่ผมเอามาลงเรื่องความเหลื่อมล้ำนั้นมั่ว จะมั่วหรือไม่มั่วผมไม่ทราบ แต่ผมเห็นว่า source of information นั้นมาจาก Credit Suisse ถ้าข้อมูลมาจาก Credit Suisse ผมเชื่อถือและให้น้ำหนักครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ต่างประเทศ เขามีแต่ต่อต้านการเหยียดสีผิว
เหยียดเพศ. เหยียดชนชั้น


ถ้าคนรวยอยากไปต่างประเทศ มันไม่ได้ยากอะไรเลยกับการขอวีซ่า

ทุกวันนี้มีแต่เขาคิดว่าจะทำอย่างไรให้การเหยียด
มันหาย. หรือลดน้อยลง

จะทำอย่างไร ให้ช่องว่าง ทางสังคมลดลง

คุณ เจ้าของกระทู้.  ไม่ต้องไปเป็นห่วงคนรวยหรอกค่ะ.   คนรวยเขาไม่เดือดร้อน เรื่องการไปต่างประเทศหรอกค่ะ


คนที่มาบ่นว่า ขอวีซ่ายาก. เพราะรวยไม่จริงนะซิ

ฉะนั้นไม่ต้องไปเป็นห่วงคนรวยหรอกค้า
ความคิดเห็นที่ 9
วีซ่า  มันเป็นเรื่องของประเทศปลายทางที่เราอยากจะไปนี่ครับ  ที่จะเป็นคนพิจารณาว่าจะให้เราเข้าประเทศของเขาได้หรือไม่
ถ้าคุณสมบัติของเราครบถ้วนตามเงื่อนไขวีซ่าที่เขากำหนดไว้  เขาก็ยอมให้เข้าประเทศได้ทุกคนนั่นแหละครับ
มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องมายอมให้ฝ่ายเราเป็นคนกำหนดซะเอง  ว่าไอ้คนนี้มันรวย  หน้าที่การงานดี  ให้เข้าประเทศยูได้เลย  ไม่มีปัญหาหรอก  ไอรับรองแล้ว
มันก็จะกลายเป็นเราไปมีสิทธิ์เหนือดินแดนคนอื่นเขาเอาดื้อ ๆ ซิครับ  ใครเขาจะยอม...555
ความคิดเห็นที่ 25
เริ่มกระทู้มา มีการด่า ว่ารัฐบาลกระจายรายได้ไม่ดี โอกาสไม่เท่าเทียม ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ

อ่านไปอ่านมา อยากให้เกิดความเหลื่อมล้ำซะเองโดยมีพาสปอร์ตคนรวย ตกลงจะเอายังไงกันแน่ครับ

ผมว่าที่เรื่องมากสุดก็ประเทศจีนนี่แหละ จะรวยจะจน จะถือพาสปอร์ตชาติไหนก็ขอวีซ่ายากทั้งนั้น พอไปถึงก็ลำบากลำบน น้ำเย็นจะกินยังหาแทบไม่ได้ ห้องน้ำก็ไม่มีกระดาษทิชชู่
ความคิดเห็นที่ 4
คนรวยมากๆ เขาไปลงทุนในต่างประเทศ มีวีซ่านักลงทุนระยะยาว ไอดีการ์ด หรือมีควบสัญชาติได้อยู่แล้วค่ะ
การที่จะให้ใครเข้าประเทศหรือต้องขอวีซ่า แต่ละประเทศเขากำหนดค่าพาสปอร์ตค่ะ ไม่ใช่ทางเรา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่