แซวไปก็เยอะแล้ว มาชวนคุยเรื่องฟอร์มนักเตะบ้างดีกว่า ชอบหลายๆคนนะครับ แต่ขออนุญาตตั้งกระทู้ชื่นชมน้อง "แม็คโทมิแนร์"

กระทู้สนทนา
จากเกมแดงเดือดเมื่อคืนๆ ทุกๆท่านก็คงทราบผลกันไปแล้วว่าแมนยูเปิดบ้านรับการมาเยือนของคู่ปรับตลอดกาลอย่างทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล แล้วก็จัดการสอนเชิงด้วยแท็คติกฟุตบอลที่แฟนๆของหงส์แดงเอาแต่ยี้และค่อนขอดมาโดยตลอดว่าคงจะเอาแต่อุดๆ ทั้งเกมหรือที่พวกเค้าเรียกว่าแท็คติกรถบัส

รถบัส คำๆ นี้ เหมือนจะเป็นซิกเนอเจอร์ของกุนซือมาดเท่อย่างมูรินโญ่ไปซะแล้ว เพราะจากหลายๆทีมที่มูเคยคุม หลายๆ เกมที่มูรินโญ่เคยส่งลูกทีมไปเล่น มันสะสมภาพลักษณ์ของทีมที่เล่นเกมรับจนทีมคู่แข่งเจาะไม่เข้า 1 ในเกมที่มู ใช้แท็คติกได้โดดเด่นที่สุดในสายตาผม คือ นัดที่คุมอินเตอร์มินลาน เจอกับบาร์ซ่ายุคต่างดาว ที่เป็นเต็ง 1 ในรายการ UCL ปีนั้น เกมรับเกมนั้นมันยังตราตรึงใจผมอยู่ทุกวันนี้ หลายๆคน เล่นตามวินัยที่ได้รับคำสั่งมาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จนสามารถเขี่ยทีมเต็งแชมป์อย่างบาร์ซ่า ให้หลุดพ้นวงโคจรของปีนั้น แล้วสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นแชมป์ ไม่เพียงเท่านั้น ปีนั้นมูรินโญ่ ยังพาอินเตอร์คว้า 3 แชมป์ใหญ่ๆ ในปีนั้นได้อีกด้วย

อาจจะมีคำพูดที่ฟังแล้วดูเท่ เหมือนยุคนึงที่เกมรุกสุดบ้าคลั่งของบาร์ซ่า ครองเมืองว่า " เกมรับที่ดีที่สุด ก็คือการบุก"  ในความหมายของคำนี้ หมายถึง การใช้การบุกมากดอีกทีมให้โงหัวไม่ขึ้น เพียงเท่านี้เมื่ออีกทีมเอาแต่ตั้งรับการบุก ทีมเค้าก็จะไม่มีเวลาได้เซ็ทเกมบุกนั่นเอง

แต่อย่าลืมว่าฟุตบอลมันแข่งกัน 90 นาที + ทดเวลาบาดเจ็บ มันต้องมีช่วงเวลาสักช่วงนึงที่หลายๆ อย่าง อาจจะหลุดการคำนวณมาพร้อมๆ กันและนั่นจะเป็นช่องว่างให้ทีมที่เอาแต่ตั้งรับใช้โอกาสนั้นโต้กลับและทำประตู ซึ่งมูริญโย่ เหมือนจะเกิดเมื่อเพื่อสิ่งนี้

ผลบนสกอร์บอร์ดเมื่อคืน แสดงให้สาวกหงส์แดงได้เห็นว่า อย่าเพิ่งลำพองตน และยกตนว่าเป็นเจ้าพ่อเกมรุก เปิดเกมบุกได้อย่างเฮฟวี่เมทัลแล้วต้องชนะ เมื่อแท็คติกรถบัสของมูริญโย่ จัดการเกมบุกของพวกเค้าได้อย่างอยู่หมัด จากเกมเมื่อคืน หากคุณเป็นแฟนแมนยู คุณคงจะมีหลายๆคนในใจที่อยากจะชื่นชม หรืออาจจะต้องใช้คำว่าชื่นชมทุกคนก็ว่าได้ แต่สำหรับผม กระทู้นี้ขอตั้งมาเพื่อชื่นชม น้องแม็คโทมิแนร์ ก็แล้วกัน

ว่ากันว่าแท็คติกของจ่ามู ในการคุมทีม หากยึดเอาเชลซียุคดร็อกบาเป็นเกณฑ์ ง่ายๆ ทีมของเค้าต้องมี หน้าเป้า 1 คนที่ต้องใหญ่ เอาชนะลูกกลางอากาศได้ ต้องมีกลางรับ ที่คอยสกัด และทำตัวเป็นผึ้งงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเหมือนมู จะเจอคำว่าใช่ ในส่วนของกองหน้าที่ยึดเอาลูกาคู เป็นหน้าเป้าอย่างต่อเนื่อง แต่ในส่วนของกองกลางนั้น หากยุคของดร็อกบา มีมาเกเลเล่ เป็นตัวรับ แล้วนึกเปรียบเทียบว่าแมนยูยุคปัจจุบันควรจะเป็นมาติช ผมเชื่อว่า มูเองก็คิดแบบนั้น แต่หลายๆ นัดที่เราได้เห็น มาติชเล่น  เราจะพบว่ามีข้อเสียข้อนึงที่เห็นเด่นชัดมากๆ ในการเล่นฟุตบอลของมาติช นั่นก็คือ ความมั่นใจในเบสิคฟุตบอลตัวเองมากเกินไป หลายๆ ครั้งที่มักจะดึงบอล เพื่อดึงจังหวะเกม อาจจะฟังดูเหมือนคาริคที่เป็นคนคอยคุมเกมให้แมนยูยุคก่อนหน้านี้ แต่ไม่ใช่ มาติช คุมเกมโดยอาศัยทักษะส่วนตัว จนบางครั้งทำให้บอลโดนฉกไป แต่คาร์ริคคุมเกมด้วยการเล่นบอลง่ายๆ จนแฟนผีบางคนตั้งฉายาว่า อาแปะ

จนมูริญโย่ พบเจอน้องแม็ค การที่เค้ายังเป็นเด็ก รับคำสั่งแล้วปฏิบัติตาม ไม่เน้นหวือหวา ไม่โชว์ของ ทำตามแท็กติคที่วางไว้ได้อย่างดีเยี่ยม จนตอนนี้ยึดตัวจริง แล้วกำลังจะติดทีมชาติสก็อตแลนด์ชุดใหญ่ เป็นเครื่องการันตีอย่างดีว่า เค้าเด่นขึ้นมากแค่ไหน หลายๆจังหวะเมื่อคืน ผมถึงกับเอ่ยปากชมคนเดียวหน้าทีวี ว่าน้องมันเล่นดีจริงๆ ไม่ว่าจังหวะ บังบอลเอาฟาล์ว เข้าสกัด ปะทะลูกกลางอากาศ น้องล้วนแล้วแต่ทำทุกๆ อย่างออกมาได้ดี เล่นดีมาก ยิ่งช็อตที่ อ็อกเหล็กจะเลี้ยง แล้วน้องแม็คเอาบอลไปดื้อๆ จน OX ต้องตัดเกมรับใบเหลือง ช็อตนั้นทำผมฮามาก เกมเมื่อคืนหากเปลี่ยนจากไม่มีน้องแมคแต่มีป็อกบา ในตำแหน่งกองกลาง (อาจจะไม่ใช่แทนตำแหน่งกันโดยตรง) ผมไม่รู้ว่าเกมบุกเราจะยิงได้เท่าไร แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจมากกว่าเมื่อตอนที่แม็คลง แล้วไม่มีป็อกบา คือ วินัยในเกมรับเราอุ่นใจได้มากกว่า บางทีการที่ทีมเรามีทั้งมาติช และแมคโทมิแนร์ลงเล่นพร้อมกัน มันอาจจะช่วยเติมเต็มได้มากกว่าการที่เราโยนเกมรับ ทั้งหมดให้มาติชเล่น และป็อกบาคุมเกมบุก ก็เป็นได้

เอาเป็นว่าขอจบเพียงเท่านี้แล้วกัน ตั้งใจจะเขียนสั้นๆ ตอนแรก ไหงออกมายาวแบบนี้ไม่รู้ 555 ใครอ่านไม่หมดไม่เป็นไรครับ แหะๆ ขอโทษทีครับ แต่หากใครรักชอบน้องแมคจากแมทช์เมื่อคืน หรือ อาจจะชอบคนอื่นๆ ช็อตไหน มาร่วมแลกเปลี่ยนพูดคุยกันหลังเกมครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่