มกราคม 2018
ควันหลงแสงเหนือ……เก็บตกเรื่องเล่าจากชาวรัสเชี่ยน………!!! ตอนหก
อากาศที่อยู่นี่ แย่จริงๆค่ะ ฝนตกเปาะแปะน่ารำคาญทั้งวัน ไม่อยากไปไหนเลย……แต่ก็ดี……ได้นั่งอ่านหนังสือมั่งอะไรมั่งไปทั้งวัน
หาอะไรอร่อยๆให้คุณพ่อบ้านแบบเอาอกเอาใจสุดขีด เพราะมีแผนการเดินทางอีกแล้ว แต่ยังไม่กล้าเอ่ยปากในตอนนี้……เพราะมันจะดูไม่น่ารัก เหมือนกับใจจดจ่อจะเที่ยวแต่อย่างเดียว เลยต้องรอให้เธอเพลินๆ
จนถึงถึงวันวาเลนไทน์ก่อน แล้วค่อยเอ่ยเอื้อน อาจจะต้องชักแม่น้ำมากกว่าสิบสาย……
วันนี้มีนัดทานน้ำชากับเพื่อนๆ เลยลองทำเค้กชาเขียว แครอท ไปร่วมด้วย น้ำชารอไปก่อน แชมเปญหมดไปสองขวดแล้วค่อยชง……
กลุ่มเราคือกลุ่มกอล์ฟที่เหนียวแน่นกันมาก เพราะการจัดครั้งนี้เขารอให้ดิฉันกลับมาก่อน เพื่อที่จะได้มาเม้าท์เรื่องการเดินทางและโชว์รูปแสงเหนือให้ดูด้วย นั่งคุยกันตั้งแต่บ่ายโมง จบเลิกรากลับบ้านก็หกโมงกว่าๆนั่นเลย
ดิฉันยังเหลือเรื่องควันหลงอีกนิดๆหน่อยๆ ก็เลยว่าจะมาเล่าให้ฟังให้หมด เป็นเรื่องที่ได้ยินจากคุณวาดิม พี่ชายของคุณยาโรสลาฟ
คุณวาดิมเป็นคนคุยคล่อง เปิดเผย หัวเราะง่าย อันผิดเพี้ยนไปจากชาวรัสเซียที่เห็นทั่วไป คือ ยิ้มน้อยๆเท่าที่จำเป็น คุยเบาๆ ท่าทางเงียบสงบ
ไอ้ที่จะมากรี๊ดกร๊าดเฮฮาตามมุมถนนนั้น ไม่มีค่ะ
และที่ไม่เห็นเลย……คือ กลุ่มผิวสี, มุสลิม และ เกย์ (แบบออกท่าทาง)
ไม่รู้ว่าพวกเขาไปซ่อนตัวกันที่ไหน แต่……ไม่มีเลยจริงๆ
นอกเหนือจากนั้น คุณวาดิมยังออกแนวพั๊งค์หน่อยๆ คือ กางเกงยีนส์มีโซ่ห้อย ผมยาวรวบด้วยหนังสะติ๊ก เป็นชายร่างอ้วนใหญ่……
เราคุยกันได้หลายเรื่องมาก เพราะเขาเคยเป็นครูมาก่อน เรื่องการเรียน
การสอนที่รัสเซียเหมือนกับที่เมืองไทย คือ ครูต้องทำงานเอกสารมากมาย จนแทบไม่มีเวลาให้กับเด็กๆ นี่คือสาเหตุหนึ่งที่เธอเปลี่ยนอาชีพ รวมทั้งขอร้องให้ภรรยา คุณมิลา ลาออกด้วยเช่นกัน
เขาใช้เวลากว่าสองปี ถึงจะกล่อมเธอได้สำเร็จ
สาเหตุที่สำเร็จนั้น ไม่ใช่เพราะลมปากของเขาอย่างเดียว แจ่คุณมิลาได้เล่าให้ดิฉันฟังเองว่า ที่เธอตัดสินใจได้นั้นเพราะเสียใจอย่างที่สุด
เนื่องจากเด็กวัยรุ่นในชั้นเรียนของเธอคนหนึ่ง ได้มาขอเวลากับเธอว่า
อยากจะเล่าอะไรให้ฟัง……เธอก็อนุญาตให้เขามาพบในขณะที่เธอมีงานกองท่วมอยู่ตรงหน้าที่ต้องทำไปด้วย
เด็กชายคนนั้น ก็พูดไปเรื่อยๆ เธอฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะงานเร่ง
จนเด็กคนนั้นพูดจบ……กลับไป มีท่าทีผิดหวังที่เขาเหมือนไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
จนคุณมิลา มาทบทวนในสิ่งที่เขาได้พูดมา……มันคือกลอนที่เด็กแต่งขึ้นด้วยความภูมิใจ และอยากจะกล่าวให้ครูมิลาได้ฟังเป็นคนแรก………
เธอเสียใจมาก……ที่ได้สร้างความผิดหวังให้กับเด็กคนนั้น เพราะ
“ระบบ” ที่ทำให้ครูทุกคนต้องทำงานแข่งกับเวลา
เธอจึงต้องขอลา……กลับมาทำงานให้กับครอบครัวอย่างที่เห็น
นอกจากระบบครูนี้แล้ว ระบบธนาคารก็เป็นที่คุ้นกับอเมริกาเหมือนกับลอกกันออกมา คุณวาดิมเรียกระบบนี้ว่า “แบงค์ยิว”
คือว่า เขาได้กู้เงินซื้อบ้าน แต่ต้องการกู้แค่ 20,000 ดอลล่าร์ (เขาเล่าด้วยการเทียบเป็นหน่วยเงินดอลล่าร์) ในระยะเวลากู้เพียงสิบปี
แบงค์บอกว่า ไม่ได้……จะต้องกู้ 35,000 และต้องสามสิบปี ถึงจะผ่านให้
และที่โหดกว่าอเมริกาคือ ถ้าจะผ่อนเกินกว่าจำนวน โดยหวังว่าจะไปหักกับเงินต้น……ก็ไม่ได้อีก ถ้าต้องการจะตัดเงินต้น จะต้องผ่อนเป็นสองเท่าของจำนวน หมายถึงถ้าผ่อนบ้านเดือนละพันห้า ถ้าต้องการให้ตัดต้น
จะต้องผ่อนเดือนละสามพัน
โหดสัสสส……รัสเซียจริงๆ
คุณวาดิมพูดถึงเรื่องต่างๆในส่วนที่เคยเป็นครูว่า
การเรียนการสอนในเรื่องประวัติศาสตร์นั้น เราไม่ชี้ว่าใครผิดใครถูก
แต่จะให้ดูจากผลงานว่า มีผลดีและผลเสียกับประเทศและประชาชนอย่างไร……
อันนี้ นักเรียนต้องไปค้นคว้า ต้องอ่านหนังสือ เพื่อที่จะได้เข้าไปเป็นส่วนของการทำงานที่เหมือนเป็นการวิจัย
นักเรียนรัสเซียค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ค่อยเกะกะเกเร เพราะโทษนั้นหนักเอาการ และตั้งอกตั้งใจเรียนกันดี เนื่องจากไม่มีสิ่งยั่วยุ
เรื่องกีฬานั้น เอาจริงเอาจังมากเพราะรัฐบาลสนับสนุนในทุกสาย ตั้งแต่สเก็ตน้ำแข็ง ไปจนถึงแข่งเลื่อนหิมะ
พ่อแม่ยังคุมลูกแจ……ไม่มีให้ออกนอกลู่นอกทาง
ไม่เชื่อดูนี่…
https://www.facebook.com/TOKmedia/videos/2040675389511029/
ปัญหาเด็กวัยรุ่นนั้น ย่อมมีแน่นอนไม่ว่าจะเป็นชาติไหน เพราะหลายปีก่อน องค์การยูนิเซฟได้เอาเรื่องของเด็กวัยรุ่นรัสเชี่ยนไปขยายว่า
มีเปอร์เซ็นต์ในการฆ่าตัวตายมากกว่าที่อื่นในโลก……
ซึ่งก็เป็นจริง เพราะประชากรมีมากกว่า……
คุณวาดิมบอกว่า…ถ้าจะฆ่าตัวตายเพราะพ่อแม่ไม่ตามใจ หรือไม่ได้ดั่งใจ
นั่นก็เป็นเรื่องของฮอร์โมน แต่……ไม่มีการลากปืนไปยิงคนบริสุทธิ์ ไปยิงเพื่อน ไปยิงครู……ให้ตายเป็นเพื่อนอย่างที่เป็นข่าวในโลกตะวันตก
ผู้คนในมูร์มันสค์นั้น เขาภูมิใจกับความเป็นนักรบแห่งทะเลอาร์คติกมาก
เพราะในช่วงรอยต่อของสงครามนี้ พวกทหารเรือได้แสดงความกล้าหาญและได้สละชีพไปมากต่อมาก แต่ไม่ค่อยมีคนเขียนถึงหรือหนังสือเล่มไหนกล่าวถึง ดิฉันจะนำมาเล่าในตอนต่อไปที่ได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กองเรือ
กับคุณมิลา
ซึ่งคุณวาดิมเป็นคนช่วยจัดโปรแกรมให้ เพราะไม่ค่อยมีคนรู้ในเรื่องนี้
มูร์มันสค์จึงค่อนข้างเงียบเหงาในอดีต ที่เมื่อสิบปีก่อนมีประชากรเพียงจำนวนหมื่น แต่บัดนี้ได้เป็นที่อยู่อาศัยของคนเกือบสามแสน
แต่ผู้ที่ครอบครองดินแดนนี้แต่เก่าก่อนคือกลุ่มชาวพื้นเมืองที่ชื่อว่า Sami
ซึ่งได้กระจายอยู่ในหลายประเทศ แต่ละกลุ่มมีภาษาแตกต่างกัน
ในส่วนของรัสเซีย ก็คือ แถบ Kola Peninsula หรือ มูร์มันสค์ ที่มีอยู่กว่าสองพันคน
เมื่อก่อน……รัสเซียไม่ได้สนใจคนกลุ่มน้อยกลุ่มนี้นัก แต่ฟินแลนด์กลับให้ความสำคัญ และสนับสนุนในการจัดตั้งสภาซามิ (2010) รวมไปถึงเข้าร่วมในการผดุงวัฒนธรรมและประเพณี
เพราะ ชาวซามิกับเรนเดียร์ คือ สิ่งที่คู่กัน
รัสเซียเลยต้องหันมาสนใจและให้ความสำคัญกับชนเผ่าซามิกลุ่มนี้……เพื่อไม่ให้น้อยหน้าฟินแลนด์
ซึ่งก็เป็นความคิดที่ถูกต้อง เพราะธุรกิจการท่องเที่ยวกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นักท่องเที่ยว จากจีน จากอินเดีย กลุ่มละติน และจากไทย……ที่เป็นท็อปชาร์ท
ตอนนี้กำลังได้รับความสนใจจากกลุ่มยุโรปตะวันตกมากเช่นกัน
คนที่ทำให้ชื่อของมูร์มันสค์เป็นที่รู้จักกับโลกภายนอก……คนแรกคือ ท่านผู้นำ ฟีเดล คาสโตร (Fidel Castro) ที่ได้มาเยือนในปี 1963 ด้วยความตั้งใจที่จะมาคารวะผู้กล้าแห่งอาร์คติก, ชมเรือตัดน้ำแข็ง Lenin, เยี่ยมชมอุตสาหกรรมจับปลา และ เยี่ยมเยียนพบปะกับประชาชนอย่างใกล้ชิด
ทุกวันนี้……ผู้คนเก่าๆยังชื่นชมและพูดถึงท่านผู้นำด้วยความศรัทธา
ปฏิทินแม่บ้านปัจฉิมวัย....ในฝรั่งเศส!! ตอนยี่สิบแปด
ควันหลงแสงเหนือ……เก็บตกเรื่องเล่าจากชาวรัสเชี่ยน………!!! ตอนหก
อากาศที่อยู่นี่ แย่จริงๆค่ะ ฝนตกเปาะแปะน่ารำคาญทั้งวัน ไม่อยากไปไหนเลย……แต่ก็ดี……ได้นั่งอ่านหนังสือมั่งอะไรมั่งไปทั้งวัน
หาอะไรอร่อยๆให้คุณพ่อบ้านแบบเอาอกเอาใจสุดขีด เพราะมีแผนการเดินทางอีกแล้ว แต่ยังไม่กล้าเอ่ยปากในตอนนี้……เพราะมันจะดูไม่น่ารัก เหมือนกับใจจดจ่อจะเที่ยวแต่อย่างเดียว เลยต้องรอให้เธอเพลินๆ
จนถึงถึงวันวาเลนไทน์ก่อน แล้วค่อยเอ่ยเอื้อน อาจจะต้องชักแม่น้ำมากกว่าสิบสาย……
วันนี้มีนัดทานน้ำชากับเพื่อนๆ เลยลองทำเค้กชาเขียว แครอท ไปร่วมด้วย น้ำชารอไปก่อน แชมเปญหมดไปสองขวดแล้วค่อยชง……
กลุ่มเราคือกลุ่มกอล์ฟที่เหนียวแน่นกันมาก เพราะการจัดครั้งนี้เขารอให้ดิฉันกลับมาก่อน เพื่อที่จะได้มาเม้าท์เรื่องการเดินทางและโชว์รูปแสงเหนือให้ดูด้วย นั่งคุยกันตั้งแต่บ่ายโมง จบเลิกรากลับบ้านก็หกโมงกว่าๆนั่นเลย
ดิฉันยังเหลือเรื่องควันหลงอีกนิดๆหน่อยๆ ก็เลยว่าจะมาเล่าให้ฟังให้หมด เป็นเรื่องที่ได้ยินจากคุณวาดิม พี่ชายของคุณยาโรสลาฟ
คุณวาดิมเป็นคนคุยคล่อง เปิดเผย หัวเราะง่าย อันผิดเพี้ยนไปจากชาวรัสเซียที่เห็นทั่วไป คือ ยิ้มน้อยๆเท่าที่จำเป็น คุยเบาๆ ท่าทางเงียบสงบ
ไอ้ที่จะมากรี๊ดกร๊าดเฮฮาตามมุมถนนนั้น ไม่มีค่ะ
และที่ไม่เห็นเลย……คือ กลุ่มผิวสี, มุสลิม และ เกย์ (แบบออกท่าทาง)
ไม่รู้ว่าพวกเขาไปซ่อนตัวกันที่ไหน แต่……ไม่มีเลยจริงๆ
นอกเหนือจากนั้น คุณวาดิมยังออกแนวพั๊งค์หน่อยๆ คือ กางเกงยีนส์มีโซ่ห้อย ผมยาวรวบด้วยหนังสะติ๊ก เป็นชายร่างอ้วนใหญ่……
เราคุยกันได้หลายเรื่องมาก เพราะเขาเคยเป็นครูมาก่อน เรื่องการเรียน
การสอนที่รัสเซียเหมือนกับที่เมืองไทย คือ ครูต้องทำงานเอกสารมากมาย จนแทบไม่มีเวลาให้กับเด็กๆ นี่คือสาเหตุหนึ่งที่เธอเปลี่ยนอาชีพ รวมทั้งขอร้องให้ภรรยา คุณมิลา ลาออกด้วยเช่นกัน
เขาใช้เวลากว่าสองปี ถึงจะกล่อมเธอได้สำเร็จ
สาเหตุที่สำเร็จนั้น ไม่ใช่เพราะลมปากของเขาอย่างเดียว แจ่คุณมิลาได้เล่าให้ดิฉันฟังเองว่า ที่เธอตัดสินใจได้นั้นเพราะเสียใจอย่างที่สุด
เนื่องจากเด็กวัยรุ่นในชั้นเรียนของเธอคนหนึ่ง ได้มาขอเวลากับเธอว่า
อยากจะเล่าอะไรให้ฟัง……เธอก็อนุญาตให้เขามาพบในขณะที่เธอมีงานกองท่วมอยู่ตรงหน้าที่ต้องทำไปด้วย
เด็กชายคนนั้น ก็พูดไปเรื่อยๆ เธอฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะงานเร่ง
จนเด็กคนนั้นพูดจบ……กลับไป มีท่าทีผิดหวังที่เขาเหมือนไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
จนคุณมิลา มาทบทวนในสิ่งที่เขาได้พูดมา……มันคือกลอนที่เด็กแต่งขึ้นด้วยความภูมิใจ และอยากจะกล่าวให้ครูมิลาได้ฟังเป็นคนแรก………
เธอเสียใจมาก……ที่ได้สร้างความผิดหวังให้กับเด็กคนนั้น เพราะ
“ระบบ” ที่ทำให้ครูทุกคนต้องทำงานแข่งกับเวลา
เธอจึงต้องขอลา……กลับมาทำงานให้กับครอบครัวอย่างที่เห็น
นอกจากระบบครูนี้แล้ว ระบบธนาคารก็เป็นที่คุ้นกับอเมริกาเหมือนกับลอกกันออกมา คุณวาดิมเรียกระบบนี้ว่า “แบงค์ยิว”
คือว่า เขาได้กู้เงินซื้อบ้าน แต่ต้องการกู้แค่ 20,000 ดอลล่าร์ (เขาเล่าด้วยการเทียบเป็นหน่วยเงินดอลล่าร์) ในระยะเวลากู้เพียงสิบปี
แบงค์บอกว่า ไม่ได้……จะต้องกู้ 35,000 และต้องสามสิบปี ถึงจะผ่านให้
และที่โหดกว่าอเมริกาคือ ถ้าจะผ่อนเกินกว่าจำนวน โดยหวังว่าจะไปหักกับเงินต้น……ก็ไม่ได้อีก ถ้าต้องการจะตัดเงินต้น จะต้องผ่อนเป็นสองเท่าของจำนวน หมายถึงถ้าผ่อนบ้านเดือนละพันห้า ถ้าต้องการให้ตัดต้น
จะต้องผ่อนเดือนละสามพัน
โหดสัสสส……รัสเซียจริงๆ
คุณวาดิมพูดถึงเรื่องต่างๆในส่วนที่เคยเป็นครูว่า
การเรียนการสอนในเรื่องประวัติศาสตร์นั้น เราไม่ชี้ว่าใครผิดใครถูก
แต่จะให้ดูจากผลงานว่า มีผลดีและผลเสียกับประเทศและประชาชนอย่างไร……
อันนี้ นักเรียนต้องไปค้นคว้า ต้องอ่านหนังสือ เพื่อที่จะได้เข้าไปเป็นส่วนของการทำงานที่เหมือนเป็นการวิจัย
นักเรียนรัสเซียค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ค่อยเกะกะเกเร เพราะโทษนั้นหนักเอาการ และตั้งอกตั้งใจเรียนกันดี เนื่องจากไม่มีสิ่งยั่วยุ
เรื่องกีฬานั้น เอาจริงเอาจังมากเพราะรัฐบาลสนับสนุนในทุกสาย ตั้งแต่สเก็ตน้ำแข็ง ไปจนถึงแข่งเลื่อนหิมะ
พ่อแม่ยังคุมลูกแจ……ไม่มีให้ออกนอกลู่นอกทาง
ไม่เชื่อดูนี่…
https://www.facebook.com/TOKmedia/videos/2040675389511029/
ปัญหาเด็กวัยรุ่นนั้น ย่อมมีแน่นอนไม่ว่าจะเป็นชาติไหน เพราะหลายปีก่อน องค์การยูนิเซฟได้เอาเรื่องของเด็กวัยรุ่นรัสเชี่ยนไปขยายว่า
มีเปอร์เซ็นต์ในการฆ่าตัวตายมากกว่าที่อื่นในโลก……
ซึ่งก็เป็นจริง เพราะประชากรมีมากกว่า……
คุณวาดิมบอกว่า…ถ้าจะฆ่าตัวตายเพราะพ่อแม่ไม่ตามใจ หรือไม่ได้ดั่งใจ
นั่นก็เป็นเรื่องของฮอร์โมน แต่……ไม่มีการลากปืนไปยิงคนบริสุทธิ์ ไปยิงเพื่อน ไปยิงครู……ให้ตายเป็นเพื่อนอย่างที่เป็นข่าวในโลกตะวันตก
ผู้คนในมูร์มันสค์นั้น เขาภูมิใจกับความเป็นนักรบแห่งทะเลอาร์คติกมาก
เพราะในช่วงรอยต่อของสงครามนี้ พวกทหารเรือได้แสดงความกล้าหาญและได้สละชีพไปมากต่อมาก แต่ไม่ค่อยมีคนเขียนถึงหรือหนังสือเล่มไหนกล่าวถึง ดิฉันจะนำมาเล่าในตอนต่อไปที่ได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กองเรือ
กับคุณมิลา
ซึ่งคุณวาดิมเป็นคนช่วยจัดโปรแกรมให้ เพราะไม่ค่อยมีคนรู้ในเรื่องนี้
มูร์มันสค์จึงค่อนข้างเงียบเหงาในอดีต ที่เมื่อสิบปีก่อนมีประชากรเพียงจำนวนหมื่น แต่บัดนี้ได้เป็นที่อยู่อาศัยของคนเกือบสามแสน
แต่ผู้ที่ครอบครองดินแดนนี้แต่เก่าก่อนคือกลุ่มชาวพื้นเมืองที่ชื่อว่า Sami
ซึ่งได้กระจายอยู่ในหลายประเทศ แต่ละกลุ่มมีภาษาแตกต่างกัน
ในส่วนของรัสเซีย ก็คือ แถบ Kola Peninsula หรือ มูร์มันสค์ ที่มีอยู่กว่าสองพันคน
เมื่อก่อน……รัสเซียไม่ได้สนใจคนกลุ่มน้อยกลุ่มนี้นัก แต่ฟินแลนด์กลับให้ความสำคัญ และสนับสนุนในการจัดตั้งสภาซามิ (2010) รวมไปถึงเข้าร่วมในการผดุงวัฒนธรรมและประเพณี
เพราะ ชาวซามิกับเรนเดียร์ คือ สิ่งที่คู่กัน
รัสเซียเลยต้องหันมาสนใจและให้ความสำคัญกับชนเผ่าซามิกลุ่มนี้……เพื่อไม่ให้น้อยหน้าฟินแลนด์
ซึ่งก็เป็นความคิดที่ถูกต้อง เพราะธุรกิจการท่องเที่ยวกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นักท่องเที่ยว จากจีน จากอินเดีย กลุ่มละติน และจากไทย……ที่เป็นท็อปชาร์ท
ตอนนี้กำลังได้รับความสนใจจากกลุ่มยุโรปตะวันตกมากเช่นกัน
คนที่ทำให้ชื่อของมูร์มันสค์เป็นที่รู้จักกับโลกภายนอก……คนแรกคือ ท่านผู้นำ ฟีเดล คาสโตร (Fidel Castro) ที่ได้มาเยือนในปี 1963 ด้วยความตั้งใจที่จะมาคารวะผู้กล้าแห่งอาร์คติก, ชมเรือตัดน้ำแข็ง Lenin, เยี่ยมชมอุตสาหกรรมจับปลา และ เยี่ยมเยียนพบปะกับประชาชนอย่างใกล้ชิด
ทุกวันนี้……ผู้คนเก่าๆยังชื่นชมและพูดถึงท่านผู้นำด้วยความศรัทธา