* S i n g a p o r e ~ 2018 เที่ยวคนเดียวก็ได้ ลุย!!

S i n g a p o r e

---

สวัสดีค่ะ นักเดินทางทุกคนที่หลงเข้ามาในกระทู้นี้ ขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ เจ้าของกระทู้ชื่อ “มะเหมี่ยว” อายุ 25 ปี ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวสิงคโปร์คนเดียว และเป็นการเดินทางคนเดียวครั้งแรกของมะเหมี่ยวเอง ก็จะมั่วๆ ไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหมาย 555555 ข้อมูลอาจจะไม่ครบถ้วนหรือละเอียดมากนะคะ เนื่องจากว่าก็มั่วๆ ไปจริงๆ บางอย่างก็จะลืมๆ ไปบ้าง เน้นเที่ยวเอาสนุก แล้วก็แชร์เรื่องราวด้วยภาพถ่ายจริงๆ ค่า ^_^ ฝากติดตามด้วยนะคะ

ต้องบอกก่อนเลยว่าที่อยากจะแชร์เพราะว่าอาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้สาวๆ อีกหลายคนที่อาจจะอยากไปเที่ยว แต่ไม่มีโอกาสสักทีเนื่องจากการไปกับกลุ่มเพื่อนวุ่นวายมาก กว่าจะนัดวันกันได้ กว่าจะลงตัว..ทั้งวัน เวลา สถานที่ สาวๆ คะ ยุค 2018 เราไปเองเถอะค่ะ อย่ารอช้า ยุคนี้สมัยนี้ เที่ยวคนเดียวเลยค่ะ สบายๆ เริ่มต้นจากประเทศที่เจริญมากๆ เดินทางสะดวก ปลอดภัยหายห่วงแบบสิงคโปร์ก็ไม่ได้แย่เลย ดีมากซะด้วยซ้ำ สำหรับใครที่ตัดสินใจอยู่ว่าจะไปคนเดียวดีมั้ย วัยรุ่นยุคใหม่คะ ไปเลยค่ะ!! Go ahead!! แล้วจะรู้ว่า มันดีกว่าที่เราคิด



ตั๋วเครื่องบิน
มะเหมี่ยวจ๋องตั๋วเครื่องบินตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2017 ค่ะ เป็นตั๋วโปรโมชั่น ราคาประมาณ 2,500 บาท ไม่โหลดกระเป๋านะคะ เน้นคล่องตัว สบายๆ จ้า ก็จะได้ flight detail มาตามนี้เลย


Sim Card
สิ่งแรกที่ทำก็คือ ตามหา Sim ค่ะ เราต้องการ internet มากกกกกก มะเหมี่ยวก็เดินตรงไปเลยค่ะ หา counter UOB รีบเข้าไปขอซื้อซิมเลยค่ะ เจ้าหน้าที่เค้าจะถามเราว่าใช้กี่วัน มะเหมี่ยวมา 4 วันค่ะ เจ้าหน้าที่เค้าจะให้ซิม 5 วันมาแล้วเปลี่ยนให้เลยค่ะ

ข้อมูลของ Sim Card
-    ใช้ได้ 5 วัน
-    Internet อย่างเดียว ไม่รวมโทรนะคะ (2GB) แบบรวมโทรก็มีค่ะ แต่ว่าจะแพงกว่า
-    $18 หรือประมาณ 450 บาท
แอบบอกว่า internet ที่สิงคโปร์ค่อนข้างจะดีแล้วก็เสถียรด้วย คุยกับเพื่อนแบบ video call หรือว่าโทร line ได้ตลอด ส่งรูปอวดเพื่อนได้ทั้งวันเลยค่ะ เหมาะสมกับความขี้อวดของมะเหมี่ยวเอง 555555

หลังจากได้ซิมแล้ว เราก็นั่งรถเข้าเมืองกันค่ะ จากสนามบินนั่งรถเข้าเมือง เราจะใช้ MRT กันค่ะ สะดวกแล้วก็รวดเร็วด้วย เดินตามป้ายไปเลยค่ะ ที่นี่มีป้ายชัดเจนแล้วก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ง่ายต่อการเดินทาง ไม่ต้องกังวลเลยค่า หนุ่มสาวทั้งหลายยยยย ถ้ายูอ่านภาษาอังกฤษได้ ยูไม่ตายจ้าาา

บัตรโดยสาร EZ-Link
-    ค่าซื้อบัตร $12 แบ่งเป็น $5 ค่าบัตร(ไม่ได้คืน) + $7 (เงินคงเหลือในบัตร)
-    เติมเงินขั้นต่ำ $10
-    ต้องเหลือเงินมากกว่า $3 ถึงสามารถใช้ติ๊ดบัตรเดินทางได้ค่ะ
-    บัตรมีอายุ 5 ปี ซื้อไว้แล้วเก็บไว้มาใช้ครั้งหน้าได้
นี่คือหน้าตาบัตรค่ะ แต่ละช่วงก็จะมีลายต่างกันไป ตัวนี้ยืมพี่ที่ออฟิศมาค่ะ มะเหมี่ยวก็เลยเติมเงินได้เลย ไม่ต้องจ่ายค่าบัตรเพิ่ม ประหยัดไปอีก

โรงแรม
มะเหมี่ยวจองโรงแรมจาก www.agoda.com ซึ่งก็ง่ายสะดวกดีค่ะ จองแล้วตัดบัตรได้เลย มะเหมี่ยวเลือกพักที่ The Opera House @ China Town ค่ะ ที่นี่ไม่ไกลจาก MRT เลยค่ะ แถมอยู่ในแหล่ง Shopping แล้วก็แหล่งของกินด้วย เดินทางไปเที่ยวก็สะดวกดีค่ะ ในโรงแรมไม่วุ่นวายค่ะ เงียบดี มีบริการกาแฟ ชา ตลอดวันค่ะ เจ้าหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสดีด้วยยย (Check-in after 2PM)  แต่ห้องน้ำไม่มีที่ฉีดก้นนะ 55555555555555555 มันจะเศร้านิดนึง แล้วก็ไม่มีหน้าต่างนะคะ ห้องเล็กๆ สำหรับอยู่คนเดียว ถือว่าคุ้มค่าค่ะ สะอาดดี มีบริการทำความสะอาดทุกวัน ให้น้ำดื่มฟรีด้วย




หลังจากที่ไปถึงโรงแรมแล้ว ยังไม่ถึงเวลา check-in ก็ขอไปเที่ยวก่อนจ้า ค่อยกลับมา check-in ตอนเย็นๆ ก็ได้.. เริ่มต้นจากการหาอะไรกินมื้อแรกแถวๆ China Town ค่ะ เรื่องอาหารขอไม่พูดมากนะคะ เพราะว่าส่วนมากกินแต่ Fast Food กับมาม่า 55555 แอบเอามื้อแรกให้ดูก่อน


พออิ่มท้องเราก็ออกเดินทางได้ค่ะ ที่แรกที่แพลนจะไปก็คือ...

Day 1 เดินตะลอนๆ

Fountain of Wealth (น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง)
วิธีการเดินทาง
- MRT Downtown Line (สายสีน้ำเงิน)
- Promenade Station
- Exit C (ตามป้ายไปเลยค่ะ ไปไม่ยาก)

เสียดายที่วันนี้ฝนตกหน่อยๆ ก็เลยฟ้าไม่ค่อยโล่งแล้วก็ไม่ได้เข้าไปใกล้น้ำพุเท่าที่ควร ได้แต่ถ่ายรูปไว้เท่าที่จะทำได้ TT ขอแชร์รูปไว้ให้ดูกันนะคะ



พอฝนเริ่มหยุดแล้วมะเหมี่ยวตัดสินใจเดินต่อไปค่ะ ถ้าไม่เดินก็ไม่ได้เที่ยวสักที ที่จริงนั่ง MRT ไปก็ได้นะคะ แต่ว่าทริปนี้ ตั้งใจเดินไปจริงๆ ใครที่กลัวเดินไม่ถูก แนะนำให้ทำวิธีเดียวกันกับมะเหมี่ยวก็คือเปิด Google Map แล้วก็เดินตามไปโลด 55555 อาจจะมั่วๆ หน่อย แต่ก็ต้องถึงสักวัน!

Esplanade Theatres
ระหว่างทางเดินมา ไม่มีคนเลย จะเหงาๆ หน่อย พอมาถึงก็ไม่มีคนอีกเช่นกัน อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นวันธรรมดาค่ะ working day ทุกคนไปทำงานกันหมด ม่ีนักท่องเที่ยวบ้างเล็กน้อย ข้างในเป็นพวกโรงละครอะไรทำนองนี้ค่ะ อาคารนี้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก บางคนก็ว่าเหมือนหนามทุเรียน บางคนก็บอกว่าไมโครโฟน มะเหมี่ยวขอเรียกว่าทุเรียนนะ น่ารักดี 555555

ออกเดินทางกันต่อค่ะ จากตรงนี้เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึง Merlion แล้วค่ะ สถานที่ยอดฮิต สิงโตพ่นน้ำของเรานี่เอง...

Merlion (สิงโตพ่นน้ำ น่าร้ากก)
ระหว่างทางเดินมาก็แอบเห็นวิวสวยๆ จากตึกเรือปลอม (เรียกเอง จะได้จำง่ายๆ 555) แอบถ่ายรูปไว้ซักหน่อย ขนาดฟ้าครึ้มๆ มองไปยังสวยเลยง่ะ เป็นสิ่งที่ดูแล้วทึ่งมากๆ แอบคิดว่า เค้าคิดได้ยังไงเนี่ย ทำอาคารหน้าตาแบบนี้..

เดินมาอีกนิดดดด เดียวก็ถึงสิงโตพ่นน้ำแล้วววว ที่นี่คนเยอะมากๆ ขนาดวันฝนตกแล้วก็เป็นวันธรรมดาด้วย นักท่องเที่ยวเยอะจนเลือกมุมถ่ายรูปยากเลย ตรงนี้มะเหมี่ยวก็นั่งแช่อยู่สักพักนึงนะ มันเพลินดีค่ะ ดูคนพยายามถ่ายรูปตัวเองกับสิงโตพ่นน้ำ แล้วเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ทุกคนมีท่าเป็นของตัวเอง นึกออกปะ แบบพยายามอ้าปากให้รูปออกมาเป็นสิงโตพ่นน้ำใส่ปาก อะไรแบบนี้ 55555555


มีเวลาเหลือๆ ก็เดินเล่นรอบๆ นั้นก่อนค่ะ เดินเรื่อยเปื่อยจริงๆ นะ slow life มาก เดินไป เปิด google map ไป หารีวิวอ่านไปด้วย ว่าจะไปเก็บภาพที่ไหนดี เดินมั่วๆ ไป ออกมาจากสิงโตพ่นน้ำ เดินข้ามไปอีกฝั่งนึงค่ะ เดินใต้สะพานไป เราก็จะเจอกับสิ่งนี้.....





หลังจากนั่งโง่ๆ ยืนโง่ๆ กินลมชมวิว สักพักมะเหมี่ยวเตรียมกลับที่พักค่ะ เพราะว่าถ่ายภาพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เลย แล้วก็เหนื่อยจากการเดินทาง วันนี้กลับที่พักเร็วก่อนแล้วกันเนอะ จะได้มีเวลาพักผ่อนและดูละครต่อ พอดีติดละครเวอร์ 555555555

---

Day2 All Day Sentosa : )
วิธีการเดินทาง
ทริปนี้เป็นทริปเดิน อย่างที่บอกค่ะ มะเหมี่ยวเลือกวิธีเดินเข้าไปในเกาะนะคะ ไม่ได้นั่ง express เข้าไปจ้า เดินทางแบบนี้เลย ทริปนี้ไม่ได้เข้าชมสวนสนุก หรือว่ากิจกรรมอะไรเลยนะคะ ไปคนเดียวมันออกจะเหงา กรี๊ดคนเดียวก็ยังไงอยู่ ก็เลยเดินเล่นรอบๆ เกาะอย่างเดียวดีกว่า
- MRT Harbour Front (จะมาโผล่ที่ Vivo City)
- เดินตามป้ายมาที่ Setosa Boardway
- เดินประมาณ 700 เมตรเข้าตัว Sentosa



ต่อไปก็จะเป็นภาพที่วนเวียนอยู่ในเกาะนะคะ มะเหมี่ยวเดินเล่นรอบเกาะไปเรื่อยๆ เก็บภาพไป ชิลๆ เพราะว่าคิดอยู่แล้วว่ามีเวลาทั้งวันอยู่ในนี้ slow life ไปเลย แถมวันนี้ฟ้าครึ้มๆ แดดไม่มี เดินสบายๆ เลยค่ะ นักท่องเที่ยวบางคนก็เดินเหมือนกัน