เผื่อจะหยุดหัวร้อนแล้วหันออกมาฉุกคิดอะไรดีๆซะบ้าง
เครดิต เพจ กัลโช่ คลับ
มีเรื่องราวหนึ่งอยากจะเล่าให้ฟังครับ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา
หลังจบเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง ที่ ยูเวนตุส บุกชนะ สเปอร์ส ได้ถึงกรุงลอนดอน 2-1 พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบต่อไปนั้น ทันทีที่กลับเข้ามาในห้องแต่งตัว จานลุยจิ บุฟฟ่อน ได้พูดกับเพื่อนร่วมทีมว่า...
"เราหาเครื่องบินส่วนตัวได้ลำหนึ่งที่จะพาเราไปฟลอเรนซ์ในเช้าวันพรุ่งนี้เพื่อร่วมพิธีศพของ ดาวิเด้ หากพวกนายคนไหนต้องการไปด้วย มาเจอกันในห้องโถง เราจะออกเดินทางตอนตี 4 ครึ่ง"
จากนั้นเขาหยุดไปพักหนึ่ง ก่อนพูดขึ้นต่อว่า "ฉันเข้าใจดีหากใครอยากจะพักผ่อนให้เต็มอิ่มหลังผ่านเกมแบบนี้"
แต่ผลเป็นไงทราบมั้ยครับ
ปรากฎว่านักเตะของ ยูเว่ ทุกคนต่างมาปรากฎตัวในห้องโถงเพื่อที่จะไปร่วมงานศพของ ดาวิเด้ อัสตอรี่ ด้วย!
ปัญหาคือ เครื่องบินส่วนตัวลำนี้ที่ บุฟฟ่อน และ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี เป็นคนออกค่าใช้จ่ายเอง บรรทุกผู้โดยสารได้เพียง 12 คนเท่านั้น และนั่นรวมถึงบรรดาลูกเรือด้วย
สุดท้ายจึงมีเพียง อัลเลกรี และผู้ช่วยของเขา มาร์โก ลันดุชชี่ พร้อมด้วย จิจี้ บุฟฟ่อน, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, เมห์ดี้ เบนาเตีย, มิราเล็ม เปียนิช, อันเดรีย บาร์ซายี่, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ และ ดานิเอเล่ รูกานี่ ที่ได้ขึ้นเครื่องจากลอนดอนบินไปยังฟลอเรนซ์ บวกกับ เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ ที่ตรงดิ่งไปจากตูรินเลย เนื่องจากเจ็บจนไม่ได้เดินทางไปที่อังกฤษ
พอไปถึงโบสถ์ ซานตา โครเช่ ปรากฎว่าผู้เล่นเหล่านี้ถูกเสนอให้เข้าทางประตูหลังดีกว่า เพราะทราบกันดีว่าระหว่างสโมสร ยูเวนตุส กับ ฟิออเรนติน่า มีความเป็นอริกันมากแค่ไหน แต่เป็น บุฟฟ่อน ที่บอกเพื่อนร่วมทีมให้เข้าทางประตูหน้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาพร้อมที่จะอยู่ใกล้ชิดกับชาวฟลอเรนซ์ด้วยใจจริง
ไม่แปลกที่พอ บุฟฟ่อน และผองเพื่อนเดินเข้าทางประตูหน้า บรรดาผู้คนชาวฟลอเรนซ์ที่อยู่ด้านหน้าโบสถ์จึงพากันปรบมือเพื่อเป็นเกียรติแก่พวกเขาด้วย
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกเช่นกันที่หลังจากนั้น บุฟฟ่อน จะให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "การไปยังฟลอเรนซ์ สำหรับเราที่เป็นยูเวนตินี่ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย... แต่พอเรามาถึง และได้เห็นแฟนบอลวิโอล่าปรบมือให้เรา, เรียกชื่อเรา และขอบคุณเรา เป็นเรื่องที่สวยงามมาก การมาปรากฎตัวของเรามีความหมายน้อยมาก และนี่ทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจ มันเป็นการร่ำลาครั้งสุดท้ายไม่ใช่เพียงเพื่อนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งของผม แต่ยังเป็นบุคคลที่สวยงามสุดเท่าที่ผมเคยพบมาในวงการกีฬาเลย"
ส่วนตัวแล้ว หวังครับว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการที่ทั้งสองสโมสรจะลดความเป็นคู่อริ และหันมาจูบปากกันได้บ้างในอนาคต...
แฟนพรีเมียร์ลีคหยุดหัวร้อนกันแล้วมามองเรื่องดีๆจากกัลโช่บ้าง
เครดิต เพจ กัลโช่ คลับ
มีเรื่องราวหนึ่งอยากจะเล่าให้ฟังครับ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา
หลังจบเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง ที่ ยูเวนตุส บุกชนะ สเปอร์ส ได้ถึงกรุงลอนดอน 2-1 พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบต่อไปนั้น ทันทีที่กลับเข้ามาในห้องแต่งตัว จานลุยจิ บุฟฟ่อน ได้พูดกับเพื่อนร่วมทีมว่า...
"เราหาเครื่องบินส่วนตัวได้ลำหนึ่งที่จะพาเราไปฟลอเรนซ์ในเช้าวันพรุ่งนี้เพื่อร่วมพิธีศพของ ดาวิเด้ หากพวกนายคนไหนต้องการไปด้วย มาเจอกันในห้องโถง เราจะออกเดินทางตอนตี 4 ครึ่ง"
จากนั้นเขาหยุดไปพักหนึ่ง ก่อนพูดขึ้นต่อว่า "ฉันเข้าใจดีหากใครอยากจะพักผ่อนให้เต็มอิ่มหลังผ่านเกมแบบนี้"
แต่ผลเป็นไงทราบมั้ยครับ
ปรากฎว่านักเตะของ ยูเว่ ทุกคนต่างมาปรากฎตัวในห้องโถงเพื่อที่จะไปร่วมงานศพของ ดาวิเด้ อัสตอรี่ ด้วย!
ปัญหาคือ เครื่องบินส่วนตัวลำนี้ที่ บุฟฟ่อน และ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี เป็นคนออกค่าใช้จ่ายเอง บรรทุกผู้โดยสารได้เพียง 12 คนเท่านั้น และนั่นรวมถึงบรรดาลูกเรือด้วย
สุดท้ายจึงมีเพียง อัลเลกรี และผู้ช่วยของเขา มาร์โก ลันดุชชี่ พร้อมด้วย จิจี้ บุฟฟ่อน, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, เมห์ดี้ เบนาเตีย, มิราเล็ม เปียนิช, อันเดรีย บาร์ซายี่, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ และ ดานิเอเล่ รูกานี่ ที่ได้ขึ้นเครื่องจากลอนดอนบินไปยังฟลอเรนซ์ บวกกับ เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ ที่ตรงดิ่งไปจากตูรินเลย เนื่องจากเจ็บจนไม่ได้เดินทางไปที่อังกฤษ
พอไปถึงโบสถ์ ซานตา โครเช่ ปรากฎว่าผู้เล่นเหล่านี้ถูกเสนอให้เข้าทางประตูหลังดีกว่า เพราะทราบกันดีว่าระหว่างสโมสร ยูเวนตุส กับ ฟิออเรนติน่า มีความเป็นอริกันมากแค่ไหน แต่เป็น บุฟฟ่อน ที่บอกเพื่อนร่วมทีมให้เข้าทางประตูหน้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาพร้อมที่จะอยู่ใกล้ชิดกับชาวฟลอเรนซ์ด้วยใจจริง
ไม่แปลกที่พอ บุฟฟ่อน และผองเพื่อนเดินเข้าทางประตูหน้า บรรดาผู้คนชาวฟลอเรนซ์ที่อยู่ด้านหน้าโบสถ์จึงพากันปรบมือเพื่อเป็นเกียรติแก่พวกเขาด้วย
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกเช่นกันที่หลังจากนั้น บุฟฟ่อน จะให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "การไปยังฟลอเรนซ์ สำหรับเราที่เป็นยูเวนตินี่ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย... แต่พอเรามาถึง และได้เห็นแฟนบอลวิโอล่าปรบมือให้เรา, เรียกชื่อเรา และขอบคุณเรา เป็นเรื่องที่สวยงามมาก การมาปรากฎตัวของเรามีความหมายน้อยมาก และนี่ทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจ มันเป็นการร่ำลาครั้งสุดท้ายไม่ใช่เพียงเพื่อนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งของผม แต่ยังเป็นบุคคลที่สวยงามสุดเท่าที่ผมเคยพบมาในวงการกีฬาเลย"
ส่วนตัวแล้ว หวังครับว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการที่ทั้งสองสโมสรจะลดความเป็นคู่อริ และหันมาจูบปากกันได้บ้างในอนาคต...