คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
ความอยากเป็นต้นเหตุของความทุกข์ แล้วความหมดสิ้นอยากจะทำให้รู้สึกเช่นไร
---ความอยากเป็นต้นเหตุของความทุกข์ เพราะอะไร! ความอยากในที่นี้คือ ตัณหา คือ กามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา
---แล้วมันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ได้อย่างไร! เพราะตัณหา เป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะภพ เป็นปัจจัย จึงมีชาติ
ดังนั้น ตัณหาทำให้เกิดอีกตายอีกในภพน้อยใหญ่ คือ นรก เดรัจฉาน เปรตวิสัย มนุษย์ และเทวดา จึงกล่าวได้ว่า
ความอยากคือตัณหาเป็นต้นเหตุของทุกข์ คือการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้นมีตัณหาเป็นเครื่องผูก
ท่องเที่ยวไปอยู่ในสังสารวัฏ ความเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง มีแต่ทุกข์ที่เกิดขึ้นและดับไป ทุกข์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงทุกขเวทนา
คือความรู้สึกทุกข์กายทุกข์ใจเท่านั้น แต่ทุกข์ในที่นี้มีความหมายกว้าง คือสิ่งใดที่ไม่เที่ยง ไม่สามารถคงตัวอยู่ได้ตลอดกาล
คือสิ่งใดก็ตามที่ไม่ได้เป็นอมตะ สิ่งนั้นเรียกว่า ทุกข์ หรือเป็นทุกข์ ดังนั้งทุกอย่าง(ไม่เว้นอะไร ยกเว้นนิพพาน) เป็นทุกข์ นั่นเอง
แม้แต่ความสุขก็เป็นทุกข์ เพราะความสุขเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ใครได้สุขมาแล้วจะสุขต่อเนื่องได้ตลอดไปชั่วนิจนิรันดร แค่นับเป็นนาทีชั่วโมงก็ยังยาก
เพราะก็ต้องมีหิว มีปวดปัสสาวะ มากั้นกลางอยู่ดี
***แล้วความหมดสิ้นอยากจะทำให้รู้สึกเช่นไร!!!
---คำว่ารู้สึก โดยทั่วไปในทางศาสนาหมายถึง เวทนา 3 คือ ความรู้สึกสุข ความรู้สึกทุกข์ ความรู้สึกไม่สุขไม่ทุก(เฉยๆ หรืออุเบกขา)
ความสุข และความทุกข์ ก็แบ่งออกได้เป็น สุขทางกาย สุขทางใจ ทุกข์ทางกาย ทุกข์ทางใจ
---ดังนั้น หมดสิ้นความอยาก ก็คือพระอรหันต์ คำถามที่ว่า แล้วความหมดสิ้นอยากจะทำให้รู้สึกเช่นไร
ก็เท่ากับว่าพระอรหันต์รู้สึกอย่างไรนั่นเอง เพียงแต่ใช้คำพูดที่ต่างออกไปเท่านั้น
พระอรหันต์ มีสุขทางกายได้ มีสุขทางใจได้ แต่เป็นสุขที่ไม่เกี่ยวด้วยอกุศลธรรม
มีทุกข์ทางกายได้เช่นเจ็บป่วย แต่พระอรหันต์จะไม่มีทุกข์ทางใจเลย
คือ ไม่อยากด้วยความโลภ ไม่โกรธไม่ขัดเคือง ไม่หุดหู่ ไม่ฟุ้งซ่าน ฯ ไม่มีความรู้สึกชนิดต่างๆที่เป็นความทุกข์ทางใจ
***กล่าวโดยสรุป นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง***
นี่คือลักษณะของผู้เข้าถึงนิพพานคือการสิ้นความอยากสิ้นเชิง ในเชิงความรู้สึก(เวทนา)
แต่ลักษณะของนิพพานที่แท้จริง ไม่สามารถรู้ได้ เข้าถึงได้ ด้วยการคิดตรึกตรองด้วยเหตุและผลเชิงตรระ
แต่ผู้เข้าถึงได้จะรู้ได้เฉพาะตน เพราะมิใช่วิสัยของคนที่ยังมีกิเลสอยู่จะเข้าถึงได้ อาจเข้าถึงได้เพียงระดับอุปมา
หรือเค้าโคลง หรือเงา ของนิพพาน หรือนิยามของพระศาสดา
“สิ่ง” สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง
เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สุด
มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้น มีอยู่;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ ความยาว ความสั้น
ความเล็ก ความใหญ่
ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ นามรูป ย่อมดับสนิทไม่มีเศษเหลือ;
นามรูป ดับสนิท ใน “สิ่ง” นี้
เพราะการดับสนิทของวิญญาณ; ดังนี้แล.
-บาลี สี. ที. ๙/๒๘๙/๓๔๘.
---ความอยากเป็นต้นเหตุของความทุกข์ เพราะอะไร! ความอยากในที่นี้คือ ตัณหา คือ กามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา
---แล้วมันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ได้อย่างไร! เพราะตัณหา เป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะภพ เป็นปัจจัย จึงมีชาติ
ดังนั้น ตัณหาทำให้เกิดอีกตายอีกในภพน้อยใหญ่ คือ นรก เดรัจฉาน เปรตวิสัย มนุษย์ และเทวดา จึงกล่าวได้ว่า
ความอยากคือตัณหาเป็นต้นเหตุของทุกข์ คือการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้นมีตัณหาเป็นเครื่องผูก
ท่องเที่ยวไปอยู่ในสังสารวัฏ ความเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง มีแต่ทุกข์ที่เกิดขึ้นและดับไป ทุกข์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงทุกขเวทนา
คือความรู้สึกทุกข์กายทุกข์ใจเท่านั้น แต่ทุกข์ในที่นี้มีความหมายกว้าง คือสิ่งใดที่ไม่เที่ยง ไม่สามารถคงตัวอยู่ได้ตลอดกาล
คือสิ่งใดก็ตามที่ไม่ได้เป็นอมตะ สิ่งนั้นเรียกว่า ทุกข์ หรือเป็นทุกข์ ดังนั้งทุกอย่าง(ไม่เว้นอะไร ยกเว้นนิพพาน) เป็นทุกข์ นั่นเอง
แม้แต่ความสุขก็เป็นทุกข์ เพราะความสุขเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ใครได้สุขมาแล้วจะสุขต่อเนื่องได้ตลอดไปชั่วนิจนิรันดร แค่นับเป็นนาทีชั่วโมงก็ยังยาก
เพราะก็ต้องมีหิว มีปวดปัสสาวะ มากั้นกลางอยู่ดี
***แล้วความหมดสิ้นอยากจะทำให้รู้สึกเช่นไร!!!
---คำว่ารู้สึก โดยทั่วไปในทางศาสนาหมายถึง เวทนา 3 คือ ความรู้สึกสุข ความรู้สึกทุกข์ ความรู้สึกไม่สุขไม่ทุก(เฉยๆ หรืออุเบกขา)
ความสุข และความทุกข์ ก็แบ่งออกได้เป็น สุขทางกาย สุขทางใจ ทุกข์ทางกาย ทุกข์ทางใจ
---ดังนั้น หมดสิ้นความอยาก ก็คือพระอรหันต์ คำถามที่ว่า แล้วความหมดสิ้นอยากจะทำให้รู้สึกเช่นไร
ก็เท่ากับว่าพระอรหันต์รู้สึกอย่างไรนั่นเอง เพียงแต่ใช้คำพูดที่ต่างออกไปเท่านั้น
พระอรหันต์ มีสุขทางกายได้ มีสุขทางใจได้ แต่เป็นสุขที่ไม่เกี่ยวด้วยอกุศลธรรม
มีทุกข์ทางกายได้เช่นเจ็บป่วย แต่พระอรหันต์จะไม่มีทุกข์ทางใจเลย
คือ ไม่อยากด้วยความโลภ ไม่โกรธไม่ขัดเคือง ไม่หุดหู่ ไม่ฟุ้งซ่าน ฯ ไม่มีความรู้สึกชนิดต่างๆที่เป็นความทุกข์ทางใจ
***กล่าวโดยสรุป นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง***
นี่คือลักษณะของผู้เข้าถึงนิพพานคือการสิ้นความอยากสิ้นเชิง ในเชิงความรู้สึก(เวทนา)
แต่ลักษณะของนิพพานที่แท้จริง ไม่สามารถรู้ได้ เข้าถึงได้ ด้วยการคิดตรึกตรองด้วยเหตุและผลเชิงตรระ
แต่ผู้เข้าถึงได้จะรู้ได้เฉพาะตน เพราะมิใช่วิสัยของคนที่ยังมีกิเลสอยู่จะเข้าถึงได้ อาจเข้าถึงได้เพียงระดับอุปมา
หรือเค้าโคลง หรือเงา ของนิพพาน หรือนิยามของพระศาสดา
“สิ่ง” สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง
เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สุด
มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้น มีอยู่;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ ความยาว ความสั้น
ความเล็ก ความใหญ่
ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ นามรูป ย่อมดับสนิทไม่มีเศษเหลือ;
นามรูป ดับสนิท ใน “สิ่ง” นี้
เพราะการดับสนิทของวิญญาณ; ดังนี้แล.
-บาลี สี. ที. ๙/๒๘๙/๓๔๘.
แสดงความคิดเห็น
ความอยากเป็นต้นเหตุของความทุกข์ แล้วความหมดสิ้นอยากจะทำให้รู้สึกเช่นไร