+ + + ชีวิตไม่แน่นอนอย่าประมาท .... By The Angel Gang + + +

กระทู้คำถาม
เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ชีวิตของคนเรานั้นสั้นนัก เราไม่รู้ว่าชีวิตของเราจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ดังนั้นโบราณท่านจึงสอนว่า “จงหมั่นเพียรทำความดี และทำวันนี้ให้ดีที่สุด”

เมื่อเดือนก่อน ดิฉันไปพบลูกค้าที่ร้านแห่งหนึ่ง ตอนจะกลับออกมาก็เกิดพายุฝนตกกระหน่ำ ลมพัดแรง ไฟฟ้าก็ดับ ภายในร้านจึงมืดและร้อนอบอ้าว ด้วยความที่ร้านลูกค้ามีสินค้าวางขายอยู่เป็นจำนวนมาก ดิฉันจึงคิดว่าออกมายืนรอฝนหยุดตกอยู่ข้างนอกร้านจะสบายใจกว่า (เพื่อเคลียร์ตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง ถ้าเกิดมีสินค้าสูญหาย) ดิฉันจึงออกมายืนอยู่หน้าร้าน แต่ลมพัดแรงมากพัดพาเอาเม็ดฝนสาดกระจายเข้ามาถึงหน้าร้านตรงที่ดิฉันยืนอยู่ น้องเด็กในร้านเห็นดังนั้น จึงได้เปิดประตูกระจกหน้าร้านเพื่อออกมาเรียกให้ดิฉันกลับเข้าไปหลบฝนอยู่ข้างในตามเดิม

ในชั่วขณะที่ประตูร้านเปิดออก จังหวะที่น้องเด็กในร้านโผล่ตัวออกมานั้น ป้ายชื่อร้านที่เป็นแผ่นอะคริลิกหนาประมาณหนึ่งนิ้ว ได้หล่นลงมา และเป็นจังหวะที่ดิฉันขยับตัวเพื่อหลบบานประตู แผ่นป้ายนั้นจึงหล่นไปโดนตัวน้องคนนั้นเฉียดศีรษะไปลงที่ท้ายทอย ต้นคอและหลังของน้อง ในขณะที่ปลายด้านหนึ่งของป้ายก็ไพล่มาโดนไหล่และบริเวณกกหูของดิฉันด้วย เฉียดศีรษะไปนิดเดียวเหมือนกัน



น้องคนนั้นล้มลงและหมดสติไปทันที ส่วนดิฉันก็มึนงงไปอยู่พักใหญ่ๆ คือโลกมันมืดๆหมุนๆ เห็นดาวกระจายระยิบระยับและมีเสียงวิ๊งๆในหู แล้วก็มีคนวิ่งมาพยุงดิฉันให้ไปนั่งและ พยายามปลุกน้องคนนั้นให้ตื่นพร้อมกับช่วยกันพยุงน้องให้นั่งและนวดตามเนื้อตามตัว ตบหน้าให้น้องได้สติ ดิฉันกลัวว่าน้องจะเป็นอะไรมากหรือเปล่าก็พยายามจะเข้าไปดู แต่พอยืนขึ้นก็เซ ทำให้ต้องนั่งอยู่อย่างนั้น ใจคอไม่ดีเลย แต่ซักพักก็มีคนตะโกนว่า น้องรู้สึกตัวแล้ว ดิฉันจึงได้โล่งอก และรู้สึกปวดศีรษะและไหล่หนุบๆ ขึ้นมาทันที แต่ก็ยังพอทนได้ จึงได้ขับรถไปที่คลินิกใกล้ๆแถวๆนั้น

หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ดิฉันก็ได้โทรไปถามไถ่อาการของน้องคนนั้นและได้โอนเงินไปช่วยเหลือเป็นค่ารักษาพยาบาล 3,000 บาท น้องศีรษะแตกเล็กน้อยและกระดูกบริเวณต้นคอร้าว นอนพักรักษาตัวอยู่ รพ. หลายวัน ทำกายภาพบำบัดด้วย ส่วนดิฉันก็ไปหาหมอและเช็คละเอียดแล้ว ไม่เป็นอะไรนอกจากบวมและกล้ามเนื้ออักเสบที่ไหล่ พักรักษาตัวสองวันก็กลับมาทำงานได้ตามปกติค่ะ แต่ก็มีอาการเจ็บขัดบริเวณที่โดนทับประมาณ 2 อาทิตย์


และเมื่อคืนวานดิฉันได้ไปทำงานที่ จ.สุรินทร์ ออกจากบุรีรัมย์ก็ 4 โมงเย็นแล้ว ปกติดิฉันจะไม่พักที่สุรินทร์จึงไม่มีที่พักประจำ แต่เนื่องจากไปถึงก็เย็นแล้วก็เลยเสิร์ทในเน็ตหาที่พัก ก็เจออพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ลงโฆษณาพร้อมรูปว่า ห้องพักดี สะอาด ฟรีไวไฟ และราคาไม่แพง ดิฉันเห็นรูปแล้วก็โอเค ก็โทรไปจองทันที เจ้าของบอกว่า เหลืออยู่ห้องหนึ่งจะจองไหม ถ้าไม่จองจะมีคนมาเอาต่อแล้วนะ เพราะตอนนี้ที่สุรินทร์มีงานรับปริญญา ห้องพักส่วนใหญ่จะเต็ม
ดิฉันรีบตกลงทันทีเพราะกลัวไม่มีที่พัก หลังจากที่จ่ายเงินที่เคาท์เตอร์แล้ว เจ้าของบอกว่าที่นี่เต็ม ที่ดิฉันจองเข้ามานั้นอยู่อีกที่หนึ่งแล้วจะให้คนนำทางไป พอไปถึงและคนนำทางเปิดประตูห้องให้ ดิฉันแทบสลบ เพราะสภาพห้องนั้นดูเก่า ทรุดโทรมและสกปรก เท้าเปล่าสัมผัสได้ถึงฝุ่นละอองระคายจนดิฉันต้องเผลอเขย่งเท้าอย่างลืมตัว แถมมีกลิ่นเหม็นของบ่อเกรอะด้านนอกโชยเข้ามาเป็นระยะๆอีกต่างหาก

ยังไม่ทันจะอ้าปากถามอะไร คนเปิดห้องให้ก็เผ่นขึ้นมอไซด์แน่บกลับไปแล้ว อ้าว... เอาไงดีเรา ลองเสิร์ทเน็ตดูอีกที ไอ้แบตเจ้ากรรมก็ดันหมด ก็เลยต้องต่อปลั๊กชาร์ตแบ็ตก่อน และเมื่อโทรไปอีกสองสามที่ ก็ได้รับคำตอบว่าเต็มหมดแล้ว เอ้า เป็นไงก็เป็นกันก็ต้องนอนล่ะ ทำไงได้ ก็หยิบรีโมทแอร์มาเปิด เพราะร้อนอบอ้าวเหลือเกิน ปรากฏว่าแอร์ตัวนั้น มีเพียงแค่เสียงพัดลมครางกระหึ่มแต่ไม่มีน้ำยาแอร์กระจายออกมาให้ได้สัมผัสความเย็นเลยสักนิด แต่ก็ยังคิดว่า มันยังเพิ่งเปิดเดี๋ยวอีกหน่อยก็คงเย็นเองล่ะ



ทีนี้ก็ได้เวลาสำรวจห้อง คุณพระ ! บนพื้นห้องมีขบวนแห่งานศพของมดดำเป็นทิวแถว ก็จะไม่ใช่งานศพได้ยังไงล่ะ ก็มันกำลังช่วยกันหามศพมดอีกตัวเดินไปยังซอกในมุมห้องอะ จึ๋ยยย ...   เข้าไปดูห้องน้ำบ้าง โอยยย ลมแทบจับ ตัวชักโครกนั้นมีแต่คราบสีน้ำตาลคล้ายๆสนิมไหลเป็นทางลงไปในคอห่าน ฝาผนังห้องน้ำล้วนลายไปด้วยตัวหนอนปลอก หันไปมองที่วางสบู่ที่เป็นตะแกรงสนิมเขรอะมีสบู่ก้อนเล็กๆ วางอยู่ก้อนหนึ่งแห้งกรัง แสดงให้เห็นว่าห้องนี้ร้างการทำความสะอาดมานาน

กลับออกมาข้างนอกเพราะร้อน คิดว่าจะได้รับความเย็นฉ่ำจากแอร์ที่ดังกระหึ่มอยู่นั้น แต่กลับเป็นว่ายิ่งร้อนกว่าเดิม หันไปหยิบรีโมทมาจะปรับอุณหภูมิให้ลดลง ปรากฏว่าหน้าจอบอกว่า 16 ดีกรี โอ้ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด !! 16 ดีกรีแต่ตรูใกล้จะสุกแย๊ววววว
ยังนะคะ ยังไม่พอ พอระเห็จไปนั่งลงบนเตียง เพียงแค่หย่อนก้นลงยังไม่เต็มพื้นเตียงเลย เสียงดังสนั่น แอ๊ด แอ๊ด แอ๊ด ก็ตามติดมาทันที ขยับตัวทีเสียงเตียงก็ดังลั่นที แล้วคืนนี้ดิฉันจะนอนหลับมั๊ยแง๊ !! โอ้หนอชีวิต ...

สรุปแล้วคืนนั้นไปหลับเอาตอนตีสี่ค่ะ เพราะร่างกายมันต้องพักไงคะ ยังไงเราก็ต้องข่มตาหลับให้ได้ ขอบอกเลยว่าก่อนนอนดิฉันสวดมนต์อธิฐานขอพรพระไม่ต่อกว่า 3 รอบค่ะ อ้อ ลืมบอกไปว่า กลอนประตูก็หลวมและหมิ่นเหม่มาก แถมมีช่องกว้างประมาณ 1 เซนต์เป็นแนวยาวตามประตูด้วย ดิฉันต้องเอาเก้าอี้และรองเท้า พร้อมทั้งกระเป๋าไปขวางเอาไว้ ...เง้อ

เมื่อจบงานที่สุรินทร์ก็เข้าศรีสะเกษ ทีนี้ดิฉันไม่ยอมงกเหมือนเมื่อคืนแล้ว จองโรงแรมระดับสามดาวเลยล่ะ และราคาก็ไม่แพงนะคะก็อยู่ในเรทที่เบี้ยเลี้ยงของดิฉันยังเหลืออยู่ เข้าห้องพักมาดิฉันก็ทิ้งตัวลงนอนที่เตียงนุ่มๆ ขาวสะอาดและหมอนที่หนุนแล้วทำให้หลับปุ๋ยไปทันที นอนไปซักประมาณชั่วโมงหนึ่งถึงตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ปลุก เป็นห้องที่แต่งสไตล์วินเทจ สีพาสเทลหวานๆ ดอกไม้ประดับสวยๆ  อุ๊ย หวานเชียะอยากจะนอนต่อ แต่พอดีนางฟ้าชุนเทียนโทรมาก่อกวนซะก่อน ก็เลยคุยยาวเลยทีนี้ ...

ก็เพราะชีวิตคือการเดินทาง ทำให้เราได้มีประสบการณ์ทั้งสุขทั้งเศร้าคละเคล้ากันไป มันก็คือรสชาติของขีวิต ก็ขอให้พวกเราใช้ชีวิตอย่างสนุกและมีความสนุก แต่ก็อย่าได้ใช้ชีวิตประมาทนะคะ พลาดพลั้งมาเราอาจไม่มีโอกาสได้กลับไปแก้ไข  .... ด้วยความปรารถนาดี จาก .....แก๊งนางฟ้า




The Angel Gang

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่