บุพเพสันนิวาส ตอนนี้(14 มีค Ep.7) แอบสอดแทรกเรื่องสังคมอยุธยา คติบ่าว(ทาส) ชนชั้นที่ไม่ได้รับการศึกษา “นายว่า ขี้ข้าพลอย” ไม่มีปากเสียงอะไร และ สถานะของหญิงในสมัยอยุธยาครับ รวมถึงการจัดการภายในบ้านด้วยที่ยกให้หญิงเป็นใหญ่ ยืนยันได้จากจดหมายเหตุของลาร์ลู แบร์ ราชทูตจากฝรั่งเศสที่เข้ามาในอยุธยาช่วงนั้นบันทึกไว้ว่า
" ในการตัดสินใจประเด็นสำคัญต่างๆ ภายในบ้าน ฝ่ายหญิงล้วนเป็นผู้ตัดสินใจทั้งสิ้น” [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://prachatai.com/journal/2013/05/46559
เนื่องจากในสมัยดังกล่าวมีระบบไพร่ ฝ่ายชายต้องออกไปรับราชการปีละ 6 เดือน ซึ่งเป็นงานที่ไม่ได้เงินเดือน ทิ้งกิจการในบ้าน ทั้งการหุงหาอาหาร การหารายได้เข้าบ้าน การควบคุมค่าใช้จ่ายไว้ให้ฝ่ายหญิงดูแล สอดคล้องกับบันทึกของลาร์ลู แบร์ ที่กล่าวไว้ว่าในตลาดของอยุธยามีแต่ผู้หญิง
ในละครนี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่คุณหญิงจำปาสั่งเฆี่ยนคนในเรือน
ครั้งแรกสั่งเฆี่ยนจ้อย แต่การะเกดออกรับแทน สุดท้ายกลายเป็นว่าคุณหญิงจำปาสั่งเฆี่ยนการะเกดแทน ในละครก็มีอธิบายอยู่ตอนที่คุณหญิงจำปาคุยกับพ่อเดชว่า
"นางทำอวดดีกับแม่ ออกรับแทนไอจ้อย ออกรับแทนบ่าว แล้วจะให้แม่ทำอย่างไร"
คุณหญิงเองก็ไม่อยากทำแต่เพื่อไม่ให้เสียการควบคุมคนในเรือน ก็ต้องตัดใจสั่งเฆี่ยน
ครั้งที่ 2 คือ วันนี้โดนเฆี่ยนหนักสุด ทุกคนพร้อมหน้าในเรือน ตอนสั่งเฆี่ยนทุกคนนั่งนิ่งไม่มีใครกล้าพูดสักคน ตั้งแต่ พ่อเดชยัน ออกญาโหราฯ
อันนี้แสดงให้เห็นชัดเจนเรื่องการจัดการภายในเรือนตกเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณหญิงจำปา ยกให้คุณหญิงเป็นที่หนึ่ง ออกญาโหราธิบดี แทบไม่ปริปากเลย รอจนคุณหญิงจำปาจัดการธุระเสร็จจึงค่อยพูด ถ้าอ่านหนังสือประวัติศาสตร์มาบ้างพอจะเข้าใจ เรื่องในตอนนี้ที่ต้องการจะสื่อให้คนดูได้รับชม ตรงนี้ผมขอชื่นชมช่อง 3 มากครับ ที่ค่อนข้างใส่ใจ ตีความได้ดีพอสมควร สังคมไทยโบราณยกให้หญิงเป็นใหญ่ในเรือนไม่ใช่ให้ผู้ชายเป็นใหญ่แบบที่คิดกัน
ในส่วนของบทพูดของคนในเรือนเหล่าทาสที่แซวกันเรื่องลงหวายและพึงเจียมตนถึงสถานะตัวเอง เรื่องการได้นายดีก็คือว่าเป็นบุญของตัวเอง ตอนนี้อธิบายได้ดีถึง dynamics (แรงผลักดัน) ที่ตัวละครคิดและกระทำเช่นนั้นเพราะสภาพสังคมของอยุธยาเป็นตัวจัดการสถานะ บทบาท ให้แต่ละตัวละครต้องเดินตาม อันนี้จะช่วยเพิ่มความเข้าใจสำหรับผู้ชมไม่ได้มีความรู้เรื่องสังคมอยุธยามาก่อน(รวมถึงผู้ชมละครชาวต่างชาติด้วย) ก็พอจะวิเคราะห์ออกว่า สังคมอยุธยามันมีกฏเกณฑ์บางอย่างที่ต่างออกไปจากปัจจุบัน ตรงนี้ผมชอบมาก ๆ
ต้องขอบคุณ คุณรอมแพง เช่นกันเพราะว่าในนิยายเองก็ใส่ใจและอธิบายสภาพบ้านเมือง สังคม อยุธยาผ่านตัวละครได้ดีมาก
ชื่นชมละครบุพเพสันนิวาส เรื่องการนำเสนอกฎเกณฑ์และสภาพสังคมอยุธยา
" ในการตัดสินใจประเด็นสำคัญต่างๆ ภายในบ้าน ฝ่ายหญิงล้วนเป็นผู้ตัดสินใจทั้งสิ้น” [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื่องจากในสมัยดังกล่าวมีระบบไพร่ ฝ่ายชายต้องออกไปรับราชการปีละ 6 เดือน ซึ่งเป็นงานที่ไม่ได้เงินเดือน ทิ้งกิจการในบ้าน ทั้งการหุงหาอาหาร การหารายได้เข้าบ้าน การควบคุมค่าใช้จ่ายไว้ให้ฝ่ายหญิงดูแล สอดคล้องกับบันทึกของลาร์ลู แบร์ ที่กล่าวไว้ว่าในตลาดของอยุธยามีแต่ผู้หญิง
ในละครนี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่คุณหญิงจำปาสั่งเฆี่ยนคนในเรือน
ครั้งแรกสั่งเฆี่ยนจ้อย แต่การะเกดออกรับแทน สุดท้ายกลายเป็นว่าคุณหญิงจำปาสั่งเฆี่ยนการะเกดแทน ในละครก็มีอธิบายอยู่ตอนที่คุณหญิงจำปาคุยกับพ่อเดชว่า
คุณหญิงเองก็ไม่อยากทำแต่เพื่อไม่ให้เสียการควบคุมคนในเรือน ก็ต้องตัดใจสั่งเฆี่ยน
ครั้งที่ 2 คือ วันนี้โดนเฆี่ยนหนักสุด ทุกคนพร้อมหน้าในเรือน ตอนสั่งเฆี่ยนทุกคนนั่งนิ่งไม่มีใครกล้าพูดสักคน ตั้งแต่ พ่อเดชยัน ออกญาโหราฯ
อันนี้แสดงให้เห็นชัดเจนเรื่องการจัดการภายในเรือนตกเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณหญิงจำปา ยกให้คุณหญิงเป็นที่หนึ่ง ออกญาโหราธิบดี แทบไม่ปริปากเลย รอจนคุณหญิงจำปาจัดการธุระเสร็จจึงค่อยพูด ถ้าอ่านหนังสือประวัติศาสตร์มาบ้างพอจะเข้าใจ เรื่องในตอนนี้ที่ต้องการจะสื่อให้คนดูได้รับชม ตรงนี้ผมขอชื่นชมช่อง 3 มากครับ ที่ค่อนข้างใส่ใจ ตีความได้ดีพอสมควร สังคมไทยโบราณยกให้หญิงเป็นใหญ่ในเรือนไม่ใช่ให้ผู้ชายเป็นใหญ่แบบที่คิดกัน
ในส่วนของบทพูดของคนในเรือนเหล่าทาสที่แซวกันเรื่องลงหวายและพึงเจียมตนถึงสถานะตัวเอง เรื่องการได้นายดีก็คือว่าเป็นบุญของตัวเอง ตอนนี้อธิบายได้ดีถึง dynamics (แรงผลักดัน) ที่ตัวละครคิดและกระทำเช่นนั้นเพราะสภาพสังคมของอยุธยาเป็นตัวจัดการสถานะ บทบาท ให้แต่ละตัวละครต้องเดินตาม อันนี้จะช่วยเพิ่มความเข้าใจสำหรับผู้ชมไม่ได้มีความรู้เรื่องสังคมอยุธยามาก่อน(รวมถึงผู้ชมละครชาวต่างชาติด้วย) ก็พอจะวิเคราะห์ออกว่า สังคมอยุธยามันมีกฏเกณฑ์บางอย่างที่ต่างออกไปจากปัจจุบัน ตรงนี้ผมชอบมาก ๆ
ต้องขอบคุณ คุณรอมแพง เช่นกันเพราะว่าในนิยายเองก็ใส่ใจและอธิบายสภาพบ้านเมือง สังคม อยุธยาผ่านตัวละครได้ดีมาก