...พิมพ์ในมือถือ อาจมีคำผิดนะคะ
จำได้ขึ้นใจเลยค่ะ เรื่องเกิดเมื่อปลายธันวา 2560 เราขึ้นเครื่องไปสอบเข้าพยาบาลวิทยาลัยนึงในกทม. แล้วทีนี้ จองตั๋วไปกลับเรียบร้อย ตอนไปไม่มีปัญหา แต่ตอนกลับจ้า เช็คเอ้าท์โรงแรมตอน 11 โมง ขึ้นแอร์พอร์ตลิ้งไปสนามบินสุวรรณภูมิ ไปถึงประมาณ 16.30 น. เครื่องออก 20.30 น. (สายการบินน้องใหม่ ตั๋วถูกมาก low cost นะคะ) ละทีนี้ สกบ.นี้ เช็คอินก่อนล่วงหน้านานๆไม่ได้นะเออ เราก็แบบ โอเค เข้าใจ เพราะขามาก็ไปเช็คอินที่สนบ.เชียงใหม่ แบบจำกัดเวลา แต่ประเด็นคือ สกบ.นี้ไม่มีเคาท์เตอร์ประจำค่ะ เลยเช็คอินล่วงหน้าหลายชั่วโมงไม่ได้ เลยรอวนไปค่ะ นั่งเล่นโน้ตบุค นั่งเล่นมือถือ จนเวลาล่วงเลยมาถึงประมาณ 17.30 ก็ไปดูที่เคาท์เตอร์อีกครั้ง ก็ยังไม่เปิดให้เช็คอินในลำที่เรานั่งค่ะ (คือนี่ก็ไม่รู้ว่าสกบ.นี้มีให้เช็คอินออนไลน์มั้ย เพิ่งมารู้ตอนตกเครื่องไปแล้ว) พอยังไม่ถึงคิวเช็คอิน เลยไปกินข้าว พอเวลาล่วงเลยมา 20.00 น. เห้ย!!! ยังไม่ได้เช็คอินเลย วิ่งสุดชีวิต มาถึงเคาท์เตอร์ที่จะเช็คอิน ผลปรากฎว่า ว่างเปล่า ไร้ร่างพนง.สายการบิน หรือป้ายกระดาษบอกว่าถึงคิวเครื่องลำไหนเช็คอิน เดินคอตกมาที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ถามพี่เค้าว่า เคาท์เตอร์ปิดนานรึยัง พี่เค้าบอก ปิดไป 10 นาทีแล้ว นาทีนั้น โอ้โห เคว้งเลยค่ะ ไม่รู้จะทำไง ยืนอึ้งอยู่ตรงประชาสัมพันธ์แป๊บนึง ก็เดินมาชาร์จแบต แบตเหลืออยู่ 20% ซวยมากอะ ตอนแรกไม่กล้าโทรหาใครเลย กลัวโดนด่า มายืนอยู่ตรงริมๆชั้น 3 ที่คนน้อยๆ แล้วร้องไห้เลยอ่ะ ตอนแรกทักไปถามครู กะว่าจะยืมเงินครู แล้วซื้อตั๋วกลับ แต่ตอนนั้นครูไม่ตอบ จิตตกหนักมาก (จขกท.เพิ่ง 17 ค่ะ ปีนี้ 18 แล้ว) เลยตัดสินใจโทรไปหาแม่ ตอนนั้นร้องไห้ออกมาแบบเขื่อนแตกเลยค่ะ คือนี่รู้สึกผิดมาก เพราะแม่ขับรถมารอแล้วที่สนบ.เชียงใหม่ มากับพี่สาวแล้วก็ลูกพี่สาวอีกคน คือยอมรับว่ากลัวพี่สาวมากกว่าแม่ แฮะๆ พอบอกปุ๊บ แม่เราเอามือถือให้พี่สาวเรา เรานี่รีบพูดไปเลยว่า อย่าเพิ่งด่าๆ ช่วยก่อน แล้วพี่เราก็ให้ไปถามราคาตั๋วเครื่องบินในสนามบิน ซึ่งนาทีนั้น สกบ.ที่เราจองไว้ รอบสุดท้ายคือรอบที่เรานั่ง และสกบ.อื่นที่เราไปถามก็เป็นรอบพรุ่งนี้เช้าหมดเลย แถมราคาตั๋วก็ 3-4 พันอัพ พี่เราบอกว่า ไม่ต้องขึ้นเครื่องแล้ว ให้นั่งรถทัวร์กลับ ตอนนั้นคือพี่โอนตังค์มาให้ แค่ค่าอูเบอร์ไปบ้านเพื่อนของพี่สาวกับค่ารถทัวร์ค่ะ ตอนนั้นแบตเหลือ 5% ระทึกมาก พี่อูเบอร์จะหาเจอมั้ย วิ่งเข้าไปชาร์จแบตในสนามบิน
สลับกับไปยืนหน้าประตูทางออก เพื่อให้พี่อูเบอร์เห็น ตอนนั้นลนมาก จนแบตเหลือ 1% พี่อูเบอร์หาเจอจนไเ้ รอดไป
อีกปัญหาคือ หาบ้านเพื่อนพี่สาวไม่เจอ พี่อูเบอร์มาส่งเราถึงที่รพ.เปาโล สมุทรปราการ แต่ไม่ได้ใกล้บ้านพี่อ.เลย (ขอแทนว่าพี่อ. ) เราเลยโทรถามพี่อ.ว่า
ไปทางไหน ก็ให้พี่อ.คุยกับอูเบอร์ สลับกับคุยกับเรา ทั้งเราและพี่อูเบอร์ไม่รู้จักเลย แต่งมทางจนสุดท้ายก็หาเจอ ตอนนั้นกลางคืนด้วย มันเลยเปลี่ยวๆ แต่พี่อูเบอร์ก็อดทนหาให้เราจนเจอจริงๆ แถมไม่เก็บค่าเสียวลาที่วนไปมาด้วย (ทั้งขอบคุณและเกรงใจเลยล่ะค่ะ เอ้อ พี่อูเบอร์เป็นผช.นะคะ) และเราก็ไปนอนบ้านเพื่อนพี่สาวที่สมุทรปราการ 1 คืน ก่อนที่เพื่อนพี่สาวจะมาส่งขึ้นรถเมล์ไปหมอชิต (ขึ้นรถเมล์ที่กทม.ครั้งแรกด้วย ปกติ นั่งแท็กซี่ไม่ก็วินหรือบีทีเอส เพราะชอบลืมสายที่จะนั่ง)
ต่อว่าด้วยเรื่องของการนั่งรถทัวร์ (ครั้งแรก เพราะปกติไปรถส่วนตัวไม่ก็เครื่องบิน)เงอะงะมาก เดินวนหลายรอบ จนประชาสัมพันธ์จะจำหน้าได้อยู่ละ คราวนี้ต้องไม่พลาดอีก บอกตัวเอง พอมาถึงเคาท์เตอร์บ.ทัวร์หนึ่ง(ขอไม่เอ่ยชื่อ) นี่ก็จองตั๋วออนไลน์มาแล้ว วีไอพี ด้วยความมั่นใจ เดินไปต่อแถว เห็นคนข้างหน้าหยิบบัตรปชช ก็หยิบจะออกมาจากกระเป๋า แต่!!! เห้ย บัตรประชาชนหายไปไหน?!? ซวยอีกแล้ว เดินออกจากแถวไปค้นในกระเป๋า ทั้งเป้ ทั้งกระเป๋าเคียง ไม่มี ตอนนั้นแบบ โอ้มายก็อต ทำไงดี เวลารถออกคือ 21.00 น. ตอนที่รู้ว่าบัตรปชช.หายคือ 19.00 น. เลยไปถามเคาท์เตอร์ว่า ถ้าไม่ได้เอาบัตรปชชมา ทำยังไง พี่ที่เคาท์เตอร์บอกว่า ใช้บัตรอะไรก็ได้ที่ออกโดยราชการ เราก็แบบ โอย ซวยล่ะ ใบขับขี่ก็ไม่มี ทำไงดี คิดขึ้นได้ว่า บัตรนักเรียนมีเลขปชช. มีรูปด้วย ใช้ได้มั้ง เลยโทรบอกแม่ ให้ถ่ายรูปบัตรนร.มาให้ แล้วจะเอาไปปริ้น พอไปถามที่ร้านสหกรณ์ (ตอนนั้นอยู่หมอชิตใหม่) ก็มีแต่ถ่ายเอกสารอีก เลยวิ่งไปถามประชาสัมพันธ์ว่า ปริ้นได้มั้ยคะ คำตอบคือ ไม่ได้ เลยไปถามที่ป้อมตำรวจ คำตอบคือ ไม่ได้ เลยกลับไปถามเคาท์เตอร์บ.ทัวร์อีกรอบ (ถามเคาท์เตอร์ใหญ่เลย ตอนแรกที่บัตรหายอยู่เคาท์เตอร์เล็ก) ป้าพนง.ก็บอกว่า ลองไปถามที่ร้านอินเทอร์เน็ตดู เผื่อปริ้นได้ เราก็วิ่งสิคะ หาอยู่นานมากจริงๆ มืดๆเปลี่ยวๆเป็นบางที่ ตอนนั้นคือกลัวจริงๆ กลัวไม่ทัน กลัวหาร้านไม่เจอ กลัวสารพัด ระหว่างทางหาร้านอินเทอร์เน็ตก็ไปถามร้านไปรษณีย์ว่าปริ้นได้มั้ย คำตอบคือ ไม่ได้ (อีกแล้ว เราถามแบบสุภาพทุกที่เลย ทำหน้าน่าสงสารสุดๆ) หาไปหามา วนไปวนมาจนถึง (เพิ่งเคยมาหมอชิตครั้งแรก งงไปหมด) พอถามคนเฝ้าร้าน บรรยากาศร้านน่ากลัวหน่อยๆ ใจกล้าถามไป พี่คะ ร้านนี้ปริ้นได้มั้ยคะ ตอบกลับมาทันควันเลยค่ะ ไม่ได้ครับ เรานี่แบบ ใจแป้วเลย พูดขอบคุณค่ะแล้วเดินหาทางกลับไปที่เคาท์เตอร์บ.ทัวร์ที่จองตั๋วไว้(ระหว่างเดิน+วิ่งหาร้าน มีเป้หนักๆอยู่ข้างหลังและกระเป๋าเคียงใบนึงที่หนักพอกัน) เหลือบมองเห็นแฟ้มที่เอาไปสัมภาษณ์สอบ แล้วจำได้ว่า ใส่หน้าสำเนาบัตรปชชไว้ด้วย แต่เราสแกนสำเนา แล้วใส่ลงในหน้ากระดาษเป็นกรอบเล็กๆประมาณ 15 เซน คือเล็กอะ รวมกับกรอบทะเบียนบ้าน อยู่ในกระดาษโฟโต้บาง เราก็แบบ เอาวะ ความหวังสุดท้ายแล้ว เลยเดินไปให้ป้าพนง.ที่เคาท์เตอร์บ.ทัวร์
เรา : ป้าคะ หนูมีเหลือแค่นี้จริงๆ
ป้าพนง. : บัตรหาไม่เจอจริงเหรอลูก
เรา : ค่ะ ใบขับขี่ก็ยังไม่มี
ป้าพนง. : (ทำหน้าลำบากใจแล้วหันไปถามพี่พนง.อีกคน)
เราก็ยืนภาวนา ขอให้ได้ สาธุ
ป้าพนง. : (เดินมาหาเรา) ขอลองถ่ายเอกสารก่อนนะคะ จะเห็นชัดมั้ย
เราก็พยักหน้าอย่างไวเลย
ซักพัก ถ่ายเอกสารแล้ว ป้าอมยิ้มหน่อยๆ แล้วบอกว่า
ป้าพนง. : มันเห็นไม่ชัด แต่ยังไง ป้าคุยกันแล้ว ให้ก็ได้อย่างน้อยก็มีสำเนาบัตรยืนยัน
แล้วป้าก็เอาใบที่ถ่ายเอกสารมาให้เราเขียนเลขที่นั่งจอง เราจำเลขบัตรปชชได้ เลยถามป้าไปว่า เขียนใส่มั้ย ป้าบอก ดีเลยๆ เราเลยเขียนอย่างรวดเร็ว ขอบคุณตัวเองที่จำเลขบัตรปชช.ได้ ตอนนั้นเหมือนยกภูเขาออกจากอก โล่งมาก และก็ได้ตั๋วรถทัวร์มาครอบครอง
ภารกิจต่อไป ตามหาเกต ถามประชาสัมพันธ์ตามเคย พอถึงเกตที่จะออกแล้ว นั่งเฝ้าไม่ไปไหนแล้วค่ะ เข็ด
เรื่องนี้สอน(ตัวเอง)ให้รู้ว่า ควรรอบคอบกว่านี้ งานนี้ผิดที่ตัวเองเต็มๆเลยค่ะ ไม่โทษใคร
กระทู้เตือนใจ อย่ามีครั้งต่อไปอีก
ปล. หลังจากเหตุการณ์นี้ เราจิตตกไปเป็นเดือนเลยค่ะ ความกลัวยังค้างอยู่จนทุกวันนี้ คิดถึงทีไรก็กลัว คือความรู้สึกแรกตอนตกเครื่องยังจำมาถึงทุกวันนี้อะ คืนแรก นอนไม่หลับ เหมือนเหตุการณ์มันไหลเวียนในหัวซ้ำๆ เกือบเป็นโรคซึมเศร้า บางคนอาจมองเว่อร์ แต่เป็นจริงๆ ตอนก่อนที่จะนึกถึงแฟ้ม ตอนนั้นคิดไม่ออกเลยว่าจะกลับบ้านยังไง และโทษตัวเองค่ะ ที่ทำให้ทั้งบ้านเดือดร้อนไม่สบายใจ แถมเปลืองตังค์เพิ่มอีก คือบ้านเราค่อนข้างซีเรียสเรื่องเงิน
ระบายแล้วดีขึ้น(มั้ง)
แชร์ประสบการณ์ตกเครื่องครั้งแรกค่ะ ทั้งที่บินมาหลายครั้ง(โถ่ว) + บัตรปชชหายที่สนามบิน เกือบกลับบ้านไม่ได้
จำได้ขึ้นใจเลยค่ะ เรื่องเกิดเมื่อปลายธันวา 2560 เราขึ้นเครื่องไปสอบเข้าพยาบาลวิทยาลัยนึงในกทม. แล้วทีนี้ จองตั๋วไปกลับเรียบร้อย ตอนไปไม่มีปัญหา แต่ตอนกลับจ้า เช็คเอ้าท์โรงแรมตอน 11 โมง ขึ้นแอร์พอร์ตลิ้งไปสนามบินสุวรรณภูมิ ไปถึงประมาณ 16.30 น. เครื่องออก 20.30 น. (สายการบินน้องใหม่ ตั๋วถูกมาก low cost นะคะ) ละทีนี้ สกบ.นี้ เช็คอินก่อนล่วงหน้านานๆไม่ได้นะเออ เราก็แบบ โอเค เข้าใจ เพราะขามาก็ไปเช็คอินที่สนบ.เชียงใหม่ แบบจำกัดเวลา แต่ประเด็นคือ สกบ.นี้ไม่มีเคาท์เตอร์ประจำค่ะ เลยเช็คอินล่วงหน้าหลายชั่วโมงไม่ได้ เลยรอวนไปค่ะ นั่งเล่นโน้ตบุค นั่งเล่นมือถือ จนเวลาล่วงเลยมาถึงประมาณ 17.30 ก็ไปดูที่เคาท์เตอร์อีกครั้ง ก็ยังไม่เปิดให้เช็คอินในลำที่เรานั่งค่ะ (คือนี่ก็ไม่รู้ว่าสกบ.นี้มีให้เช็คอินออนไลน์มั้ย เพิ่งมารู้ตอนตกเครื่องไปแล้ว) พอยังไม่ถึงคิวเช็คอิน เลยไปกินข้าว พอเวลาล่วงเลยมา 20.00 น. เห้ย!!! ยังไม่ได้เช็คอินเลย วิ่งสุดชีวิต มาถึงเคาท์เตอร์ที่จะเช็คอิน ผลปรากฎว่า ว่างเปล่า ไร้ร่างพนง.สายการบิน หรือป้ายกระดาษบอกว่าถึงคิวเครื่องลำไหนเช็คอิน เดินคอตกมาที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ถามพี่เค้าว่า เคาท์เตอร์ปิดนานรึยัง พี่เค้าบอก ปิดไป 10 นาทีแล้ว นาทีนั้น โอ้โห เคว้งเลยค่ะ ไม่รู้จะทำไง ยืนอึ้งอยู่ตรงประชาสัมพันธ์แป๊บนึง ก็เดินมาชาร์จแบต แบตเหลืออยู่ 20% ซวยมากอะ ตอนแรกไม่กล้าโทรหาใครเลย กลัวโดนด่า มายืนอยู่ตรงริมๆชั้น 3 ที่คนน้อยๆ แล้วร้องไห้เลยอ่ะ ตอนแรกทักไปถามครู กะว่าจะยืมเงินครู แล้วซื้อตั๋วกลับ แต่ตอนนั้นครูไม่ตอบ จิตตกหนักมาก (จขกท.เพิ่ง 17 ค่ะ ปีนี้ 18 แล้ว) เลยตัดสินใจโทรไปหาแม่ ตอนนั้นร้องไห้ออกมาแบบเขื่อนแตกเลยค่ะ คือนี่รู้สึกผิดมาก เพราะแม่ขับรถมารอแล้วที่สนบ.เชียงใหม่ มากับพี่สาวแล้วก็ลูกพี่สาวอีกคน คือยอมรับว่ากลัวพี่สาวมากกว่าแม่ แฮะๆ พอบอกปุ๊บ แม่เราเอามือถือให้พี่สาวเรา เรานี่รีบพูดไปเลยว่า อย่าเพิ่งด่าๆ ช่วยก่อน แล้วพี่เราก็ให้ไปถามราคาตั๋วเครื่องบินในสนามบิน ซึ่งนาทีนั้น สกบ.ที่เราจองไว้ รอบสุดท้ายคือรอบที่เรานั่ง และสกบ.อื่นที่เราไปถามก็เป็นรอบพรุ่งนี้เช้าหมดเลย แถมราคาตั๋วก็ 3-4 พันอัพ พี่เราบอกว่า ไม่ต้องขึ้นเครื่องแล้ว ให้นั่งรถทัวร์กลับ ตอนนั้นคือพี่โอนตังค์มาให้ แค่ค่าอูเบอร์ไปบ้านเพื่อนของพี่สาวกับค่ารถทัวร์ค่ะ ตอนนั้นแบตเหลือ 5% ระทึกมาก พี่อูเบอร์จะหาเจอมั้ย วิ่งเข้าไปชาร์จแบตในสนามบิน
สลับกับไปยืนหน้าประตูทางออก เพื่อให้พี่อูเบอร์เห็น ตอนนั้นลนมาก จนแบตเหลือ 1% พี่อูเบอร์หาเจอจนไเ้ รอดไป
อีกปัญหาคือ หาบ้านเพื่อนพี่สาวไม่เจอ พี่อูเบอร์มาส่งเราถึงที่รพ.เปาโล สมุทรปราการ แต่ไม่ได้ใกล้บ้านพี่อ.เลย (ขอแทนว่าพี่อ. ) เราเลยโทรถามพี่อ.ว่า
ไปทางไหน ก็ให้พี่อ.คุยกับอูเบอร์ สลับกับคุยกับเรา ทั้งเราและพี่อูเบอร์ไม่รู้จักเลย แต่งมทางจนสุดท้ายก็หาเจอ ตอนนั้นกลางคืนด้วย มันเลยเปลี่ยวๆ แต่พี่อูเบอร์ก็อดทนหาให้เราจนเจอจริงๆ แถมไม่เก็บค่าเสียวลาที่วนไปมาด้วย (ทั้งขอบคุณและเกรงใจเลยล่ะค่ะ เอ้อ พี่อูเบอร์เป็นผช.นะคะ) และเราก็ไปนอนบ้านเพื่อนพี่สาวที่สมุทรปราการ 1 คืน ก่อนที่เพื่อนพี่สาวจะมาส่งขึ้นรถเมล์ไปหมอชิต (ขึ้นรถเมล์ที่กทม.ครั้งแรกด้วย ปกติ นั่งแท็กซี่ไม่ก็วินหรือบีทีเอส เพราะชอบลืมสายที่จะนั่ง)
ต่อว่าด้วยเรื่องของการนั่งรถทัวร์ (ครั้งแรก เพราะปกติไปรถส่วนตัวไม่ก็เครื่องบิน)เงอะงะมาก เดินวนหลายรอบ จนประชาสัมพันธ์จะจำหน้าได้อยู่ละ คราวนี้ต้องไม่พลาดอีก บอกตัวเอง พอมาถึงเคาท์เตอร์บ.ทัวร์หนึ่ง(ขอไม่เอ่ยชื่อ) นี่ก็จองตั๋วออนไลน์มาแล้ว วีไอพี ด้วยความมั่นใจ เดินไปต่อแถว เห็นคนข้างหน้าหยิบบัตรปชช ก็หยิบจะออกมาจากกระเป๋า แต่!!! เห้ย บัตรประชาชนหายไปไหน?!? ซวยอีกแล้ว เดินออกจากแถวไปค้นในกระเป๋า ทั้งเป้ ทั้งกระเป๋าเคียง ไม่มี ตอนนั้นแบบ โอ้มายก็อต ทำไงดี เวลารถออกคือ 21.00 น. ตอนที่รู้ว่าบัตรปชช.หายคือ 19.00 น. เลยไปถามเคาท์เตอร์ว่า ถ้าไม่ได้เอาบัตรปชชมา ทำยังไง พี่ที่เคาท์เตอร์บอกว่า ใช้บัตรอะไรก็ได้ที่ออกโดยราชการ เราก็แบบ โอย ซวยล่ะ ใบขับขี่ก็ไม่มี ทำไงดี คิดขึ้นได้ว่า บัตรนักเรียนมีเลขปชช. มีรูปด้วย ใช้ได้มั้ง เลยโทรบอกแม่ ให้ถ่ายรูปบัตรนร.มาให้ แล้วจะเอาไปปริ้น พอไปถามที่ร้านสหกรณ์ (ตอนนั้นอยู่หมอชิตใหม่) ก็มีแต่ถ่ายเอกสารอีก เลยวิ่งไปถามประชาสัมพันธ์ว่า ปริ้นได้มั้ยคะ คำตอบคือ ไม่ได้ เลยไปถามที่ป้อมตำรวจ คำตอบคือ ไม่ได้ เลยกลับไปถามเคาท์เตอร์บ.ทัวร์อีกรอบ (ถามเคาท์เตอร์ใหญ่เลย ตอนแรกที่บัตรหายอยู่เคาท์เตอร์เล็ก) ป้าพนง.ก็บอกว่า ลองไปถามที่ร้านอินเทอร์เน็ตดู เผื่อปริ้นได้ เราก็วิ่งสิคะ หาอยู่นานมากจริงๆ มืดๆเปลี่ยวๆเป็นบางที่ ตอนนั้นคือกลัวจริงๆ กลัวไม่ทัน กลัวหาร้านไม่เจอ กลัวสารพัด ระหว่างทางหาร้านอินเทอร์เน็ตก็ไปถามร้านไปรษณีย์ว่าปริ้นได้มั้ย คำตอบคือ ไม่ได้ (อีกแล้ว เราถามแบบสุภาพทุกที่เลย ทำหน้าน่าสงสารสุดๆ) หาไปหามา วนไปวนมาจนถึง (เพิ่งเคยมาหมอชิตครั้งแรก งงไปหมด) พอถามคนเฝ้าร้าน บรรยากาศร้านน่ากลัวหน่อยๆ ใจกล้าถามไป พี่คะ ร้านนี้ปริ้นได้มั้ยคะ ตอบกลับมาทันควันเลยค่ะ ไม่ได้ครับ เรานี่แบบ ใจแป้วเลย พูดขอบคุณค่ะแล้วเดินหาทางกลับไปที่เคาท์เตอร์บ.ทัวร์ที่จองตั๋วไว้(ระหว่างเดิน+วิ่งหาร้าน มีเป้หนักๆอยู่ข้างหลังและกระเป๋าเคียงใบนึงที่หนักพอกัน) เหลือบมองเห็นแฟ้มที่เอาไปสัมภาษณ์สอบ แล้วจำได้ว่า ใส่หน้าสำเนาบัตรปชชไว้ด้วย แต่เราสแกนสำเนา แล้วใส่ลงในหน้ากระดาษเป็นกรอบเล็กๆประมาณ 15 เซน คือเล็กอะ รวมกับกรอบทะเบียนบ้าน อยู่ในกระดาษโฟโต้บาง เราก็แบบ เอาวะ ความหวังสุดท้ายแล้ว เลยเดินไปให้ป้าพนง.ที่เคาท์เตอร์บ.ทัวร์
เรา : ป้าคะ หนูมีเหลือแค่นี้จริงๆ
ป้าพนง. : บัตรหาไม่เจอจริงเหรอลูก
เรา : ค่ะ ใบขับขี่ก็ยังไม่มี
ป้าพนง. : (ทำหน้าลำบากใจแล้วหันไปถามพี่พนง.อีกคน)
เราก็ยืนภาวนา ขอให้ได้ สาธุ
ป้าพนง. : (เดินมาหาเรา) ขอลองถ่ายเอกสารก่อนนะคะ จะเห็นชัดมั้ย
เราก็พยักหน้าอย่างไวเลย
ซักพัก ถ่ายเอกสารแล้ว ป้าอมยิ้มหน่อยๆ แล้วบอกว่า
ป้าพนง. : มันเห็นไม่ชัด แต่ยังไง ป้าคุยกันแล้ว ให้ก็ได้อย่างน้อยก็มีสำเนาบัตรยืนยัน
แล้วป้าก็เอาใบที่ถ่ายเอกสารมาให้เราเขียนเลขที่นั่งจอง เราจำเลขบัตรปชชได้ เลยถามป้าไปว่า เขียนใส่มั้ย ป้าบอก ดีเลยๆ เราเลยเขียนอย่างรวดเร็ว ขอบคุณตัวเองที่จำเลขบัตรปชช.ได้ ตอนนั้นเหมือนยกภูเขาออกจากอก โล่งมาก และก็ได้ตั๋วรถทัวร์มาครอบครอง
ภารกิจต่อไป ตามหาเกต ถามประชาสัมพันธ์ตามเคย พอถึงเกตที่จะออกแล้ว นั่งเฝ้าไม่ไปไหนแล้วค่ะ เข็ด
เรื่องนี้สอน(ตัวเอง)ให้รู้ว่า ควรรอบคอบกว่านี้ งานนี้ผิดที่ตัวเองเต็มๆเลยค่ะ ไม่โทษใคร
กระทู้เตือนใจ อย่ามีครั้งต่อไปอีก
ปล. หลังจากเหตุการณ์นี้ เราจิตตกไปเป็นเดือนเลยค่ะ ความกลัวยังค้างอยู่จนทุกวันนี้ คิดถึงทีไรก็กลัว คือความรู้สึกแรกตอนตกเครื่องยังจำมาถึงทุกวันนี้อะ คืนแรก นอนไม่หลับ เหมือนเหตุการณ์มันไหลเวียนในหัวซ้ำๆ เกือบเป็นโรคซึมเศร้า บางคนอาจมองเว่อร์ แต่เป็นจริงๆ ตอนก่อนที่จะนึกถึงแฟ้ม ตอนนั้นคิดไม่ออกเลยว่าจะกลับบ้านยังไง และโทษตัวเองค่ะ ที่ทำให้ทั้งบ้านเดือดร้อนไม่สบายใจ แถมเปลืองตังค์เพิ่มอีก คือบ้านเราค่อนข้างซีเรียสเรื่องเงิน
ระบายแล้วดีขึ้น(มั้ง)