.
.
Girls und Panzer Katyusha
.
.
เพลงนี้มีก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อตอนที่นาซีเยอรมันโจมตีสหภาพโซเวียต
ทำให้ทหารรัสเซียต้องเคลื่อนทัพไปแนวหน้า
เพื่อต่อสู้กับนาซีเยอรมัน
มีกลุ่มนักเรียนหญิงจากโรงเรียนช่างอุตสาหกรรมในมอสโคว
ต่างมารวมตัวกันร้องเพลงนี้เพื่อส่งทหารรัสเซียไปรบในแนวหน้า
ทำให้ทหารรัสเซีย/ชาวบ้านที่ได้ฟังเพลงนี้
รู้สึกซาบซื้งตรึงใจกับเพลงนี้มาก จึงกลายเป็นเพลงยอดนิยม
©
ลูกศร ต้นนที
.
.
.
.
Leo Trotsky สูญสิ้นอำนาจในรัสเซีย
เพราะต่อกรกับ Joseph Stalin
Leo Trotsky พบว่าตนเองอยู่ในอันตราย
ในสถานะการณ์ที่ล่อแหลมมาก
Mary Evans Picture Library/Global Look Press
.
.
หน่วยสืบราชการลับรัสเซียในทศวรรษ 1930-50
ไม่เคยเกรงกลัวที่จะกำจัดศัตรูที่มีปัญหาด้วยการฆ่าทิ้ง
เรื่องราวของศัตรูของรัฐ 3 คนซึ่งถูกสังหารทิ้งในต่างชาติโดยสายลับรัสเซีย
"
จะไม่มีความปราณีต่อสายลับและคนต่อทรยศต่อมาตุภูมิ "
บทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์พรรคบอลเชวิค
Bolshevik ในปี 1937
วาทกรรมนี้ คือ คำขวัญของหน่วยสืบราชการลับรัสเซีย
ทรยศ คือ ใครก็ตามที่กระทำการใด ๆ
ที่เป็นอันตรายต่อพรรคคอมมิวนิสต์
และผลประโยชน์ของผู้นำที่ยิ่งใหญ่
สายลับรัสเซียจะทุ่มเทเงินทอง/พยายามอย่างแรง
ในการ
กำจัดศัตรูของรัฐ แม้ว่าศัตรูเหล่านี้
จะอาศัยอยู่ห่างไกลจากรัสเซียก็ตาม
การกำจัดคู่ต่อสู้/คู่แข่งทางการเมือง
เป็นกิจกรรมยอดนิยมโดยเฉพาะภายใต้
การปกครองในยุค
Joseph Stalin
ซึ่งได้รับการยืนยันหลังจากมันตายแล้ว
.
1.
.
Alexander Kutepov - ผู้นำขบวนการฝ่ายขาว
White Movement ในยุโรป Legion Media
Alexander Kutepov (1882 - 1930)
นายพลที่เป็นข้าราชบริพารจักรพรรดิ์รัสเซีย
ผู้อุทิศชีวิตเพื่อรับใช้สถาบันกษัตริย์ราชวงศ์โรมานอฟ
ท่านเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการกองทัพบก
เป็นผู้นำกลุ่มฝ่ายขวาต่อต้านกลุ่มคอมมิวนิสต์(ฝ่ายซ้าย)
ในช่วงสงครามกลางเมือง (1917-1922)
แต่การเคลื่อนไหวของขบวนการฝ่ายขาว
White Movement
กลับประสบความล้มเหลวในที่สุด
ในปี 1920 ท่านจึงหนีไปยุโรป
และได้เป็นประธานสหภาพทหารรัสเซีย
Russian All-Military Union (ROVS)
องค์กรเคลื่อนไหวขบวนการฝ่ายขาวที่นิยมกษัตริย์
ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อพยายามเอาชนะพวกบอลเชวิค
ในฐานะประธาน ROVS จึงได้สั่งการ
ให้ทำการก่อการร้ายในรัสเซียหลายจุด
เช่น การวางระเบิดใน Central Club of the Party
ของพรรคคอมมิวนิสต์ในเมือง
Leningrad
จึงไม่ต้องแปลกใจที่ท่านจะต้องถูกตอบโต้กลับจาก
เจ้าหน้าที่รัฐ
OGPU (Joint State Political Directorate)
ข้อมูล/พยานหลักฐานอย่างไม่เป็นทางการ
ยังไม่มีความชัดเจนว่า Alexande Kutepov ตายเพราะสาเหตุใด
เพราะครั้งสุดท้ายยังมีคนเห็นท่านใช้ชีวิตอยู่ในกรุงปารีส
ในวันที่ 26 มกราคม 1930
ตามบันทึกของ
Pavel Sudoplatov อดีตสายลับโซเวียต
สายลับรัสเซีย 2 คนแต่งตัวเป็นตำรวจฝรั่งเศส
สั่งให้ Alexander Kutepov หยุดบนท้องถนนและพาท่านไปที่รถยนต์
หลังจากท่านได้ยินคำพูดภาษารัสเซียจากตำรวจปลอม
Alexander Kutepov จึงเริ่มต่อสู้และเสียชีวิตอย่างกะทันหันจากอาการโรคหัวใจวาย
แต่อีกกระแสข่าวระบุว่า
สายลับรัสเซียพยายามลักพาตัว
Alexander Kutepov ไปยังสถานที่ลับแห่งหนึ่ง
บังเอิญฉีดมอร์ฟีนมากเกินไปทำให้เสียชีวิตทันที
.
.
.
2.
.1
Leon Trotsky ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์เสื่อมเสีย
ขณะให้สัมภาษณ์ที่บ้านพักลี้ภัยแห่งใหม
พิพิธภัณฑ์ของ Leon Trosky ที่เม็กซิโกซิตี้
ประเทศเม็กซิโก
Leon Trotsky เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 1940 ในเม็กซิโก
เป็นเหยื่อของการถูกสังหารทิ้ง / DPA/Global Look Press
ในช่วงระหว่างสงครามกลางเมืองภายในรัสเซีย
Leon Trotsky (1879 – 1940)
คือ ผู้นำคอมมิวนิสต์หมายเลข 2
และผู้บัญชาการทหาร/ผู้ก่อตั้งกองทัพแดง
ชาวบ้านมักจะเรียกท่านว่า สหายหมายเลขสองของพรรค
เพราะความสำคัญในการติดตามรับใช้เลนินอย่างใกล้ชิด
รวมทั้งมีข้อคิดข้อเขียนแนวคิดทฤษฏีคอมมิวนิสต์ไม่ด้อยกว่าเลนิน
ความนิยมและอิทธิพลของ Leon Trotsky
ดูเหมือนว่าไม่ใครจะทำร้ายหรือโค้นล้มลงได้
แต่กาลเวลาได้พิสูจน์ว่าเรื่องนี้ผิดพลาดและไม่จริง
หลังจากการเสียชีวิตของ
Lenin ในปี 1924
สตาลินค่อย ๆ บีบ/กำจัดผู้สนับสนุนทรอตสกี้
ออกจากพรรคคอมมิวนิสต์/รัฐบาลโซเวียตรัสเซีย
แล้วรวบอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือในปี 1927
ทรอตสกี้ถูกขับไล่ออกจากพรรคคอมมิวนิสต์
และต่อมาไม่นานก็ถูกเนรเทศออกจากรัสเซีย
มีประเทศหนึ่งในยุโรปได้ปฏิเสธรับการขอลี้ภัย
เพราะสตาลินกดดันอย่างแรง
จึงต้องหนีไปลี้ภัยที่ซึกโลกอีกด้านหนึ่ง ที่เม็กซิโก
แต่แล้วสตาลินรู้ทันทีว่า
การปล่อยศัตรูหนีไปต่างชาติกลายเป็นความผิดพลาด
แม้ว่าทรอตสกี้จะถูกเนรเทศออกไปจากรัสเซียแล้ว
แต่ท่านยังคงตีพิมพ์เผยแพร่หนังสือ บทความ แถลงการณ์ต่าง ๆ
ประณามระบอบการปกครองของสตาลิน
ว่าเป็นลัทธิแก้ไม่ใช่อุดมการณ์ลัทธิมาร์กซิสต์
และไม่ได้ทำการปฏิวัติเพื่อชนชั้นกรรมาชีพ/ชาวนา
ทั้งยังพยายามสร้างขบวนการสังคมนิยมนานาชาติ
เพื่อต่อต้านระบอบการปกครองแบบเผด็จการของสตาลิน
ดังนั้น สตาลินจึงตัดสินใจว่าต้องกำจัดศัตรูรายนี้ทิ้ง
Pavel Sudoplatov รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศของ
NKVD ในช่วงนั้น
จึงได้เริ่มวางแผนลอบสังหารทรอตสกี้
โดยมอบหมายให้
Ramón Mercader สายลับชาวสเปญที่นิยมสตาลิน
ไปแกล้งทำตัวเป็นผู้สนับสนุน/ชื่นชอบทรอตสกี้
มักจะไปแวะเยี่ยมทรอตสกี้ใน
Coyoacán
ทำให้เข้าถึงวงในและไปที่บ้านพักได้
วันที่ 20 สิงหาคม 1940
ทั้งคู่อยู่ด้วยกันสองต่อสองในบ้านพักทรอตสกี้
ในขณะที่ทรอตสกี้ก้มลงอ่านกระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะ
Mercader ได้แอบย่องเดินเข้าไปด้านหลัง
แล้วจามหัวทรอตสกี้ด้วยขวานจามน้ำแข็ง
จนทำให้ทรอตสกี้บาดเจ็บสาหัส
มีแผลที่หัวลึกประมาณ 7 เซนติเมตร
แต่กินเวลาเป็นวันกว่าจะตาย
Ramón Mercader ถูกศาลเม็กซิโกตัดสินจำคุก 20 ปี
ในปี 1960 จึงได้รับการปล่อยตัว/รอการเนรเทศ
แต่ Ramón Mercader ขอย้ายไปอยู่ที่สหภาพโซเวียต
และได้รับเหรียญ
Hero of the Soviet Union
ก่อนเสียชีวิตจากโรคมะเร็งและถูกฝังศพอยู่ใน
Moscow
.
.
จนกระทั่งทุกวันนี้
Stepan Bandera (1909-1959)
ยังคงเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากที่สุด
หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย
แต่ชาว
Ukrainians ส่วนใหญ่ต่างลงความเห็นว่า
ท่านเป็นนักสู้เพื่อเสรีภาพที่นำการเคลื่อนไหวต่อต้านโปแลนด์
และต่อต้านรัสเซียในยูเครนตะวันตกในทศวรรษ 1920-1930
แต่ก็ยังมีชาวยูเครนและชาวรัสเซียที่สนับสนุนสหภาพโซเวียต
ต่างประณามท่านที่เคยร่วมมือกับพวกนาซีเยอรมันนี
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และการสังหารหมู่พลเรือนผู้บริสุทธิ์
แต่มีเรื่องหนึ่งที่แน่นอนคือ ท่านถูกหมายหัวไว้แล้วโดยรัสเซีย
ในช่วงต้นทศวรรษ 1950
Stepan Bandera อดีตนักโทษในค่ายกักกันเชลยศึก
Sachsenhausen ในมิวนิค
ได้ร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองตะวันตกที่มี
CIA เป็นแกนนำ
เพราะหวังว่าถ้าทำลายคอมมิวนิสต์จะทำให้ยูเครนมีเอกราช
ดังนั้น ท่านจึงตกเป็นเป้าหมายของการลอบสังหารหลายครั้ง
ผู้สนับสนุนท่านจึงได้ขอร้องให้ท่านหลบหนีไประยะหนึ่ง
ท่านก็เห็นชอบด้วยกับเรื่องนี้และตอบตกลง
แต่การลอบสังหารครั้งสุดท้ายประสบความสำเร็จ
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 1959
Bohdan Stashinsky สายลับของ
KGB
ได้แอบซุ่มตัวรอคอยอยู่ที่ทางเข้าบ้านพัก
ของ Stepan Bandera ใน
Munich
พร้อมกับปืนลมที่บรรจุกระสุนสารหนู
Cyanide
ที่ซ่อนไว้ในหนังสือพิมพ์ที่พับไว้
.

.
.
" แก มาทำอะไรที่นี่ "
Stepan Bandera ถาม Bohdan Stashinsky
ก่อนที่จะถูกยิงด้วยปืนลมที่มีกระสุนอาบยาพิษ
Bohdan Stashinsky ได้หลบหนีคดีอาญานานถึง 2 ปี
โดยหลบหนีเข้าไปอยู่ในเยอรมันนีตะวันออก
ซึ่งเป็นรัฐบริวารของสหภาพโซเวียตแกนนำกลุ่ม
Warsaw
(
Putin เคยทำงานที่นี่ทำให้พูดภาษาเยอรมันได้เป็นอย่างดี)
ก่อนที่ผู้ร้ายฆ่าคนจะหลบหนีออกมาพร้อมกับภริยา
โดยลอบเดินทางเข้ามาในเยอรมนีตะวันตก
ซึ่งเป็นรัฐบริวารของสหรัฐอเมริกา แกนนำกลุ่ม
Nato
และขอลี้ภัยทางการเมืองที่นั่น
โดยรับสารภาพว่า ตนเองคือคนที่ลอบสังหาร Stepan Bandera
แต่ทางการเยอรมันนีปฎิเสธคำขอและตัดสินจำคุก 4 ปี
หลังจากได้รับอิสรภาพแล้ว ก็ขอลี้ภัยไปอยู่ที่สหภาพแอฟริกาใต้
โดย CIA ช่วยเหลือเปลี่ยนแปลงหลักฐานต่าง ๆ
รวมทั้งจัดหาที่อยู่เพื่อป้องกันการถูกลอบสังหาร
.
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/6ceNhc
.
.

.
ศัตรูโซเวียตรัสเซียที่ถูกไล่ล่าและฆ่าทิ้งในต่างชาติ 3 ราย
.
Girls und Panzer Katyusha
.
เพลงนี้มีก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อตอนที่นาซีเยอรมันโจมตีสหภาพโซเวียต
ทำให้ทหารรัสเซียต้องเคลื่อนทัพไปแนวหน้า
เพื่อต่อสู้กับนาซีเยอรมัน
มีกลุ่มนักเรียนหญิงจากโรงเรียนช่างอุตสาหกรรมในมอสโคว
ต่างมารวมตัวกันร้องเพลงนี้เพื่อส่งทหารรัสเซียไปรบในแนวหน้า
ทำให้ทหารรัสเซีย/ชาวบ้านที่ได้ฟังเพลงนี้
รู้สึกซาบซื้งตรึงใจกับเพลงนี้มาก จึงกลายเป็นเพลงยอดนิยม
© ลูกศร ต้นนที
.
.
.
Leo Trotsky สูญสิ้นอำนาจในรัสเซีย
เพราะต่อกรกับ Joseph Stalin
Leo Trotsky พบว่าตนเองอยู่ในอันตราย
ในสถานะการณ์ที่ล่อแหลมมาก
Mary Evans Picture Library/Global Look Press
.
.
หน่วยสืบราชการลับรัสเซียในทศวรรษ 1930-50
ไม่เคยเกรงกลัวที่จะกำจัดศัตรูที่มีปัญหาด้วยการฆ่าทิ้ง
เรื่องราวของศัตรูของรัฐ 3 คนซึ่งถูกสังหารทิ้งในต่างชาติโดยสายลับรัสเซีย
" จะไม่มีความปราณีต่อสายลับและคนต่อทรยศต่อมาตุภูมิ "
บทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์พรรคบอลเชวิค Bolshevik ในปี 1937
วาทกรรมนี้ คือ คำขวัญของหน่วยสืบราชการลับรัสเซีย
ทรยศ คือ ใครก็ตามที่กระทำการใด ๆ
ที่เป็นอันตรายต่อพรรคคอมมิวนิสต์
และผลประโยชน์ของผู้นำที่ยิ่งใหญ่
สายลับรัสเซียจะทุ่มเทเงินทอง/พยายามอย่างแรง
ในการ กำจัดศัตรูของรัฐ แม้ว่าศัตรูเหล่านี้
จะอาศัยอยู่ห่างไกลจากรัสเซียก็ตาม
การกำจัดคู่ต่อสู้/คู่แข่งทางการเมือง
เป็นกิจกรรมยอดนิยมโดยเฉพาะภายใต้
การปกครองในยุค Joseph Stalin
ซึ่งได้รับการยืนยันหลังจากมันตายแล้ว
.
1.
.
Alexander Kutepov - ผู้นำขบวนการฝ่ายขาว
White Movement ในยุโรป Legion Media
นายพลที่เป็นข้าราชบริพารจักรพรรดิ์รัสเซีย
ผู้อุทิศชีวิตเพื่อรับใช้สถาบันกษัตริย์ราชวงศ์โรมานอฟ
ท่านเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการกองทัพบก
เป็นผู้นำกลุ่มฝ่ายขวาต่อต้านกลุ่มคอมมิวนิสต์(ฝ่ายซ้าย)
ในช่วงสงครามกลางเมือง (1917-1922)
แต่การเคลื่อนไหวของขบวนการฝ่ายขาว White Movement
กลับประสบความล้มเหลวในที่สุด
ในปี 1920 ท่านจึงหนีไปยุโรป
และได้เป็นประธานสหภาพทหารรัสเซีย
Russian All-Military Union (ROVS)
องค์กรเคลื่อนไหวขบวนการฝ่ายขาวที่นิยมกษัตริย์
ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อพยายามเอาชนะพวกบอลเชวิค
ในฐานะประธาน ROVS จึงได้สั่งการ
ให้ทำการก่อการร้ายในรัสเซียหลายจุด
เช่น การวางระเบิดใน Central Club of the Party
ของพรรคคอมมิวนิสต์ในเมือง Leningrad
จึงไม่ต้องแปลกใจที่ท่านจะต้องถูกตอบโต้กลับจาก
เจ้าหน้าที่รัฐ OGPU (Joint State Political Directorate)
ข้อมูล/พยานหลักฐานอย่างไม่เป็นทางการ
ยังไม่มีความชัดเจนว่า Alexande Kutepov ตายเพราะสาเหตุใด
เพราะครั้งสุดท้ายยังมีคนเห็นท่านใช้ชีวิตอยู่ในกรุงปารีส
ในวันที่ 26 มกราคม 1930
ตามบันทึกของ Pavel Sudoplatov อดีตสายลับโซเวียต
สายลับรัสเซีย 2 คนแต่งตัวเป็นตำรวจฝรั่งเศส
สั่งให้ Alexander Kutepov หยุดบนท้องถนนและพาท่านไปที่รถยนต์
หลังจากท่านได้ยินคำพูดภาษารัสเซียจากตำรวจปลอม
Alexander Kutepov จึงเริ่มต่อสู้และเสียชีวิตอย่างกะทันหันจากอาการโรคหัวใจวาย
แต่อีกกระแสข่าวระบุว่า
สายลับรัสเซียพยายามลักพาตัว
Alexander Kutepov ไปยังสถานที่ลับแห่งหนึ่ง
บังเอิญฉีดมอร์ฟีนมากเกินไปทำให้เสียชีวิตทันที
.
.
2.
.1
Leon Trotsky ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์เสื่อมเสีย
ขณะให้สัมภาษณ์ที่บ้านพักลี้ภัยแห่งใหม
พิพิธภัณฑ์ของ Leon Trosky ที่เม็กซิโกซิตี้
ประเทศเม็กซิโก
Leon Trotsky เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 1940 ในเม็กซิโก
เป็นเหยื่อของการถูกสังหารทิ้ง / DPA/Global Look Press
ในช่วงระหว่างสงครามกลางเมืองภายในรัสเซีย
Leon Trotsky (1879 – 1940)
คือ ผู้นำคอมมิวนิสต์หมายเลข 2
และผู้บัญชาการทหาร/ผู้ก่อตั้งกองทัพแดง
ชาวบ้านมักจะเรียกท่านว่า สหายหมายเลขสองของพรรค
เพราะความสำคัญในการติดตามรับใช้เลนินอย่างใกล้ชิด
รวมทั้งมีข้อคิดข้อเขียนแนวคิดทฤษฏีคอมมิวนิสต์ไม่ด้อยกว่าเลนิน
ความนิยมและอิทธิพลของ Leon Trotsky
ดูเหมือนว่าไม่ใครจะทำร้ายหรือโค้นล้มลงได้
แต่กาลเวลาได้พิสูจน์ว่าเรื่องนี้ผิดพลาดและไม่จริง
หลังจากการเสียชีวิตของ Lenin ในปี 1924
สตาลินค่อย ๆ บีบ/กำจัดผู้สนับสนุนทรอตสกี้
ออกจากพรรคคอมมิวนิสต์/รัฐบาลโซเวียตรัสเซีย
แล้วรวบอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือในปี 1927
ทรอตสกี้ถูกขับไล่ออกจากพรรคคอมมิวนิสต์
และต่อมาไม่นานก็ถูกเนรเทศออกจากรัสเซีย
มีประเทศหนึ่งในยุโรปได้ปฏิเสธรับการขอลี้ภัย
เพราะสตาลินกดดันอย่างแรง
จึงต้องหนีไปลี้ภัยที่ซึกโลกอีกด้านหนึ่ง ที่เม็กซิโก
แต่แล้วสตาลินรู้ทันทีว่า
การปล่อยศัตรูหนีไปต่างชาติกลายเป็นความผิดพลาด
แม้ว่าทรอตสกี้จะถูกเนรเทศออกไปจากรัสเซียแล้ว
แต่ท่านยังคงตีพิมพ์เผยแพร่หนังสือ บทความ แถลงการณ์ต่าง ๆ
ประณามระบอบการปกครองของสตาลิน
ว่าเป็นลัทธิแก้ไม่ใช่อุดมการณ์ลัทธิมาร์กซิสต์
และไม่ได้ทำการปฏิวัติเพื่อชนชั้นกรรมาชีพ/ชาวนา
ทั้งยังพยายามสร้างขบวนการสังคมนิยมนานาชาติ
เพื่อต่อต้านระบอบการปกครองแบบเผด็จการของสตาลิน
ดังนั้น สตาลินจึงตัดสินใจว่าต้องกำจัดศัตรูรายนี้ทิ้ง
Pavel Sudoplatov รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศของ NKVD ในช่วงนั้น
จึงได้เริ่มวางแผนลอบสังหารทรอตสกี้
โดยมอบหมายให้ Ramón Mercader สายลับชาวสเปญที่นิยมสตาลิน
ไปแกล้งทำตัวเป็นผู้สนับสนุน/ชื่นชอบทรอตสกี้
มักจะไปแวะเยี่ยมทรอตสกี้ใน Coyoacán
ทำให้เข้าถึงวงในและไปที่บ้านพักได้
วันที่ 20 สิงหาคม 1940
ทั้งคู่อยู่ด้วยกันสองต่อสองในบ้านพักทรอตสกี้
ในขณะที่ทรอตสกี้ก้มลงอ่านกระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะ
Mercader ได้แอบย่องเดินเข้าไปด้านหลัง
แล้วจามหัวทรอตสกี้ด้วยขวานจามน้ำแข็ง
จนทำให้ทรอตสกี้บาดเจ็บสาหัส
มีแผลที่หัวลึกประมาณ 7 เซนติเมตร
แต่กินเวลาเป็นวันกว่าจะตาย
Ramón Mercader ถูกศาลเม็กซิโกตัดสินจำคุก 20 ปี
ในปี 1960 จึงได้รับการปล่อยตัว/รอการเนรเทศ
แต่ Ramón Mercader ขอย้ายไปอยู่ที่สหภาพโซเวียต
และได้รับเหรียญ Hero of the Soviet Union
ก่อนเสียชีวิตจากโรคมะเร็งและถูกฝังศพอยู่ใน Moscow
.
.
.
.
Hero of the Soviet Union
.
.
© ขวานจามน้ำแข็ง Ice Axe ที่ฆ่าทรอตสกี้
.
3.
.
Stepan Bandera
สัญลักษณ์ลัทธิชาตินิยมยูเครน
CTK/Global Look Press
.
จนกระทั่งทุกวันนี้ Stepan Bandera (1909-1959)
ยังคงเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากที่สุด
หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย
แต่ชาว Ukrainians ส่วนใหญ่ต่างลงความเห็นว่า
ท่านเป็นนักสู้เพื่อเสรีภาพที่นำการเคลื่อนไหวต่อต้านโปแลนด์
และต่อต้านรัสเซียในยูเครนตะวันตกในทศวรรษ 1920-1930
แต่ก็ยังมีชาวยูเครนและชาวรัสเซียที่สนับสนุนสหภาพโซเวียต
ต่างประณามท่านที่เคยร่วมมือกับพวกนาซีเยอรมันนี
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และการสังหารหมู่พลเรือนผู้บริสุทธิ์
แต่มีเรื่องหนึ่งที่แน่นอนคือ ท่านถูกหมายหัวไว้แล้วโดยรัสเซีย
ในช่วงต้นทศวรรษ 1950
Stepan Bandera อดีตนักโทษในค่ายกักกันเชลยศึก Sachsenhausen ในมิวนิค
ได้ร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองตะวันตกที่มี CIA เป็นแกนนำ
เพราะหวังว่าถ้าทำลายคอมมิวนิสต์จะทำให้ยูเครนมีเอกราช
ดังนั้น ท่านจึงตกเป็นเป้าหมายของการลอบสังหารหลายครั้ง
ผู้สนับสนุนท่านจึงได้ขอร้องให้ท่านหลบหนีไประยะหนึ่ง
ท่านก็เห็นชอบด้วยกับเรื่องนี้และตอบตกลง
แต่การลอบสังหารครั้งสุดท้ายประสบความสำเร็จ
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 1959
Bohdan Stashinsky สายลับของ KGB
ได้แอบซุ่มตัวรอคอยอยู่ที่ทางเข้าบ้านพัก
ของ Stepan Bandera ใน Munich
พร้อมกับปืนลมที่บรรจุกระสุนสารหนู Cyanide
ที่ซ่อนไว้ในหนังสือพิมพ์ที่พับไว้
.
.
" แก มาทำอะไรที่นี่ "
Stepan Bandera ถาม Bohdan Stashinsky
ก่อนที่จะถูกยิงด้วยปืนลมที่มีกระสุนอาบยาพิษ
Bohdan Stashinsky ได้หลบหนีคดีอาญานานถึง 2 ปี
โดยหลบหนีเข้าไปอยู่ในเยอรมันนีตะวันออก
ซึ่งเป็นรัฐบริวารของสหภาพโซเวียตแกนนำกลุ่ม Warsaw
(Putin เคยทำงานที่นี่ทำให้พูดภาษาเยอรมันได้เป็นอย่างดี)
ก่อนที่ผู้ร้ายฆ่าคนจะหลบหนีออกมาพร้อมกับภริยา
โดยลอบเดินทางเข้ามาในเยอรมนีตะวันตก
ซึ่งเป็นรัฐบริวารของสหรัฐอเมริกา แกนนำกลุ่ม Nato
และขอลี้ภัยทางการเมืองที่นั่น
โดยรับสารภาพว่า ตนเองคือคนที่ลอบสังหาร Stepan Bandera
แต่ทางการเยอรมันนีปฎิเสธคำขอและตัดสินจำคุก 4 ปี
หลังจากได้รับอิสรภาพแล้ว ก็ขอลี้ภัยไปอยู่ที่สหภาพแอฟริกาใต้
โดย CIA ช่วยเหลือเปลี่ยนแปลงหลักฐานต่าง ๆ
รวมทั้งจัดหาที่อยู่เพื่อป้องกันการถูกลอบสังหาร
.
.
.
Cyanide Gas Gun ของ KGB
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/6ceNhc
.