สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน กระทู้นี้อยากจะพาเพื่อนๆไปทัวร์ “เกาะหัวใจมรกต” แบบทริปสั้นๆ เป็นทริปที่ผมแพลนสำหรับไปดำน้ำโดยเฉพาะเลยก็ว่าได้
วันเดินทาง: 15 - 17 กุมภาพันธ์ 2018
เริ่มแรก ผมซื้อแพคเกจทัวร์ของ “Grand Andaman” แบบ Day trip ครับ ซึ่งดำน้ำทั้งหมดสี่เกาะ คือ
- เกาะฮอร์สชู
- เกาะหัวใจมรกต
- เกาะตาฟุก
- เกาะย่านเชือก (ปะการังเยอะมาก)
ส่วนการเดินทางไประนอง ผมเลือกเดินทางโดยรถทัวร์ของสมบัติทัวร์ สาย กรุงเทพฯ - ระนอง รอบกลางคืน และได้ติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ของ Grand Andaman เพื่อนัดวันเวลาที่จะให้มารับที่ “ออฟฟิศสมบัติทัวร์” ครับ (เจ้าหน้าที่จะโทรมายืนยันอีกทีก่อนวันเริ่มทริปประมาณหนึ่งวัน)
15 กุมภาพันธ์
21.00 - เริ่มเดินทางออกจากสายใต้ใหม่ โดยก่อนขึ้นรถ ผมบอกกับทางเจ้าหน้าที่ว่าไปลงที่ “ออฟฟิศสมบัติทัวร์”
มีแวะพักให้ยืดเส้น และ ทำธุระส่วนตัว ที่จุดพักรถประมาณ 1 ชั่วโมง ตอน ตี 1 นะครับ
16 กุมภาพันธ์
06.15 - ถึงจุดหมายปลายทางนั่นก็คือ ออฟฟิศสมบัติทัวร์ ครับ นั่งเล่นอยู่ในออฟฟิศประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่ Grand Andaman ก็มารับที่หน้าออฟฟิศครับ
โดยจะใช้เวลาเดินทางต่อจากออฟฟิศสมบัติทัวร์ไปท่าเรือ Grand Andaman อีกประมาน 20 นาทีครับ
และเราก็เดินทางมาถึงท่าเรือ Grand Andaman
ตรงจุดพักนี้เจ้าหน้าที่จะปล่อยให้ไปทานข้าวเช้าที่จัดไว้ให้ และ เปลี่ยนชุด เพื่อเตรียมตัวไปดำน้ำครับ
ระหว่างนั่งรอ เจ้าหน้าที่ของ Grand Andaman จะมาอธิบายวิธีใช้อุปกรณ์ต่างๆพวก แว่นดำน้ำ เสื้อชูชีพ รวมถึงเส้นทางการเดินทางของทริปนี้ และจะขอบัตรประชาชนของเราเพื่อไปทำเอกสารข้ามแดนให้ครับ กว่าผมจะเริ่มออกเดินทางออกจากท่าเรือก็ประมาน 10.30 ได้ เนื่องจากวันนั้นคนเดินทางข้ามฝั่งค่อนข้างเยอะ
สำหรับคนที่ไม่ได้ขับรถมาเอง สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนัดเวลา ให้เค้ามารอรับตอนขากลับเพื่อไปส่งยังที่พักในตัวเมืองระนองได้ครับ ซึ่งรอบสุดท้ายคือรอบ 20.00น.
เอาหละ หลังจากนั่งพักอยู่นาน ถึงเวลาเดินทางไปขึ้นเรือซักที เจ้าหน้าที่จะเรียกให้ขึ้นรถตอนประมาณ 10.30น. ท่าเรือใกล้กับที่เรากินข้าวมากครับ จริงๆเราสามารถเดินไปท่าเรือเองได้เลย
หน้าตารถรับส่งครับ สีหวานแหววมากเลย
เมื่อถึงตม. เจ้าหน้าที่ Grand Andaman จะเอาเอกสารผ่านแดนมาให้เรา จากตรงนี้เราแค่นำเอกสารไปยื่นกับทางเจ้าหน้าที่ข้ามแดนเอง เพื่อให้เค้าถ่ายรูปยืนยันตัวตน และ ปั๊มเอกสารผ่านแดน หลังจากนั้นจึงเดินทางต่อไปที่ท่าเรือ เพื่อขึ้น speed boat และเดินทางไปทำเอกสารผ่านแดนต่อที่ชายฝั่งพม่าครับ แต่ตรงนี้เจ้าหน้าที่ Grand Andaman ไปจัดการให้ครับ หลังจากทำเอกสารข้ามแดนที่ฝั่งพม่าเสร็จก็เป็นอันเริ่มทริปดำน้ำละครับ
เกาะแรกที่จะไปคือเกาะฮอร์สชู ซึ่งใช้เวลาเดินทางจาก ตม. พม่า ประมาณ 50 นาที หลับเอาแรงรอได้เลย 5555 ถึงเกาะฮอร์สชูประมาณ เที่ยงได้ครับ เค้าจะปล่อยให้เรา ดำน้ำแถวหน้าหาดแล้วให้ว่ายกลับขึ้นเกาะฮอร์สชูนะครับ ที่นี่ก็ยังไม่ค่อยมีอะไรให้ดูมาก แต่ผมรู้สึกว่า ค่อนข้างเห็นปลาหลากหลายสายพันธ์มากกว่าทะเลที่บ้านเรานะ แหวกว่ายกันเต็มท้องทะเลเลย แถมไม่ค่อยกลัวคนด้วย แต่ทะเลที่นี่หอยเม่นเยอะมากก
หลังจากขึ้นฝั่งมา ทางพี่ๆเจ้าหน้าที่จะเตรียมอาหารกลางวันไว้ให้เราทานครับ เป็นข้าวกล่องจำนวนสองกล่องด้วยกัน กินกันพุงป่องเลย เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีส้มตำที่ทางพี่ๆเจ้าหน้าที่ตำกันให้กินแบบสดๆร้อนๆอีกด้วย
บรรยากาศที่เกาะฮอร์สชูจ้าาา
หลังจากที่พักกินข้าว เดินเล่นบนเกาะฮอร์สชูประมาณชั่วโมงนึง เราก็ออกเดินทางไปยัง เกาะหัวใจมรกต ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง การจะเข้าไปเกาะหัวใจมรกตนั้นจำเป็นต้องมาช่วงที่น้ำทะเลลงนะครับ เพราะว่าเราต้องว่ายผ่านอุโมงค์เพื่อเข้าไปยังเกาะหัวใจมรกต เมื่อเรือแล่นมาถึงหน้าอุโมงค์เค้าก็จะปล่อยให้เราว่ายเข้าไปครับ
สำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่แข็งก็ไม่ต้องกลัวนะครับ เพราะจะมีเชือกคอยให้เราจับตลอดทางเลย และก็จะมีพี่ๆเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตามจุดเป็นระยะๆครับ
สำหรับไฮไลท์ของเกาะนี้ คือ ปะการัง กัลปังหาที่ขึ้นอยู่ตรงทางเข้าอุโมงค์ ซึ่งปกติปะการังชนิดนี้เจ้าหน้าที่บอกว่าจะไม่ได้เห็นกันง่ายนะครับ
หน้าตามันก็จะประมาณนี้
ก็จะดูน่ากลัวหน่อยๆ ฮ่าๆ แต่นี่แหละครับไฮไลท์ของเกาะหัวใจมรกต ส่วนตรงกลางของเกาะหัวใจมรกต ไม่ค่อยมีอะไร เป็นดงหอยเม่นซะส่วนใหญ่ และมันอยู่กันค่อนข้างตื้นครับ ตอนว่ายเข้าไปนี่เคลื่อนตัวลำบากมากๆเลย เพราะกลัวลอยตัวไปโดนเข็มมัน
ว่ายดูกัลปังหาสมใจอยากแล้วก็กลับมาขึ้นเรือเพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะต่อไป นั่นก็คือ เกาะตาฟุก ครับ ตอนขึ้นเรือเห็นแสงใต้น้ำสวยดีเลยถ่ายเก็บไว้ซะหน่อย
โดยระหว่างเดินทางพี่ๆเจ้าหน้าที่เค้าก็จะมีบริการน้ำดื่มให้เรากินฟรี หยิบกินได้ตามสะดวกเล้ย จากเกาะหัวใจมรกตเดินทางไปเกาะตาฟุกกช้เวลาอีกแค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้นเอง ตัวยังไม่ทันแห้งเลย ฮ่าๆๆ
ไฮไลท์ของเกาะนี้คือหาดทราบครับ ขาวละเอียด และละมุนมือมากกก
บนเกาะนี้ผมก็เดินเล่นแค่แถวชายหาดครับ ไม่ได้เดินเข้าไปข้างในเลยเก็บมาแต่บรรยากาศตรงแถวนั้น
เอาหละ หลังจากเพลิดเพลินกับหาดทรายบนเกาะตาฟุกประมาณครึงชั่วโมง เราก็ออกเดินทางไปยังเกาะสุดท้าย คือ เกาะย่านเชือกนั่น ผมว่าเป็นที่สุดของทริปนี้ละ ปะการังเยอะและสวยมากกก ว่ายดูเพลินตลอดทางเลย ใช้เวลาเดินทางจากเกาะตาฟุกประมาณ 15 นาทีครับ เมื่อถึงย่านเชือกเจ้าหน้าที่จะปล่อยให้เราลงไปดำน้ำตามแนวปะการัง แว้บแรกที่ลงไปนี่แบบ ว้าววว ปะการังอุดมสมบูรณ์มากกกก ปลา เปลอ ว่ายกันเต็มไปหมดเลย มีปลาให้ดูหลากหลายสายพันธ์มากครับ ดูกันเพลินเลย
เชิญรับชมภาพกันเลย
ดอกไม้ทะเลเยอะม้ากก ปกติดำน้ำที่ทะเลบ้านเราจะเห็นเป็นหย่อมๆ นี่เห็นเป็นกองทัพเลย
ปลานีโม่ก็มีให้เห็นเป็นระยะ ฟินกันเลยทีเดียว
และยังมีปลาอื่นๆอีกมากมายให้ดูเพลิดเพลินตลอดทางเลยครับ
หลังจากดำน้ำดื่มด่ำกับปะการังที่ย่านเชือกเป็นเวลาประมาณ 40 นาที ก็ถึงเวลาต้องจากลาเพราะต้องเดินทางกลับไปยัง ตม.พม่าครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที พี่ๆเค้าจะให้เราลงที่นี่เพื่อไป อาบน้ำ กินข้าวและพักผ่อนตาม อัธยาศัย ที่โรงแรม Grand Andaman ครับ โดยจากจุดนี้ เราก็จะแยกกับทางพี่ๆเจ้าหน้าที่หละครับ ถ้าเราจะกลับฝั่งไทย จะมีเรือมารับทุกต้นชั่วโมงครับจนถึงห้าทุ่ม (สำหรับคนที่เดินทางมาเอง) แต่สำหรับคนที่ต้องการจะให้ทาง ทัวร์เค้าไปส่งยังที่พักในตัวเมืองระนอง ต้องกลับก่อนสองทุ่มนะครับ คอยฟังเสียงกระดิ่งเอาไว้ดีๆ เค้าจะมี เจ้าหน้าที่คอยสั่นกระดิ่งเรียกในโรงแรม เพื่อบอกว่าให้เตรียมตัวขึ้นเรือรอบถัดไปนะครับ
ส่วนตัวผมเองก็ต้องกลับรอบสองทุ่ม เนื่องจากไม่ได้ขับรถมาเองครับ ก็ต้องร่ำลากับฝั่งพม่าแต่เพียงเท่านี้ เดินทางถึง ตม.ฝั่งไทยก็ทำเรื่องเข้าแดนแล้วขึ้นรถที่ ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ เพื่อให้เค้าไปส่งยังโรงแรมในตัวเมืองระนองครับ
สำหรับที่พักที่ผมนอนในระนองคือ The smile boutique ครับ ที่พัโอเคมากเลย ห้องนอนกว้างและสะอาดดีครับ และที่สำคัญที่พักยังอยู่ใกล้ บ่อน้ำร้อน “รักษะวาริน” อีกต่างหาก ห่างจากที่พักเพียงแค่ 500 เมตรเท่านั้นเอง ก็เป็นอันจบสำหรับทริปมาราธอนครับ
17 กุมภาพันธ์
เช้าวันเสาร์ก็เก็บของ และใช้บริการรถตู้ที่คุยไว้กับทางที่พักเพื่อเดินทางไปยังสนามบิน เค้าจะคิดค่าบริการคนละ 200 บาทครับ
สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้
ค่ารถสมบัติทัวร์ 470 บาท/คน
ค่าแพคเกจทัวร์ 3,500 บาท/คน
ค่าที่พัก The Smile Boutique 600 / คืน
ค่ารถตู้ส่งสนามบิน 200 บาท / คน
ค่าเครื่องบินขากลับ 1,000 บาท / คน
สำหรับรีวิวนี้ก็เป็นครั้งแรกของผมนะครับ บกพร่องประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นและคำแนะนำนะครับ จะนำไปปรับปรุงในครั้งถัดไปครับ
[CR] เกาะหัวใจ ไปแบบมาราธอน
สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน กระทู้นี้อยากจะพาเพื่อนๆไปทัวร์ “เกาะหัวใจมรกต” แบบทริปสั้นๆ เป็นทริปที่ผมแพลนสำหรับไปดำน้ำโดยเฉพาะเลยก็ว่าได้
วันเดินทาง: 15 - 17 กุมภาพันธ์ 2018
เริ่มแรก ผมซื้อแพคเกจทัวร์ของ “Grand Andaman” แบบ Day trip ครับ ซึ่งดำน้ำทั้งหมดสี่เกาะ คือ
- เกาะฮอร์สชู
- เกาะหัวใจมรกต
- เกาะตาฟุก
- เกาะย่านเชือก (ปะการังเยอะมาก)
ส่วนการเดินทางไประนอง ผมเลือกเดินทางโดยรถทัวร์ของสมบัติทัวร์ สาย กรุงเทพฯ - ระนอง รอบกลางคืน และได้ติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ของ Grand Andaman เพื่อนัดวันเวลาที่จะให้มารับที่ “ออฟฟิศสมบัติทัวร์” ครับ (เจ้าหน้าที่จะโทรมายืนยันอีกทีก่อนวันเริ่มทริปประมาณหนึ่งวัน)
15 กุมภาพันธ์
21.00 - เริ่มเดินทางออกจากสายใต้ใหม่ โดยก่อนขึ้นรถ ผมบอกกับทางเจ้าหน้าที่ว่าไปลงที่ “ออฟฟิศสมบัติทัวร์”
มีแวะพักให้ยืดเส้น และ ทำธุระส่วนตัว ที่จุดพักรถประมาณ 1 ชั่วโมง ตอน ตี 1 นะครับ
16 กุมภาพันธ์
06.15 - ถึงจุดหมายปลายทางนั่นก็คือ ออฟฟิศสมบัติทัวร์ ครับ นั่งเล่นอยู่ในออฟฟิศประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่ Grand Andaman ก็มารับที่หน้าออฟฟิศครับ
โดยจะใช้เวลาเดินทางต่อจากออฟฟิศสมบัติทัวร์ไปท่าเรือ Grand Andaman อีกประมาน 20 นาทีครับ
และเราก็เดินทางมาถึงท่าเรือ Grand Andaman
ตรงจุดพักนี้เจ้าหน้าที่จะปล่อยให้ไปทานข้าวเช้าที่จัดไว้ให้ และ เปลี่ยนชุด เพื่อเตรียมตัวไปดำน้ำครับ
ระหว่างนั่งรอ เจ้าหน้าที่ของ Grand Andaman จะมาอธิบายวิธีใช้อุปกรณ์ต่างๆพวก แว่นดำน้ำ เสื้อชูชีพ รวมถึงเส้นทางการเดินทางของทริปนี้ และจะขอบัตรประชาชนของเราเพื่อไปทำเอกสารข้ามแดนให้ครับ กว่าผมจะเริ่มออกเดินทางออกจากท่าเรือก็ประมาน 10.30 ได้ เนื่องจากวันนั้นคนเดินทางข้ามฝั่งค่อนข้างเยอะ
สำหรับคนที่ไม่ได้ขับรถมาเอง สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนัดเวลา ให้เค้ามารอรับตอนขากลับเพื่อไปส่งยังที่พักในตัวเมืองระนองได้ครับ ซึ่งรอบสุดท้ายคือรอบ 20.00น.
เอาหละ หลังจากนั่งพักอยู่นาน ถึงเวลาเดินทางไปขึ้นเรือซักที เจ้าหน้าที่จะเรียกให้ขึ้นรถตอนประมาณ 10.30น. ท่าเรือใกล้กับที่เรากินข้าวมากครับ จริงๆเราสามารถเดินไปท่าเรือเองได้เลย
เมื่อถึงตม. เจ้าหน้าที่ Grand Andaman จะเอาเอกสารผ่านแดนมาให้เรา จากตรงนี้เราแค่นำเอกสารไปยื่นกับทางเจ้าหน้าที่ข้ามแดนเอง เพื่อให้เค้าถ่ายรูปยืนยันตัวตน และ ปั๊มเอกสารผ่านแดน หลังจากนั้นจึงเดินทางต่อไปที่ท่าเรือ เพื่อขึ้น speed boat และเดินทางไปทำเอกสารผ่านแดนต่อที่ชายฝั่งพม่าครับ แต่ตรงนี้เจ้าหน้าที่ Grand Andaman ไปจัดการให้ครับ หลังจากทำเอกสารข้ามแดนที่ฝั่งพม่าเสร็จก็เป็นอันเริ่มทริปดำน้ำละครับ
เกาะแรกที่จะไปคือเกาะฮอร์สชู ซึ่งใช้เวลาเดินทางจาก ตม. พม่า ประมาณ 50 นาที หลับเอาแรงรอได้เลย 5555 ถึงเกาะฮอร์สชูประมาณ เที่ยงได้ครับ เค้าจะปล่อยให้เรา ดำน้ำแถวหน้าหาดแล้วให้ว่ายกลับขึ้นเกาะฮอร์สชูนะครับ ที่นี่ก็ยังไม่ค่อยมีอะไรให้ดูมาก แต่ผมรู้สึกว่า ค่อนข้างเห็นปลาหลากหลายสายพันธ์มากกว่าทะเลที่บ้านเรานะ แหวกว่ายกันเต็มท้องทะเลเลย แถมไม่ค่อยกลัวคนด้วย แต่ทะเลที่นี่หอยเม่นเยอะมากก
หลังจากขึ้นฝั่งมา ทางพี่ๆเจ้าหน้าที่จะเตรียมอาหารกลางวันไว้ให้เราทานครับ เป็นข้าวกล่องจำนวนสองกล่องด้วยกัน กินกันพุงป่องเลย เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีส้มตำที่ทางพี่ๆเจ้าหน้าที่ตำกันให้กินแบบสดๆร้อนๆอีกด้วย
บรรยากาศที่เกาะฮอร์สชูจ้าาา
หลังจากที่พักกินข้าว เดินเล่นบนเกาะฮอร์สชูประมาณชั่วโมงนึง เราก็ออกเดินทางไปยัง เกาะหัวใจมรกต ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง การจะเข้าไปเกาะหัวใจมรกตนั้นจำเป็นต้องมาช่วงที่น้ำทะเลลงนะครับ เพราะว่าเราต้องว่ายผ่านอุโมงค์เพื่อเข้าไปยังเกาะหัวใจมรกต เมื่อเรือแล่นมาถึงหน้าอุโมงค์เค้าก็จะปล่อยให้เราว่ายเข้าไปครับ
สำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่แข็งก็ไม่ต้องกลัวนะครับ เพราะจะมีเชือกคอยให้เราจับตลอดทางเลย และก็จะมีพี่ๆเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตามจุดเป็นระยะๆครับ
สำหรับไฮไลท์ของเกาะนี้ คือ ปะการัง กัลปังหาที่ขึ้นอยู่ตรงทางเข้าอุโมงค์ ซึ่งปกติปะการังชนิดนี้เจ้าหน้าที่บอกว่าจะไม่ได้เห็นกันง่ายนะครับ
หน้าตามันก็จะประมาณนี้
ก็จะดูน่ากลัวหน่อยๆ ฮ่าๆ แต่นี่แหละครับไฮไลท์ของเกาะหัวใจมรกต ส่วนตรงกลางของเกาะหัวใจมรกต ไม่ค่อยมีอะไร เป็นดงหอยเม่นซะส่วนใหญ่ และมันอยู่กันค่อนข้างตื้นครับ ตอนว่ายเข้าไปนี่เคลื่อนตัวลำบากมากๆเลย เพราะกลัวลอยตัวไปโดนเข็มมัน
ว่ายดูกัลปังหาสมใจอยากแล้วก็กลับมาขึ้นเรือเพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะต่อไป นั่นก็คือ เกาะตาฟุก ครับ ตอนขึ้นเรือเห็นแสงใต้น้ำสวยดีเลยถ่ายเก็บไว้ซะหน่อย
โดยระหว่างเดินทางพี่ๆเจ้าหน้าที่เค้าก็จะมีบริการน้ำดื่มให้เรากินฟรี หยิบกินได้ตามสะดวกเล้ย จากเกาะหัวใจมรกตเดินทางไปเกาะตาฟุกกช้เวลาอีกแค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้นเอง ตัวยังไม่ทันแห้งเลย ฮ่าๆๆ
ไฮไลท์ของเกาะนี้คือหาดทราบครับ ขาวละเอียด และละมุนมือมากกก
บนเกาะนี้ผมก็เดินเล่นแค่แถวชายหาดครับ ไม่ได้เดินเข้าไปข้างในเลยเก็บมาแต่บรรยากาศตรงแถวนั้น
เอาหละ หลังจากเพลิดเพลินกับหาดทรายบนเกาะตาฟุกประมาณครึงชั่วโมง เราก็ออกเดินทางไปยังเกาะสุดท้าย คือ เกาะย่านเชือกนั่น ผมว่าเป็นที่สุดของทริปนี้ละ ปะการังเยอะและสวยมากกก ว่ายดูเพลินตลอดทางเลย ใช้เวลาเดินทางจากเกาะตาฟุกประมาณ 15 นาทีครับ เมื่อถึงย่านเชือกเจ้าหน้าที่จะปล่อยให้เราลงไปดำน้ำตามแนวปะการัง แว้บแรกที่ลงไปนี่แบบ ว้าววว ปะการังอุดมสมบูรณ์มากกกก ปลา เปลอ ว่ายกันเต็มไปหมดเลย มีปลาให้ดูหลากหลายสายพันธ์มากครับ ดูกันเพลินเลย
เชิญรับชมภาพกันเลย
ดอกไม้ทะเลเยอะม้ากก ปกติดำน้ำที่ทะเลบ้านเราจะเห็นเป็นหย่อมๆ นี่เห็นเป็นกองทัพเลย
ปลานีโม่ก็มีให้เห็นเป็นระยะ ฟินกันเลยทีเดียว
และยังมีปลาอื่นๆอีกมากมายให้ดูเพลิดเพลินตลอดทางเลยครับ
หลังจากดำน้ำดื่มด่ำกับปะการังที่ย่านเชือกเป็นเวลาประมาณ 40 นาที ก็ถึงเวลาต้องจากลาเพราะต้องเดินทางกลับไปยัง ตม.พม่าครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที พี่ๆเค้าจะให้เราลงที่นี่เพื่อไป อาบน้ำ กินข้าวและพักผ่อนตาม อัธยาศัย ที่โรงแรม Grand Andaman ครับ โดยจากจุดนี้ เราก็จะแยกกับทางพี่ๆเจ้าหน้าที่หละครับ ถ้าเราจะกลับฝั่งไทย จะมีเรือมารับทุกต้นชั่วโมงครับจนถึงห้าทุ่ม (สำหรับคนที่เดินทางมาเอง) แต่สำหรับคนที่ต้องการจะให้ทาง ทัวร์เค้าไปส่งยังที่พักในตัวเมืองระนอง ต้องกลับก่อนสองทุ่มนะครับ คอยฟังเสียงกระดิ่งเอาไว้ดีๆ เค้าจะมี เจ้าหน้าที่คอยสั่นกระดิ่งเรียกในโรงแรม เพื่อบอกว่าให้เตรียมตัวขึ้นเรือรอบถัดไปนะครับ
ส่วนตัวผมเองก็ต้องกลับรอบสองทุ่ม เนื่องจากไม่ได้ขับรถมาเองครับ ก็ต้องร่ำลากับฝั่งพม่าแต่เพียงเท่านี้ เดินทางถึง ตม.ฝั่งไทยก็ทำเรื่องเข้าแดนแล้วขึ้นรถที่ ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ เพื่อให้เค้าไปส่งยังโรงแรมในตัวเมืองระนองครับ
สำหรับที่พักที่ผมนอนในระนองคือ The smile boutique ครับ ที่พัโอเคมากเลย ห้องนอนกว้างและสะอาดดีครับ และที่สำคัญที่พักยังอยู่ใกล้ บ่อน้ำร้อน “รักษะวาริน” อีกต่างหาก ห่างจากที่พักเพียงแค่ 500 เมตรเท่านั้นเอง ก็เป็นอันจบสำหรับทริปมาราธอนครับ
17 กุมภาพันธ์
เช้าวันเสาร์ก็เก็บของ และใช้บริการรถตู้ที่คุยไว้กับทางที่พักเพื่อเดินทางไปยังสนามบิน เค้าจะคิดค่าบริการคนละ 200 บาทครับ
สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้
ค่ารถสมบัติทัวร์ 470 บาท/คน
ค่าแพคเกจทัวร์ 3,500 บาท/คน
ค่าที่พัก The Smile Boutique 600 / คืน
ค่ารถตู้ส่งสนามบิน 200 บาท / คน
ค่าเครื่องบินขากลับ 1,000 บาท / คน
สำหรับรีวิวนี้ก็เป็นครั้งแรกของผมนะครับ บกพร่องประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นและคำแนะนำนะครับ จะนำไปปรับปรุงในครั้งถัดไปครับ