รวมเรื่องสั้น ผีเปิดหลุม (By Always Publishing) หลุมที่ 2 ความรักครั้งแรก โดย ปลายปากกา
(นิลเป็นตัวแทนจากสำนักพิมพ์นำมาเผยแพร่เป็นตัวอย่าง ให้ทดลองอ่านกันค่ะ)
รวมเรื่องสั้น ผีเปิดหลุม (By Always Publishing) หลุมที่ 1 ตุ๊กตาหน้ารถ โดย ชลณภัทร
https://pantip.com/topic/37412327
รวมเรื่องสั้นผีเปิดหลุม หลุมที่ 1 (จบตอน) ตุ๊กตาหน้ารถ (ตอนจบ)
https://pantip.com/topic/37424729
....................................................................................................
“...เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตอน 14 ตอนที่ฉันมีแฟนคนแรก ลึกลึกข้างในมันหวั่นมันไหวแปลกแปลก เธอรู้ไหม...ฉันเหมือน 14 อีกครั้ง...” (เพลง 14 อีกครั้ง โดยศิลปิน เสก โลโซ)
เสียงเพลงดังมาจากหูฟังโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดกระหึ่มอยู่ในหู ซึ่งถูกครอบเอาไว้ด้วยห้องเก็บเสียงชั้นดีอย่างหมวกกันน็อก ขณะที่ผมกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นรุ่นใหม่ล่าสุดที่แม่เคยบอกว่าหน้าตาเหมือนตั๊กแตนยงโย่มากกว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์มาตามถนนลาดยาง ตัดเลาะเลียบนาข้าว และป่าเบญจพรรณบางตา มุ่งหน้าสู่โรงเรียนประสิทธิ์ปัญญา ซึ่งเป็นโรงเรียนสหศึกษาเล็กๆ ในตำบลบางหว้าใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร โดยมี “ไอ้ทอย” กับ “ไอ้แก่น” เพื่อนคู่หูของผม ซึ่งเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้นขับมอเตอร์ไซค์คนละยี่ห้อ ปาดเบาะ เปลี่ยนท่อจนเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มเคียงกันมาในระยะห่างพอสมควร เรียกได้ว่า ถนนเลนซ้ายทั้งเลน พวกเราสามคนครอง แต่เมื่อมีรถคันใหญ่กว่าแล่นสวนมา พวกเราก็จะแปรขบวน ขี่ต่อแถวกันไปอย่างรู้หน้าที่ รอจนถนนโล่งค่อยขี่รถครองเลนกันใหม่ กระทั่งรถเลี้ยวผ่านประตูโรงเรียนเข้ามา พวกเราสามคนก็ต่างชะลอความเร็วแล้วจอดให้อาจารย์ยืนเวรหน้าโรงเรียนตรวจความเรียบร้อยของทรงผม เสื้อผ้า ถุงเท้า รองเท้า แล้วพวกผมก็ผ่านฉลุยตามเคย จะให้ไม่ผ่านได้อย่างไร ก็ผมหวีผมเรียบแปล้ซะขนาดนี้ แถมยังครอบหมวกกันน็อคกันลมมาแล้วอีกต่างหาก เสื้อนักเรียนผมก็อุตส่าห์แช่น้ำยาซักผ้าขาวให้ดูใหม่ กางเกงก็รีดเรียบกริบ ถุงเท้าก็เอาลงปั่นด้วยเครื่องซักผ้าแบบไม่กลัวว่าจะยืด พอเริ่มยืดหน่อยก็นำหนังยางมารัดตรงต้นขา ก่อนค่อยพับ จะไม่ผ่านก็ไอ้ตรงที่ผมชอบเอาหูฟังโทรศัพท์มาติดตรงคอเสื้อนักเรียน แล้วปล่อยสายระโยงรยางค์ลงมานี่ละ แหม... ก็มันเท่ดีนี่ สาวๆ ก็หันมามองแล้วยิ้มให้ด้วย เห็นรอยยิ้มหวานๆ บนหน้าใสๆ แล้วชื่นใจจะตายไป
“เอาเก็บลงกระเป๋าไปเลยนะนายธวัชชัย ไม่งั้นครูยึดทั้งหูฟัง ทั้งโทรศัพท์แน่” อาจารย์หญิงรูปร่างท้วมวัยประมาณสี่สิบในชุดเครื่องแบบสีกากีเตือนเสียงแข็ง
“โธ่!’ จารย์... ผมก็แค่ฟังเพลงตอนขี่รถมาเอง เดี๋ยวก็เก็บแล้วล่ะครับ” ผมมองอาจารย์ผู้อยู่เวรหน้าประตูโรงเรียน ตาละห้อย ขืนผมทำตาเขียว หน้าคว่ำใส่อาจารย์ หูฟังสุดที่รักของผมก็ถูกยึดน่ะสิครับ
“ถ้างั้น ก็รีบเก็บลงกระเป๋าซะ ก่อนที่อาจารย์ชูศักดิ์จะมาเห็น”
“ครับ ’ จารย์” ผมรับคำ ยอมเก็บหูฟังลงกระเป๋านักเรียนที่วางอยู่หน้ารถแต่โดยดี แล้วจึงขี่มอเตอร์ไซค์นำไอ้ทอยกับไอ้แก่นมาที่โรงรถอย่างโล่งใจที่อย่างน้อย ผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดระเบียบให้ตัวเองเดือดร้อน
หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินกอดคอสองคู่หูมานั่งเล่นตรงม้านั่งใต้ต้นมะขามเทศ ตรงหัวมุมถนนคอนกรีตตัดเข้ามาจากประตูหน้าโรงเรียน ซึ่งสามารถมองเห็นบรรดานักเรียนเดินเข้ามาจากประตูโรงเรียนได้ชัดเจน นับว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ใช้มองสาวๆ หน้าใสๆ ได้อย่างดีเชียวละ
“เฮ้ย! ฉันถามจริงๆ เถอะว่ะ แกมานั่งมองอยู่นี่ทุกวันแบบนี้เนี่ย เจอคนที่ใช่หรือยังวะ” ไอ้ทอยหันมาเลิกคิ้วถามผม
“ยังเลยว่ะ” ผมตอบพลางยกมือขึ้นมากำประสานกันหลวมๆ ทอดสายตามองนักเรียนหญิงกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเดินผ่านไปผ่านๆ พอไม่ให้พวกเธอรู้ว่า ผมกำลังแอบมองอยู่ แล้วเอ่ยต่อว่า
“ไม่รู้สิ ฉันว่าสาวโรงเรียนเรา ตัวเตี้ยๆ หน้ากลมๆ จมูกแบนๆ ยังไงก็ไม่รู้ว่ะ บางคนก็ทาแป้งซะหน้าขาว แต่คอดำ ดูแล้วเหมือนผีจูออน บอกตรงๆ นะโว้ย ว่าไม่ใช่สเปค”
“อ้อ! ใช่ซี้... ส่วนไอ้ที่ใช่สเปคแกเนี่ย คือที่ถูกพี่ป้อมซิวไปรับประทานแล้ว นั่น! ใช่ไหมครับ?” ไอ้แก่นทำเสียงประชดประชัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องให้มันระบุชื่อ...ผมก็รู้ว่า มันกำลังนึกถึงภาพ “น้องอ้อม” นักเรียนรุ่นน้อง ห้อง ม.3/2 ลูกสาวนายก อบต. ที่ผมหมายตาเอาไว้ว่าจะจีบตั้งแต่แรกเห็น แต่ยังไม่ทันข้ามวัน สาวเจ้าก็ซ้อนท้ายรถ “พี่ป้อม” ประธานนักเรียนขาวตี๋หน้าหล่อ ที่เขาลือกันว่าเสน่ห์แรงแซงเด็กหนุ่มทุกคนในโรงเรียน ทิ้งให้ผมต้องเดินคอตก เสียความมั่นใจไปหลายวันทีเดียว พร้อมกับบ่นเสียดายที่ไม่ได้บุกหัวใจสาวเจ้าซะตั้งแต่แรกเจอ เพราะไม่อย่างนั้น้มันก็ไม่แน่เหมือนกันว่า ภาษีที่ผมเป็นถึงลูกกำนันทอง ผู้ที่มีฐานะร่ำรวยสมชื่อ อาจจะทำให้ผมแซงหน้าพี่ป้อม จีบน้องอ้อมสำเร็จไปแล้วก็ได้
“เออ แล้วแกจะย้ำทำไมอีกวะ?”
“เฮ้ย! ฉันไม่ได้จะย้ำนะโว้ย แต่ฉันอยากให้แกมองคนอื่นบ้างต่างหาก” ยังไม่ทันขาดคำไอ้แก่น เด็กสาวร่างบาง สูงระหง ในชุดนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่ง ที่ผมไม่คุ้นตาเลยก็เดินผ่านครูยืนเวรเข้ามา
“เฮ้ยๆ !! ไอ้แวน! ไอ้ทอย! แกดูผู้หญิงคนนั้นสิ เด็กใหม่หรือเปล่าวะ? ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย” น้ำเสียงที่ตื่นเต้นของไอ้แก่นเรียกให้ผมกับไอ้ทอยหันตามอย่างช่วยไม่ได้ ในระยะที่ไม่ได้ห่างจากที่พวกผมจับกลุ่มคุยกันอยู่นั้นมากนัก แรงสะกดจากดวงตากลมโตสุกใส ภายใต้คิ้วเข้ม จมูกโด่ง กลีบปากทั้งคู่สีชมพูระเรื่อ ล้อมกรอบด้วยดวงหน้ารูปหัวใจขาวผ่อง และเส้นผมสีดำขลับที่ถูกถักเป็นเปียเดี่ยวทิ้งเอาไว้ด้านหลัง ทิ้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ยามเจ้าของเดินผ่านพวกเราไป กระตุกหัวใจของผมให้ตื่นตะลึง ตาค้าง ราวกับต้องคำสาป จนแม้เจ้าของร่างอรชรนั้นจะเดินผ่านหน้าผมไปนานแล้ว ผมก็ยังคงแข็งค้างนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม
“ไอ้แวน ไอ้แวน” ไอ้ทอยเรียกก็แล้ว ยื่นมือมาโบกไปมาตรงหน้าก็แล้ว แต่ผมก็ยังไม่สนใจมันอยู่ดี ก็คนมันกำลังตกอยู่ในภวังค์ของความรักนี่ครับ ทุกอย่างรอบตัวผมก็เลยกลายเป็นหน้าเธอไปหมด แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้ง รู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออก เมื่อถูกกำปั้นลุ่นๆ ของไอ้ทอยทุบเข้ากลางแผ่นหลังดังอั้กใหญ่
“โอ๊ย! อะไรของแกวะไอ้ทอย” ผมโวยวายลั่นทั้งที่ยังจุกจนพูดแทบไม่ออก
“ฉันเห็นแกเดินตกหลุมก็เลยช่วยดึงขึ้นมาน่ะสิวะ”
“หลุมบ้าอะไรวะ? ฉันก็นั่งอยู่นี่”
“ก็ หลุมรัก...ไง ของแม่สาวคนเมื่อกี้ สงสัยจะเพิ่งมาอย่างที่ไอ้แก่นว่าจริงๆ แหละว่ะ ไม่รู้ว่าจะอยู่ ชั้นไหน ห้องไหนกันนะ” ไอ้ทอยทำท่าเคลิ้มบ้าง ก่อนจะร้องโอ๊ย เมื่อถูกผมเอาคืนด้วยการทุบที่กลางหลังดังอั้ก
“โอ๊ย! เจ็บนะโว้ยไอ้แวน”
“เจ็บน่ะสิวะดี จะได้จำไว้ว่าคนนี้ฉันจองแล้วโว้ย แล้วพวกแกก็ต้องช่วยฉันจีบเธอให้ติดด้วย เข้าใจ๋!” ผมว่าด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“อ้าวๆ ไหงเปลี่ยนใจจากน้องอ้อมไวนักวะ เมื่อกี้ยังซึมกะทือเป็นผีตายซากอยู่เลย หายอกหักแล้วสิ เออๆ ...ช่วยก็ได้วะ จะได้หายตายซากสักที จะคิดซะว่าช่วยลูกหมาหน้าตาน่ารักซักตัวก็แล้วกัน จริงไหมไอ้แก่น...” ไอ้ทอยพูดพร้อมกับลูบเบาๆ บนหัวที่ผมบรรจงหวีจนเรียบแปล้ของผม พร้อมกับทำท่าเหมือนกำลังขอมือ...จากลูกสุนัข! ไปด้วย
“เฮ้ย! นี่... แกหาว่าฉันเป็นหมาเหรอวะไอ้ทอย” โดยไม่รอให้ผมพูดจบ ไอ้ทอยก็ลุกจากเก้าอี้หินอ่อน วิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ผมจะมองเห็นตัวเองลุกตามไปไล่เตะก้นเพื่อน พร้อมกับหัวเราะกันเป็นที่ครื้นเครง โดยไม่ทันได้รู้ตัวเลยสักนิด ถึงสายตาของใครคนหนึ่งทอดตามเสียงหัวเราะของพวกเรามาเงียบๆ
ว่ากันว่า ความบังเอิญที่เกิดติดๆ กันหลายครั้ง มักจะมีสาเหตุมาจากต้นเหตุเดียวกัน แต่ ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชั่วโมงโฮมรูมวันนี้จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือพรหมลิขิต มันก็ได้เกิดขึ้นกับผมแล้วในวันนี้...
“นี่เพื่อนใหม่ของเราจ้ะ แนะนำตัวให้เพื่อนๆ รู้จักสิจ๊ะ”
ทันทีที่ อาจารย์ขวัญใจ...อาจารย์ที่ปรึกษาของห้อง ม.4/1 ของเราพาเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามายืนหน้าชั้น เพื่อแนะนำตัว หัวใจผมก็เต้นแรงราวกับว่าพี่เสก โลโซ กำลังเข้ามาเปิดคอนเสิร์ต โซโลกีต้าร์อยู่ในห้องของหัวใจ...เพราะตอนนี้ที่หน้าชั้น...เพื่อนใหม่ที่ผมไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเสียด้วยซ้ำคนนั้นกำลังแนะนำตัวเธอเองอยู่ที่หน้าชั้นของพวกเรานี่เอง!!
“สวัสดีค่ะ ชื่อสกาวเดือนค่ะ ชื่อเล่นชื่อ แป้ง”
“ชื่อจริง สกาวเดือน ชื่อเล่น ชื่อแป้ง...” ผมรีบรีดรอยหยักในสมองบังคับให้มันรีบบันทึกชื่อของเธอลงไปในทันที ก็อย่างที่บอก เรื่องบังเอิญมันมักไม่ค่อยมาทีละเรื่อง ไม่ว่าเรื่องโชคดีหรือโชคร้าย ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายไหนตามตัวเราเจอแล้วละก็ เรามักจะเจอแต่เรื่องนั้นๆ ไปอีกหลายเรื่องติดๆ กันเลยทีเดียว แต่คราวนี้ โชคดีที่เป็นคราวของโชคดีที่หาตัวผมเจอ... เพราะนอกจากสกาวเดือนจะมาเรียนห้องเดียวกับผมแล้ว ฟ้า... เอ้ย! อาจารย์ ยังส่งเธอให้มานั่งโต๊ะข้างๆ ผมอีก!! นี่ผมใช้โชคทั้งชีวิตหมดไปในคราวนี้คราวเดียวหรือเปล่านะ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ใครจะแคร์กัน!
“สวัสดี... นายชื่ออะไรเหรอ?” เธอหันมาถามผมเกือบจะทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้
“เอ่อ... ระ...เราชื่อ วะ...แวน” ผมแนะนำตัวตะกุกตะกัก พร้อมกับเสียงหนึ่งดังเอะอะอยู่ภายในใจ
“...แป้งพูดกับเราก่อนด้วยโว้ย มีหวังว่ะ เยส เยส...ดีใจโคตรๆ เลยโว้ย...”
และผลของการมีสาวสวย หน้าขาวผ่องสมชื่อ “สกาวเดือน” มานั่งอยู่ข้างๆ ก็ทำให้ผมไม่เป็นอันเรียนหนังสือ เพราะสายตาคอยแต่จะหันไปมองแก้มขาวๆ ขนตางอนๆ กระพือขึ้นลงตามการกะพริบตาของหล่อนอยู่เรื่อยๆ รู้สึกว่าเวลาเรียนในแต่ละชั่วโมงมันช่างผ่านไปรวดเร็วซะเหลือเกิน ไม่ทันไรก็พักเที่ยงซะแล้ว
โรงอาหารตอนพักเที่ยง เต็มไปด้วยนักเรียนที่มาเข้าคิวซื้ออาหาร น้ำ และขนมเสมอ จากนั้นก็จะไปนั่งรับประทานบนโต๊ะกับม้านั่งตัวยาวที่ถูกจัดไว้เป็นแถว เสียงนักเรียนแต่ละกลุ่มคุยกันฟังไม่ได้ศัพท์ราวกับนกกระจอกแตกรัง ท่ามกลางนักเรียนหลายกลุ่ม ผมอาศัยฐานะเพื่อนร่วมชั้นที่นั่งอยู่โต๊ะเรียนข้างๆ กัน และอยู่โรงเรียนนี้มาก่อนเธอ เดินถือหนังสือ พลางชี้โน่นชี้นี่ แนะนำสถานที่ต่างๆ ของโรงเรียนให้สกาวเดือนที่พยักหน้ารับมาตลอดทางได้รู้ ตั้งแต่ห้องเรียนจนถึงโรงอาหาร ก่อนที่จะพยายามทำตัวเป็นสุภาพบุรุษโดยการเสนอตัวที่จะไปซื้อข้าวราดแกงมาให้
“สกาวเดือนจะทานอะไร? เดี๋ยวเราไปซื้อมาให้”
“เรียกแป้งก็ได้... ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เราไปซื้อเองได้” สกาวเดือน เอ้ย! แป้ง!! ปฏิเสธยิ้มๆ แต่ ก็ไม่ได้มีน้ำเสียงถึงขั้นว่าจะปฏิเสธเด็ดขาดอะไร
“ไม่เป็นไรหรอก เราจะไปซื้อข้าวร้านนี้อยู่พอดี” ผมจึงไม่ยอมละความพยายามง่ายๆ
“ถ้างั้นก็ขอบใจนะ” เธอสอดมือลงไปในกระเป๋ากระโปรงหยิบค่าอาหารในส่วนของเธอส่งให้ผม
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”
“ไม่ได้หรอก” เธอปฏิเสธ
“ได้สิ ถือซะว่าเราเลี้ยงเนื่องในโอกาสที่เรารู้จักกันวันแรกไง” ผมรบเร้า เธอชั่งใจนิดหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ เพียงแค่นั้นผมก็ดีใจจนอยากจะกระโดดตัวลอยแล้ว แต่ก็ต้องยั้งใจเอาไว้ก่อน เพราะยังอยู่ต่อหน้าเธอ
แต่แล้ว... หัวใจดวงน้อยที่กำลังพองเต็มอก ก็กลับแฟบฝ่อลงอย่างรวดเร็วราวกับลูกโป่งลูกใหญ่ถูกปล่อยลมให้ค่อยๆ แฟบลงทีละน้อยจนเหลือเพียงลูกโป่งแบนๆ เมื่อจู่ๆ พี่ป้อม ศัตรูหัวใจของผมก็ถือข้าวราดแกงพร้อมด้วยน้ำเก๊กฮวยเย็นเฉียบในแก้วพลาสติกตรงมายังสกาวเดือน
“พี่ขอนั่งด้วยคนนะครับ”
“คะ?” เธอตอบรับอย่างงงๆ เหมือนกับคนที่ จู่ๆ ก็มีใครไม่รู้เข้ามาขอนั่งด้วย ขณะที่พี่ป้อมลอบส่งสายตาเย้ยหยันแวบหนึ่งมาให้ผม ...ก่อนจะหันไปพูดกับแป้งต่อ
(อ่านต่อคอมเมนท์ที่ 1)
รวมเรื่องสั้นผีเปิดหลุม หลุมที่ 2 ความรักครั้งแรก โดย ปลายปากกา
รวมเรื่องสั้น ผีเปิดหลุม (By Always Publishing) หลุมที่ 2 ความรักครั้งแรก โดย ปลายปากกา
(นิลเป็นตัวแทนจากสำนักพิมพ์นำมาเผยแพร่เป็นตัวอย่าง ให้ทดลองอ่านกันค่ะ)
รวมเรื่องสั้น ผีเปิดหลุม (By Always Publishing) หลุมที่ 1 ตุ๊กตาหน้ารถ โดย ชลณภัทร
https://pantip.com/topic/37412327
รวมเรื่องสั้นผีเปิดหลุม หลุมที่ 1 (จบตอน) ตุ๊กตาหน้ารถ (ตอนจบ)
https://pantip.com/topic/37424729
....................................................................................................
“...เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตอน 14 ตอนที่ฉันมีแฟนคนแรก ลึกลึกข้างในมันหวั่นมันไหวแปลกแปลก เธอรู้ไหม...ฉันเหมือน 14 อีกครั้ง...” (เพลง 14 อีกครั้ง โดยศิลปิน เสก โลโซ)
เสียงเพลงดังมาจากหูฟังโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดกระหึ่มอยู่ในหู ซึ่งถูกครอบเอาไว้ด้วยห้องเก็บเสียงชั้นดีอย่างหมวกกันน็อก ขณะที่ผมกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นรุ่นใหม่ล่าสุดที่แม่เคยบอกว่าหน้าตาเหมือนตั๊กแตนยงโย่มากกว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์มาตามถนนลาดยาง ตัดเลาะเลียบนาข้าว และป่าเบญจพรรณบางตา มุ่งหน้าสู่โรงเรียนประสิทธิ์ปัญญา ซึ่งเป็นโรงเรียนสหศึกษาเล็กๆ ในตำบลบางหว้าใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร โดยมี “ไอ้ทอย” กับ “ไอ้แก่น” เพื่อนคู่หูของผม ซึ่งเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้นขับมอเตอร์ไซค์คนละยี่ห้อ ปาดเบาะ เปลี่ยนท่อจนเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มเคียงกันมาในระยะห่างพอสมควร เรียกได้ว่า ถนนเลนซ้ายทั้งเลน พวกเราสามคนครอง แต่เมื่อมีรถคันใหญ่กว่าแล่นสวนมา พวกเราก็จะแปรขบวน ขี่ต่อแถวกันไปอย่างรู้หน้าที่ รอจนถนนโล่งค่อยขี่รถครองเลนกันใหม่ กระทั่งรถเลี้ยวผ่านประตูโรงเรียนเข้ามา พวกเราสามคนก็ต่างชะลอความเร็วแล้วจอดให้อาจารย์ยืนเวรหน้าโรงเรียนตรวจความเรียบร้อยของทรงผม เสื้อผ้า ถุงเท้า รองเท้า แล้วพวกผมก็ผ่านฉลุยตามเคย จะให้ไม่ผ่านได้อย่างไร ก็ผมหวีผมเรียบแปล้ซะขนาดนี้ แถมยังครอบหมวกกันน็อคกันลมมาแล้วอีกต่างหาก เสื้อนักเรียนผมก็อุตส่าห์แช่น้ำยาซักผ้าขาวให้ดูใหม่ กางเกงก็รีดเรียบกริบ ถุงเท้าก็เอาลงปั่นด้วยเครื่องซักผ้าแบบไม่กลัวว่าจะยืด พอเริ่มยืดหน่อยก็นำหนังยางมารัดตรงต้นขา ก่อนค่อยพับ จะไม่ผ่านก็ไอ้ตรงที่ผมชอบเอาหูฟังโทรศัพท์มาติดตรงคอเสื้อนักเรียน แล้วปล่อยสายระโยงรยางค์ลงมานี่ละ แหม... ก็มันเท่ดีนี่ สาวๆ ก็หันมามองแล้วยิ้มให้ด้วย เห็นรอยยิ้มหวานๆ บนหน้าใสๆ แล้วชื่นใจจะตายไป
“เอาเก็บลงกระเป๋าไปเลยนะนายธวัชชัย ไม่งั้นครูยึดทั้งหูฟัง ทั้งโทรศัพท์แน่” อาจารย์หญิงรูปร่างท้วมวัยประมาณสี่สิบในชุดเครื่องแบบสีกากีเตือนเสียงแข็ง
“โธ่!’ จารย์... ผมก็แค่ฟังเพลงตอนขี่รถมาเอง เดี๋ยวก็เก็บแล้วล่ะครับ” ผมมองอาจารย์ผู้อยู่เวรหน้าประตูโรงเรียน ตาละห้อย ขืนผมทำตาเขียว หน้าคว่ำใส่อาจารย์ หูฟังสุดที่รักของผมก็ถูกยึดน่ะสิครับ
“ถ้างั้น ก็รีบเก็บลงกระเป๋าซะ ก่อนที่อาจารย์ชูศักดิ์จะมาเห็น”
“ครับ ’ จารย์” ผมรับคำ ยอมเก็บหูฟังลงกระเป๋านักเรียนที่วางอยู่หน้ารถแต่โดยดี แล้วจึงขี่มอเตอร์ไซค์นำไอ้ทอยกับไอ้แก่นมาที่โรงรถอย่างโล่งใจที่อย่างน้อย ผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดระเบียบให้ตัวเองเดือดร้อน
หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินกอดคอสองคู่หูมานั่งเล่นตรงม้านั่งใต้ต้นมะขามเทศ ตรงหัวมุมถนนคอนกรีตตัดเข้ามาจากประตูหน้าโรงเรียน ซึ่งสามารถมองเห็นบรรดานักเรียนเดินเข้ามาจากประตูโรงเรียนได้ชัดเจน นับว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ใช้มองสาวๆ หน้าใสๆ ได้อย่างดีเชียวละ
“เฮ้ย! ฉันถามจริงๆ เถอะว่ะ แกมานั่งมองอยู่นี่ทุกวันแบบนี้เนี่ย เจอคนที่ใช่หรือยังวะ” ไอ้ทอยหันมาเลิกคิ้วถามผม
“ยังเลยว่ะ” ผมตอบพลางยกมือขึ้นมากำประสานกันหลวมๆ ทอดสายตามองนักเรียนหญิงกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเดินผ่านไปผ่านๆ พอไม่ให้พวกเธอรู้ว่า ผมกำลังแอบมองอยู่ แล้วเอ่ยต่อว่า
“ไม่รู้สิ ฉันว่าสาวโรงเรียนเรา ตัวเตี้ยๆ หน้ากลมๆ จมูกแบนๆ ยังไงก็ไม่รู้ว่ะ บางคนก็ทาแป้งซะหน้าขาว แต่คอดำ ดูแล้วเหมือนผีจูออน บอกตรงๆ นะโว้ย ว่าไม่ใช่สเปค”
“อ้อ! ใช่ซี้... ส่วนไอ้ที่ใช่สเปคแกเนี่ย คือที่ถูกพี่ป้อมซิวไปรับประทานแล้ว นั่น! ใช่ไหมครับ?” ไอ้แก่นทำเสียงประชดประชัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องให้มันระบุชื่อ...ผมก็รู้ว่า มันกำลังนึกถึงภาพ “น้องอ้อม” นักเรียนรุ่นน้อง ห้อง ม.3/2 ลูกสาวนายก อบต. ที่ผมหมายตาเอาไว้ว่าจะจีบตั้งแต่แรกเห็น แต่ยังไม่ทันข้ามวัน สาวเจ้าก็ซ้อนท้ายรถ “พี่ป้อม” ประธานนักเรียนขาวตี๋หน้าหล่อ ที่เขาลือกันว่าเสน่ห์แรงแซงเด็กหนุ่มทุกคนในโรงเรียน ทิ้งให้ผมต้องเดินคอตก เสียความมั่นใจไปหลายวันทีเดียว พร้อมกับบ่นเสียดายที่ไม่ได้บุกหัวใจสาวเจ้าซะตั้งแต่แรกเจอ เพราะไม่อย่างนั้น้มันก็ไม่แน่เหมือนกันว่า ภาษีที่ผมเป็นถึงลูกกำนันทอง ผู้ที่มีฐานะร่ำรวยสมชื่อ อาจจะทำให้ผมแซงหน้าพี่ป้อม จีบน้องอ้อมสำเร็จไปแล้วก็ได้
“เออ แล้วแกจะย้ำทำไมอีกวะ?”
“เฮ้ย! ฉันไม่ได้จะย้ำนะโว้ย แต่ฉันอยากให้แกมองคนอื่นบ้างต่างหาก” ยังไม่ทันขาดคำไอ้แก่น เด็กสาวร่างบาง สูงระหง ในชุดนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่ง ที่ผมไม่คุ้นตาเลยก็เดินผ่านครูยืนเวรเข้ามา
“เฮ้ยๆ !! ไอ้แวน! ไอ้ทอย! แกดูผู้หญิงคนนั้นสิ เด็กใหม่หรือเปล่าวะ? ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย” น้ำเสียงที่ตื่นเต้นของไอ้แก่นเรียกให้ผมกับไอ้ทอยหันตามอย่างช่วยไม่ได้ ในระยะที่ไม่ได้ห่างจากที่พวกผมจับกลุ่มคุยกันอยู่นั้นมากนัก แรงสะกดจากดวงตากลมโตสุกใส ภายใต้คิ้วเข้ม จมูกโด่ง กลีบปากทั้งคู่สีชมพูระเรื่อ ล้อมกรอบด้วยดวงหน้ารูปหัวใจขาวผ่อง และเส้นผมสีดำขลับที่ถูกถักเป็นเปียเดี่ยวทิ้งเอาไว้ด้านหลัง ทิ้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ยามเจ้าของเดินผ่านพวกเราไป กระตุกหัวใจของผมให้ตื่นตะลึง ตาค้าง ราวกับต้องคำสาป จนแม้เจ้าของร่างอรชรนั้นจะเดินผ่านหน้าผมไปนานแล้ว ผมก็ยังคงแข็งค้างนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม
“ไอ้แวน ไอ้แวน” ไอ้ทอยเรียกก็แล้ว ยื่นมือมาโบกไปมาตรงหน้าก็แล้ว แต่ผมก็ยังไม่สนใจมันอยู่ดี ก็คนมันกำลังตกอยู่ในภวังค์ของความรักนี่ครับ ทุกอย่างรอบตัวผมก็เลยกลายเป็นหน้าเธอไปหมด แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้ง รู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออก เมื่อถูกกำปั้นลุ่นๆ ของไอ้ทอยทุบเข้ากลางแผ่นหลังดังอั้กใหญ่
“โอ๊ย! อะไรของแกวะไอ้ทอย” ผมโวยวายลั่นทั้งที่ยังจุกจนพูดแทบไม่ออก
“ฉันเห็นแกเดินตกหลุมก็เลยช่วยดึงขึ้นมาน่ะสิวะ”
“หลุมบ้าอะไรวะ? ฉันก็นั่งอยู่นี่”
“ก็ หลุมรัก...ไง ของแม่สาวคนเมื่อกี้ สงสัยจะเพิ่งมาอย่างที่ไอ้แก่นว่าจริงๆ แหละว่ะ ไม่รู้ว่าจะอยู่ ชั้นไหน ห้องไหนกันนะ” ไอ้ทอยทำท่าเคลิ้มบ้าง ก่อนจะร้องโอ๊ย เมื่อถูกผมเอาคืนด้วยการทุบที่กลางหลังดังอั้ก
“โอ๊ย! เจ็บนะโว้ยไอ้แวน”
“เจ็บน่ะสิวะดี จะได้จำไว้ว่าคนนี้ฉันจองแล้วโว้ย แล้วพวกแกก็ต้องช่วยฉันจีบเธอให้ติดด้วย เข้าใจ๋!” ผมว่าด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“อ้าวๆ ไหงเปลี่ยนใจจากน้องอ้อมไวนักวะ เมื่อกี้ยังซึมกะทือเป็นผีตายซากอยู่เลย หายอกหักแล้วสิ เออๆ ...ช่วยก็ได้วะ จะได้หายตายซากสักที จะคิดซะว่าช่วยลูกหมาหน้าตาน่ารักซักตัวก็แล้วกัน จริงไหมไอ้แก่น...” ไอ้ทอยพูดพร้อมกับลูบเบาๆ บนหัวที่ผมบรรจงหวีจนเรียบแปล้ของผม พร้อมกับทำท่าเหมือนกำลังขอมือ...จากลูกสุนัข! ไปด้วย
“เฮ้ย! นี่... แกหาว่าฉันเป็นหมาเหรอวะไอ้ทอย” โดยไม่รอให้ผมพูดจบ ไอ้ทอยก็ลุกจากเก้าอี้หินอ่อน วิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ผมจะมองเห็นตัวเองลุกตามไปไล่เตะก้นเพื่อน พร้อมกับหัวเราะกันเป็นที่ครื้นเครง โดยไม่ทันได้รู้ตัวเลยสักนิด ถึงสายตาของใครคนหนึ่งทอดตามเสียงหัวเราะของพวกเรามาเงียบๆ
ว่ากันว่า ความบังเอิญที่เกิดติดๆ กันหลายครั้ง มักจะมีสาเหตุมาจากต้นเหตุเดียวกัน แต่ ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชั่วโมงโฮมรูมวันนี้จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือพรหมลิขิต มันก็ได้เกิดขึ้นกับผมแล้วในวันนี้...
“นี่เพื่อนใหม่ของเราจ้ะ แนะนำตัวให้เพื่อนๆ รู้จักสิจ๊ะ”
ทันทีที่ อาจารย์ขวัญใจ...อาจารย์ที่ปรึกษาของห้อง ม.4/1 ของเราพาเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามายืนหน้าชั้น เพื่อแนะนำตัว หัวใจผมก็เต้นแรงราวกับว่าพี่เสก โลโซ กำลังเข้ามาเปิดคอนเสิร์ต โซโลกีต้าร์อยู่ในห้องของหัวใจ...เพราะตอนนี้ที่หน้าชั้น...เพื่อนใหม่ที่ผมไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเสียด้วยซ้ำคนนั้นกำลังแนะนำตัวเธอเองอยู่ที่หน้าชั้นของพวกเรานี่เอง!!
“สวัสดีค่ะ ชื่อสกาวเดือนค่ะ ชื่อเล่นชื่อ แป้ง”
“ชื่อจริง สกาวเดือน ชื่อเล่น ชื่อแป้ง...” ผมรีบรีดรอยหยักในสมองบังคับให้มันรีบบันทึกชื่อของเธอลงไปในทันที ก็อย่างที่บอก เรื่องบังเอิญมันมักไม่ค่อยมาทีละเรื่อง ไม่ว่าเรื่องโชคดีหรือโชคร้าย ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายไหนตามตัวเราเจอแล้วละก็ เรามักจะเจอแต่เรื่องนั้นๆ ไปอีกหลายเรื่องติดๆ กันเลยทีเดียว แต่คราวนี้ โชคดีที่เป็นคราวของโชคดีที่หาตัวผมเจอ... เพราะนอกจากสกาวเดือนจะมาเรียนห้องเดียวกับผมแล้ว ฟ้า... เอ้ย! อาจารย์ ยังส่งเธอให้มานั่งโต๊ะข้างๆ ผมอีก!! นี่ผมใช้โชคทั้งชีวิตหมดไปในคราวนี้คราวเดียวหรือเปล่านะ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ใครจะแคร์กัน!
“สวัสดี... นายชื่ออะไรเหรอ?” เธอหันมาถามผมเกือบจะทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้
“เอ่อ... ระ...เราชื่อ วะ...แวน” ผมแนะนำตัวตะกุกตะกัก พร้อมกับเสียงหนึ่งดังเอะอะอยู่ภายในใจ
“...แป้งพูดกับเราก่อนด้วยโว้ย มีหวังว่ะ เยส เยส...ดีใจโคตรๆ เลยโว้ย...”
และผลของการมีสาวสวย หน้าขาวผ่องสมชื่อ “สกาวเดือน” มานั่งอยู่ข้างๆ ก็ทำให้ผมไม่เป็นอันเรียนหนังสือ เพราะสายตาคอยแต่จะหันไปมองแก้มขาวๆ ขนตางอนๆ กระพือขึ้นลงตามการกะพริบตาของหล่อนอยู่เรื่อยๆ รู้สึกว่าเวลาเรียนในแต่ละชั่วโมงมันช่างผ่านไปรวดเร็วซะเหลือเกิน ไม่ทันไรก็พักเที่ยงซะแล้ว
โรงอาหารตอนพักเที่ยง เต็มไปด้วยนักเรียนที่มาเข้าคิวซื้ออาหาร น้ำ และขนมเสมอ จากนั้นก็จะไปนั่งรับประทานบนโต๊ะกับม้านั่งตัวยาวที่ถูกจัดไว้เป็นแถว เสียงนักเรียนแต่ละกลุ่มคุยกันฟังไม่ได้ศัพท์ราวกับนกกระจอกแตกรัง ท่ามกลางนักเรียนหลายกลุ่ม ผมอาศัยฐานะเพื่อนร่วมชั้นที่นั่งอยู่โต๊ะเรียนข้างๆ กัน และอยู่โรงเรียนนี้มาก่อนเธอ เดินถือหนังสือ พลางชี้โน่นชี้นี่ แนะนำสถานที่ต่างๆ ของโรงเรียนให้สกาวเดือนที่พยักหน้ารับมาตลอดทางได้รู้ ตั้งแต่ห้องเรียนจนถึงโรงอาหาร ก่อนที่จะพยายามทำตัวเป็นสุภาพบุรุษโดยการเสนอตัวที่จะไปซื้อข้าวราดแกงมาให้
“สกาวเดือนจะทานอะไร? เดี๋ยวเราไปซื้อมาให้”
“เรียกแป้งก็ได้... ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เราไปซื้อเองได้” สกาวเดือน เอ้ย! แป้ง!! ปฏิเสธยิ้มๆ แต่ ก็ไม่ได้มีน้ำเสียงถึงขั้นว่าจะปฏิเสธเด็ดขาดอะไร
“ไม่เป็นไรหรอก เราจะไปซื้อข้าวร้านนี้อยู่พอดี” ผมจึงไม่ยอมละความพยายามง่ายๆ
“ถ้างั้นก็ขอบใจนะ” เธอสอดมือลงไปในกระเป๋ากระโปรงหยิบค่าอาหารในส่วนของเธอส่งให้ผม
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”
“ไม่ได้หรอก” เธอปฏิเสธ
“ได้สิ ถือซะว่าเราเลี้ยงเนื่องในโอกาสที่เรารู้จักกันวันแรกไง” ผมรบเร้า เธอชั่งใจนิดหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ เพียงแค่นั้นผมก็ดีใจจนอยากจะกระโดดตัวลอยแล้ว แต่ก็ต้องยั้งใจเอาไว้ก่อน เพราะยังอยู่ต่อหน้าเธอ
แต่แล้ว... หัวใจดวงน้อยที่กำลังพองเต็มอก ก็กลับแฟบฝ่อลงอย่างรวดเร็วราวกับลูกโป่งลูกใหญ่ถูกปล่อยลมให้ค่อยๆ แฟบลงทีละน้อยจนเหลือเพียงลูกโป่งแบนๆ เมื่อจู่ๆ พี่ป้อม ศัตรูหัวใจของผมก็ถือข้าวราดแกงพร้อมด้วยน้ำเก๊กฮวยเย็นเฉียบในแก้วพลาสติกตรงมายังสกาวเดือน
“พี่ขอนั่งด้วยคนนะครับ”
“คะ?” เธอตอบรับอย่างงงๆ เหมือนกับคนที่ จู่ๆ ก็มีใครไม่รู้เข้ามาขอนั่งด้วย ขณะที่พี่ป้อมลอบส่งสายตาเย้ยหยันแวบหนึ่งมาให้ผม ...ก่อนจะหันไปพูดกับแป้งต่อ
(อ่านต่อคอมเมนท์ที่ 1)