ความหลังที่ยังไม่ลืม ๑๑ มี.ค.๖๑

เมื่อ ๔ ปีที่แล้วผมได้รับเกียรติจากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
มอบรางวัล นราธิป ซึ่งนับเป็นผลตอบแทนจากการเขียนหนังสือมากว่า ๖๐ ปี
อันเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

จึงขอเสนอบทความจากหนังสือพิมพ์ ดังนี้

อมหมึกเคี้ยวกระดาษ : 'นราธิป' เกียรติยศของนักเขียนชั้นครู : nanthaphorn@nationgroup.c



                       ลมหนาวพัดใบไม้ปลิวไหวในเช้าของวันที่ 25 มกราคม 2557 นักเขียน นักแปล กวี และบรรณาธิการผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยตบเท้าเข้ารับรางวัลนราธิป ประจำปี พ.ศ. 2556 ซึ่งสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยได้จัดขึ้นเป็นรางวัลเกียรติคุณ ณ ห้องประชุมใหญ่ หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี เทเวศร์ กรุงเทพฯ



                       ผู้ที่ได้รับรางวัลนราธิปในปีนี้ แม้อายุอานามจะล่วงวัย 80 กันทุกคน แต่ก็มาด้วยหน้าตาที่สดใส ยิ้มแย้มทักทายกัน อบอวลไปด้วยความสุขและความปลื้มปีติยินดี



                       ผู้ได้รับรางวัลนราธิปในปีนี้มี 15 ท่าน คือ1.นายช่วย พูลเพิ่ม เจ้าของผลงาน ผู้ชนะสิบทิศ (ฉบับอ่านเอาเรื่อง), ผู้ชนะสิบทิศฉบับย่อของยาขอบและอักษราภรณ์ 2.นายชาตรี อนุเธียร หนึ่งในนักเขียนนิตยสารคู่สร้างคู่สม มีคอลัมน์ประจำใช้นามปากกาว่า “เฒ่ากระนง” 3.นายเทพ ชุมสาย ณ อยุธยา นามปากกา ตรี อภิรุม, เทพเทวี ผลงานที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย คือ แก้วขนเหล็ก ตุ๊กตาโรงงาน ทายาทอสูร นาคี เป็นต้น 4.นายประพัฒน์ แสงวณิชย์ นักเขียนเรื่องสั้น, ราชบัณฑิตยสถานแต่งตั้งเป็นกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์จิตวิทยา



                       5.นายประเสริฐ วิชิตพงษ์ นักหนังสือพิมพ์อาวุโส 6.นายพร ธิติพัฒนพงษ์ เจ้าของนามปากกา ภราดร ศักดา, ธิตินัดดา, ทัศนา ทัศนมิตร 7.พันเอกไพฑูรย์ นิมิปาล ผู้เรียบเรียงสามก๊ก ฉบับลิ่วล้อ นามปากกา “เล่าเซี่ยงชุน” 8.นายมนัส ปิติสานต์ นักดนตรี และนักแต่งเพลง ผลงานที่เป็นที่รู้จักเช่น พิภพมัจจุราช, สี่ยอดกุมาร, ดาวพระศุกร์ เป็นต้น 9.นางวันดี ณ สงขลา ปรมาจารย์แห่งอาหารไทยต้นตำรับ งานเขียนชื่อดัง คือ “อาหารไทยในวรรณคดี” 10.นางสาวสมบัติ ภูอภิรมย์ เจ้าของนามปากกา “อภิรมณ์”



                       11.ศาสตราจารย์กิตติคุณสุมน อมรวิวัฒน์ ปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย 12.นายสุรพล โทณะวณิก นักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียง ผลงานที่โดดเด่น เช่น เพลงใครหนอ และฟ้ามิอาจกลั้น เป็นต้น 13.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ร้อยเอกเสนีย์ วิลาวรรณ ผู้เรียบเรียงตำราและแบบเรียนภาษาไทย 14.นายอาทร จุลโลบล นักเขียน นักพูด นักกลอน นักเดินทาง และนักถ่ายภาพที่มีชื่อเสียงในวงการหนังสือและนิตยสารท่องเที่ยว และ 15.ศาสตราจารย์ ดร.เอกวิทย์ ณ ถลาง นักวิชาการและนักคิดทางด้านวัฒนธรรม



                       พิธีการเริ่มด้วย 2 พิธีกร บูรพา อารัมภีร และกนกวลี พจนปกรณ์ กล่าวต้อนรับผู้ที่ได้รับรางวัล ต่อด้วยนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย เจน สงสมพันธุ์ กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลนราธิป รับชมการฉายวีดิทัศน์ พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ บุคคลสำคัญผู้เป็นที่มาของชื่อรางวัล “นราธิป” จากนั้นเป็นการประกาศเกียรติคุณและมอบโล่รางวัลนราธิปจากนั้นนายกสมาคมนักเขียนฯ มอบพวงมาลัยกราบแทบตักของผู้ที่ได้รับรางวัล



                       ลองฟังผู้อาวุโสเขจ้าของรางวัล พูดคุยเกี่ยวกับผลงาน แรงบันดาลใจ และความรู้สึกเกี่ยวกับการทำงานจนถึงปัจจุบัน



                       ศ.ดร.เอกวิทย์ ณ ถลาง กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “รู้สึกเป็นเกียรติ และดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมมีความเคารพนับถือและประทับใจใน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ เป็นอย่างยิ่งครับ แต่ผมมีข้อท้วงติงนิดนึงครับ ทำไมปล่อยให้อายุ 80 ถึงได้รับ เพราะคนเก่งๆ ดีๆ หลายคนที่เป็นเลิศมาก ท่านไปซะก่อน 80 ก็มีหลายคนนะครับ ขอให้ปรับเกณฑ์ลงมาหน่อยสัก 70-75 ก็เต็มทีครับ” พูดจบเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือดังทั่วห้องประชุม



                       ชาตรี อนุเธียร กล่าวเห็นด้วยกับ ศ.ดร.เอกวิทย์ ด้วยอารมณ์ปนขำว่า “บอกตรง ๆ ว่าผมลุ้นอยู่ตั้งนานคิดว่าจะถึงหรือเปล่านะ แม้แต่วันสุดท้ายนี้ก็ยังลุ้นอยู่เพราะอากาศมันหนาวๆ แล้วผมไปสัมภาษณ์พวกอาชีพต่างๆ สัมภาษณ์คนขายโลงศพ ถามเขาว่ามีขายดีเป็นฤดูไหม เขาบอกว่าฤดูหนาวขายดี ถามว่าทำไม เขาบอกคนแก่มันตายเยอะ ผมก็เลยลุ้นแทบตายว่าจะมาไม่ถึงขอบคุณที่มอบรางวัลดีๆ แบบนี้ให้” สร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้ผู้ที่มาร่วมงานเป็นอย่างมาก



                       สุรพล โทณะวณิก กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงแม้ว่าผมไม่ได้เรียนในกรุงเทพฯ แต่ผมก็เก่งได้เพราะมีครูที่ดีสอนอย่าหลงทะนงตนว่าตัวเองเขียนดีแล้ว เราควรรับฟังการสอนจากคนอื่นด้วย” ด้าน ศ.กิตติคุณสุมน อมรวิวัฒน์ กล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “เกียรติยศอันนี้ เท่ากับว่าท่านรับดิฉันเข้าไปเป็นนักเขียนแล้ว ไชโย ดีใจมาก...” ส่วน พร ธิติพัฒนพงษ์ กล่าวว่า “ดีใจที่มีวันนี้ ต่อไปคงจะพัฒนาผลงานขึ้นมากกว่านี้ ขอบคุณรางวัลที่สร้างกำลังใจ”



                       ตามด้วย วันดี ณ สงขลา เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ภาคภูมิใจกับรางวัลนี้เป็นอย่างมาก ดีใจที่ผลงานสามารถเข้ากับสมาคมนักเขียนฯได้”ทางด้าน พ.อ.ไพฑูรย์ นิมิปาล พูดเพียงสั้นๆ ว่า “ตั้งแต่เขียนหนังสือมาไม่คิดว่าจะได้รับรางวัลอะไรเลย มาได้คราวเมื่อจะหมดแรงเขียนอยู่แล้วครับ ขอขอบคุณที่กรุณามอบรางวัลมาเป็นกำลังใจครับ เกียรติที่ได้รับนี้มีค่าสูงยิ่ง ผมจึงขออุทิศให้คุณครูชั้นมัธยมของผมที่ได้สั่งสอนมา ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลหรอกครับท่านเป็นบิดาของคุณอาทรนี่เอง ครูสุด จุลโลบลครับ”  



                       ปิดท้ายด้วย ผศ.ร.อ.เสนีย์ วิลาวรรณ แม้จะนั่งวีลแชร์มาแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการรับรางวัล “ดีใจที่ได้แต่งตำราการเขียนต่างๆ เอาไว้ โดยการนำแนวคิดมาจากต่างประเทศ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้รับความนิยมในเมืองไทย ขอบคุณรางวัลอันทรงเกียรตินี้”



                       ขอทิ้งท้ายด้วยบทกวีของนักเขียนรางวัลนราธิป ปี 2552 อุปถัมภ์ จันทรสกุนต์ ที่มอบแด่นักเขียนรางวัลนราธิปในปีนี้...





ดุจดวงดาวสกาวแสงแห่งฟากฟ้า



ประกายกล้าคมสรรวรรณศิลป์



ระเรียงถ้อยร้อยฟากฝากแผ่นดิน



งานทั้งสิ้นอุดมคุณหนุนพลัง



งานวันนี้จัดให้ได้ตั้งจิต



นิรมิตรเป็นความสุขทุกวันหวัง



“นราธิป” ประกาศเกียรติแจ่มจีรัง



ให้โด่งดังเหมือนนกหวีดกรีดใจเอย





                       นับเป็นภาพความประทับใจที่จะถูกเก็บไว้ในความทรงจำของใครหลายๆ คน ตราบนานเท่านาน









----------------------------

อมหมึกเคี้ยวกระดาษ : 'นราธิป' เกียรติยศของนักเขียนชั้นครู : nanthaphorn@nationgroup.com
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่