กระทู้แรกในชีวิต อยากแบ่งปันประสบการณ์ในการจัดฟันสำหรับคนที่กลัวหมอฟันอย่างเราค่ะ
เรากลัวหมอฟันมาก เคยถอนฟันแล้วต้องฉีดยาชาตอนเด็กรู้สึกมันเจ็บมากเลยฝังใจไม่อยากทำอะไรเกี่ยวกับฟันเลย การพบทันตแพทย์เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นมีเพียงการขูดหินปูนเท่านั้น (คือเราไม่มีฟันผุสักซี่ เลยโชคดีไม่ต้องอุดฟันหรือถอนค่ะ) แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเราฟันเก (การสบฟันไม่ดี) ทำให้เกิดโรคปริทันต์อักเสบในบริเวณที่ฟันเกคือเป็นหนองบริเวณเหงือก สาเหตุจากการทำความสะอาดตรงที่ฟันเกซ้อนทับนั้นยากมาก อีกทั้งความรู้ในการดูแลช่องปากไม่พอเพราะเราก็แปรงฟันอย่างเดียว ไหมขัดฟันอะไรไม่รู้จักเลย จึงต้องรับการรักษาด้วยการฉีดยาชาเพื่อเกลารากฟัน(ขูดหินปูนแบบลงไปลึกๆ)ยิ่งทำให้กลัวไปใหญ่เพราะต้องฉีดยาชา เราเป็นๆหายๆแบบนั้นจนไม่ไหวเคยเกลาครั้งหนึ่งเลยไม่หยุดไหลต้องนั่งรถกลับไปให้คุณหมอดูอีกรอบ T T ประกอบกับฟันคุดมันเริ่มเบียดฟันซี่หน้าฟันคุดนานไปจะผุเพราะมันเป็นการขึ้นที่ไม่ปกติมันจะขึ้นเอียงๆ ที่สำคัญฟันเกนั้นมันขบกับริมฝีปากด้านในทำให้เป็นร้อนในและก็มาถึงจุดเปลี่ยนคุณหมอดูแนะนำว่าโรคในช่องปากที่เป็นแก้ได้ด้วยการจัดฟันจึงต้องถอนฟันและผ่าฟันคุดออกด้วย คุณหมอบอกว่านอกจากสุขภาพช่องปากจะดีขึ้น จะส่งเสริมให้เรายิ้มสวยและมีความมั่นใจมากขึ้นให้เรากลับไปตัดสินใจ หลังจากคิดดีแล้วเพื่อแก้ปัญหาช่องปากที่เรื้อรังก็ตัดสินใจจัดฟันตอนอายุ 27 ปี
เรายอมเผชิญความกลัวทั้งหมด นัดทันตแพทย์จัดฟันโดยมีขั้นตอนคร่าวๆดังนี้ x-ray กระโหลก, พิมพ์ฟัน, ถอนฟัน 4 ซี่, ผ่าฟันคุด 4 ซี่ เมื่อถึงเวลาที่กลัวที่สุดคือ การผ่าฟันคุดที่หลายคนเคยเล่าว่าน่ากลัว เรากลับพบว่าเจ็บตอนฉีดยาชาเท่านั้น ฉีดยาชาเจ็บมากแต่เจ็บแป๊บเดียวเป็นความเจ็บที่ทนได้และหลังจากผ่าก็มีความรู้สึกตึงๆเท่านั้น ยาชาหมดฤทธิ์ก็ไม่เจ็บเพราะหมอให้ยาแก้ปวดเม็ดสีชมพูมากิน จนมาถึงวันที่ติดเครื่องมือ อันนี้เจ็บจริงปวดร้าวทั้งปากกินผักบุ้งยังไม่ได้เลย ผ่านไป 2 วันถึงจะดีขึ้น หมอก็นัดเปลี่ยนยางดึงฟันเดือนละครั้ง เราไปตามนัดเป๊ะๆไม่เคยเลื่อนใช้เวลาจัดฟันทั้งหมด 2 ปี 6 เดือน ก็ถอดเครื่องมือได้และก็ใส่รีเทนเนอร์ก่อนนอนจนถึงปัจจุบัน เพราะการใส่รีเทนเนอร์นั้นต้องใส่ตลอดชีวิต หากไม่ใส่ฟันจะเคลื่อนหรือเหยินออกมาไม่สวยค่ะ
เราถือว่าการตัดสินใจจัดฟันครั้งนี้คุ้มค่ามาก ปัญหาเรื่องปริทันต์อักเสบหายขาด เรากล้ายิ้มอย่างมั่นใจมากขึ้นและส่งผลต่อบุคลิกภาพที่ดี สำหรับเราลูกคาง (ทันตแพทย์เรียกว่าอย่างนั้น)มันชัดขึ้นทำให้หน้าดูยาวเรียว หากใครมีปัญหาช่องปากแล้วต้องทำฟันหรือจัดฟัน อย่ากลัวที่จะไปพบทันตแพทย์เพราะหากปล่อยปัญหาเรื้อรังจะแก้ไขได้ยาก ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กลัวการทำฟันค่ะ ก้าวผ่านไปให้ได้นะคะ ^ ^
จัดฟันเพื่อแก้ปัญหาช่องปากและเสริมบุคลิกภาพ (จากคนเคยกลัวการทำฟัน)
เรากลัวหมอฟันมาก เคยถอนฟันแล้วต้องฉีดยาชาตอนเด็กรู้สึกมันเจ็บมากเลยฝังใจไม่อยากทำอะไรเกี่ยวกับฟันเลย การพบทันตแพทย์เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นมีเพียงการขูดหินปูนเท่านั้น (คือเราไม่มีฟันผุสักซี่ เลยโชคดีไม่ต้องอุดฟันหรือถอนค่ะ) แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเราฟันเก (การสบฟันไม่ดี) ทำให้เกิดโรคปริทันต์อักเสบในบริเวณที่ฟันเกคือเป็นหนองบริเวณเหงือก สาเหตุจากการทำความสะอาดตรงที่ฟันเกซ้อนทับนั้นยากมาก อีกทั้งความรู้ในการดูแลช่องปากไม่พอเพราะเราก็แปรงฟันอย่างเดียว ไหมขัดฟันอะไรไม่รู้จักเลย จึงต้องรับการรักษาด้วยการฉีดยาชาเพื่อเกลารากฟัน(ขูดหินปูนแบบลงไปลึกๆ)ยิ่งทำให้กลัวไปใหญ่เพราะต้องฉีดยาชา เราเป็นๆหายๆแบบนั้นจนไม่ไหวเคยเกลาครั้งหนึ่งเลยไม่หยุดไหลต้องนั่งรถกลับไปให้คุณหมอดูอีกรอบ T T ประกอบกับฟันคุดมันเริ่มเบียดฟันซี่หน้าฟันคุดนานไปจะผุเพราะมันเป็นการขึ้นที่ไม่ปกติมันจะขึ้นเอียงๆ ที่สำคัญฟันเกนั้นมันขบกับริมฝีปากด้านในทำให้เป็นร้อนในและก็มาถึงจุดเปลี่ยนคุณหมอดูแนะนำว่าโรคในช่องปากที่เป็นแก้ได้ด้วยการจัดฟันจึงต้องถอนฟันและผ่าฟันคุดออกด้วย คุณหมอบอกว่านอกจากสุขภาพช่องปากจะดีขึ้น จะส่งเสริมให้เรายิ้มสวยและมีความมั่นใจมากขึ้นให้เรากลับไปตัดสินใจ หลังจากคิดดีแล้วเพื่อแก้ปัญหาช่องปากที่เรื้อรังก็ตัดสินใจจัดฟันตอนอายุ 27 ปี
เรายอมเผชิญความกลัวทั้งหมด นัดทันตแพทย์จัดฟันโดยมีขั้นตอนคร่าวๆดังนี้ x-ray กระโหลก, พิมพ์ฟัน, ถอนฟัน 4 ซี่, ผ่าฟันคุด 4 ซี่ เมื่อถึงเวลาที่กลัวที่สุดคือ การผ่าฟันคุดที่หลายคนเคยเล่าว่าน่ากลัว เรากลับพบว่าเจ็บตอนฉีดยาชาเท่านั้น ฉีดยาชาเจ็บมากแต่เจ็บแป๊บเดียวเป็นความเจ็บที่ทนได้และหลังจากผ่าก็มีความรู้สึกตึงๆเท่านั้น ยาชาหมดฤทธิ์ก็ไม่เจ็บเพราะหมอให้ยาแก้ปวดเม็ดสีชมพูมากิน จนมาถึงวันที่ติดเครื่องมือ อันนี้เจ็บจริงปวดร้าวทั้งปากกินผักบุ้งยังไม่ได้เลย ผ่านไป 2 วันถึงจะดีขึ้น หมอก็นัดเปลี่ยนยางดึงฟันเดือนละครั้ง เราไปตามนัดเป๊ะๆไม่เคยเลื่อนใช้เวลาจัดฟันทั้งหมด 2 ปี 6 เดือน ก็ถอดเครื่องมือได้และก็ใส่รีเทนเนอร์ก่อนนอนจนถึงปัจจุบัน เพราะการใส่รีเทนเนอร์นั้นต้องใส่ตลอดชีวิต หากไม่ใส่ฟันจะเคลื่อนหรือเหยินออกมาไม่สวยค่ะ
เราถือว่าการตัดสินใจจัดฟันครั้งนี้คุ้มค่ามาก ปัญหาเรื่องปริทันต์อักเสบหายขาด เรากล้ายิ้มอย่างมั่นใจมากขึ้นและส่งผลต่อบุคลิกภาพที่ดี สำหรับเราลูกคาง (ทันตแพทย์เรียกว่าอย่างนั้น)มันชัดขึ้นทำให้หน้าดูยาวเรียว หากใครมีปัญหาช่องปากแล้วต้องทำฟันหรือจัดฟัน อย่ากลัวที่จะไปพบทันตแพทย์เพราะหากปล่อยปัญหาเรื้อรังจะแก้ไขได้ยาก ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กลัวการทำฟันค่ะ ก้าวผ่านไปให้ได้นะคะ ^ ^