อาฆาต

นิยายเรื่องนี้รวมไว้ซึ่งเรื่องจริง และการแต่งแต้มเพื่อให้เกิดอรรถรส ผู้แต่งมิได้มีเจตนาลบหลู่ความเชื่อใดๆ เป็นเพียงการถ่ายทอดงานเขียนเท่านั้น สถานที่ และเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิจารญาณของผู้อ่านแล้วว่าจะเชื่อหรือไม่
           การได้ย่างเข้ามาในมหาวิทยาลัยคือความฝันของเด็กม.ปลายหลายๆคน และนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้น ทั้งความรัก ความแค้น วิญญาณ และการหาคำตอบอันน่าพิศวง เส้นทางการไปสู่ความฝัน ที่ต้องแลกมาด้วยทุกอย่างที่มี
          
           วี้ดดดดดดดบูม วี้ดดดดดดดบูม เสียงเชียร์และการตะโกนรับน้องดังขึ้นเรียกความสนใจของฉันได้เป็นอย่างดี
การเข้ามาเรียนในสถานที่ใหม่ บรรยากาศใหม่ๆทำให้ฉันตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ฉันชื่อ เทียน นักศึกษาปี 1 จากกรุงเทพฯบ้านเกิด  
มาสอบเข้า ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคใต้ ที่นี้ค่อนข้างกว้างขวาง มีบรรยากาศป่าและเมืองที่รวมตัวกันได้อย่างพอดิบพอดี
ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจมาก ฉันได้เจอกับ มล เพื่อนปี 1 ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ บ้านของมลอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยมากนัก                     
แต่ด้วยมลอยากลองใช้ชีวิตแบบอิสระจึงเลือกที่จะอยู่หอโดยให้เหตุผลกับที่บ้านว่าปี 1ทางมหาลัยต้องการให้นักศึกษาพักที่หอพักภายในที่ทางมหาลัยจัดขึ้น มลเป็นคนร่าเริงอัธยาศัยดีมาก เป็นที่รู้จักของพี่ๆเพื่อนๆทั้งในและนอกคณะ ผิดกับฉันที่แทบไม่รู้จักใครเลยแถมยังเป็นคนติดเงียบเสียอีก หลังจากเรียนมาได้สักพัก ฉันได้รู้จักกับ ปาย และ ไหม พวกเราสนิทกันมากๆ  แม้นฉันจะเป็นคนเงียบขรึม
แต่ก็ได้ มล กับ ปาย ชวนพูดคุยเสมอ ส่วน ไหม ค่อนข้างเรียบร้อยและพูดน้อย หอที่ทางมหาลัยจัดให้เป็นเตียง2 ชั้นพักกัน4คนต่อ1ห้อง
ส่วนห้องที่ฉันอยู่มีแค่ฉันและพี่ทราย ปี 2 อยู่กันสองคน การใช้ชีวิตอยู่ในมหาลัยต่างจังหวัดไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงและน่ากลัวสำหรับปี 1
ไปมากกว่าเรื่องเล่าของสถานที่ต่างๆ
          
              แม้ว่าฉันจะไม่เชื่อมากนักจนได้เจอเข้ากับตัว  หอพักภายในของมหาลัย ก็มีเรื่องเล่าว่า.......
"นานมาแล้วตั้งแต่พี่รุ่นแรกๆเริ่มเข้าพักมักได้ยินเสียงประหลาดในตอนกลางดึก คล้ายเสียงหวีดหวิวของลมที่ลอดผ่านเข้ามาทางช่องลม"
ตอนแรกที่เข้ามาฉันเองก็ได้ยินแต่ก็ไม่คิดอะไรมากเพราะอยู่ชั้น 3 ลมจะพัดแรงหรือเข้ามาทางช่องลมคงไม่แปลกอะไร แต่เสียงนี้ดังขึ้น
ในทุกๆคืนจนปลุกให้ฉันตื่นขึ้นมาทุกครั้ง  เป็นเรื่องน่าแปลกที่ทุกครั้งฉันมักตื่นในเวลาเดิม พร้อมด้วยประตูหลังห้องที่เปิดออกในเวลาเดิม
ทั้งที่ลงกลอนและให้ช่างมาดูแล้วหลายต่อหลายครั้ง ช่างมักบอกว่ามันไม่ได้เสียอะไรจนผู้ดูแลหอไม่สนใจเรื่องห้องของฉันอีก ช่วงนั้นกลายเป็นว่านอนไม่หลับเลย ความแปลกมันยังไม่จบแค่นั้น ในทุกๆครั้งที่ประตูหลังเปิดคือเวลาตี 3 ของทุกคืนฉันเองก็กลัวเกินกว่าจะเดินไปปิดแต่ในตอนเช้าประตูกลับล๊อกเองราวกับไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้น พี่ทรายพี่ร่วมห้องเลยตัดสินใจย้ายออกไปอยู่หอด้านนอกแทน  ฉันเล่าเรื่องนี้ให้ มล ปาย และไหมฟัง ทุกคนลงความเห็นว่าฉันควรย้ายออก ฉันรอเวลาให้จบเทอมเพื่อทำเรื่องย้ายหอพักไปหออื่นภายในมหาลัยแทน ในระหว่างนั้นฉันก็ต้องทนกับเหตุการณ์เดิมๆนี้  จนต้องให้มลมานอนเป็นเพื่อน มลเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรเพราะคิดว่าอย่างไรเสียก็ถิ่นตัวเอง เคยมาวิ่งเล่นมาแต่เล็กแต่น้อย และครั้งนี้ในเวลาตี 3 ประตูก็เปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมเสียงลมหวีดหวิวคล้ายคนกรีดร้อง

             มลตัดสินใจเดินออกไปดูประตูห้องด้านหลังว่าจริงๆแล้วมันมีอะไรที่ระเบียงหรือมีใครคิดจะแกล้งรึเปล่า   ฉันได้แต่ห้ามมลอย่างเงียบๆภายใต้ความมืดยังดีที่มีแสงสอดเข้ามาเล็กน้อยทำให้ยังคงเห็นร่างของมลที่เดินไปยังประตูได้ มลเปิดประตูให้กว้างขึ้นจากเดิมที่ประตูเปิดเอง แสงที่เข้ามาทำให้ฉันเห็นว่ามลมองจ้องอะไรสักอย่างตาค้าง ฉันเองก็ตกใจพยายามเรียกให้มลกลับมาแต่มลเริ่มมีอาการเหมือนจะล้มคล้ายใครเดินกระแทกไหล่ผ่านไปจะล้มก็ไม่ล้ม    ตายังมองค้างอยู่อย่างนั้น อยู่ประตูด้านหน้าก็เปิดออกดังปัง!!! ฉันทำอะไรไม่ถูกรู้แค่ว่ากรี้ดสุดเสียง พอหันไปที่มล มลกำลังเดินไปที่ระเบียงคล้ายจะกระโดด ฉันกลัวมากร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก รีบวิ่งไปกอดมลไว้จากด้านหลังเรียกชื่อมลอยู่อย่างนั้นไม่ให้มลกระโดดลงไป

" มล ฮื่อออออ มล ได้ยินเทียนไหม มล รู้สึกตัวหน่อยมล  "

               จนห้องข้างๆ เข้ามาดู คนที่หอฝั่งตรงข้ามก็มองมาด้วยความตกใจ เพื่อนข้างห้องรีบเข้ามาดึงมลเข้ามาในห้อง มลเริ่มรู้สึกตัวแต่ตายังเหลือกมองด้านบน หายใจแรงมากจนทุกคนโทรหารถพยาบาลด้วยคิดว่ามลอาจมีโรคประจำตัว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่