คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เริ่มต้นหมักปุ๋ยน้ำเองก่อนปลูกครับ(เหตุเพราะความชื้นในดินและสภาพค่าต่างๆ ในดินมีความแตกต่างกัน เพื่อให้พืชใช้ประโยชน์ได้ไว จึงต้องทำเป็นรูปแบบน้ำหรือสารละลาย)
แยกทำ 2แบบคือ
1.จากมูลสัตว์ ตัวแทนปุ๋ยต่างๆในธาตุหลักและธาตุรอง เลือกใช้ตามความเหมาะสม ว่าค่าไนโตรเจนสูงขนาดไหน
2.จากพืช ตัวแทนปุ๋ยต่างๆ ในธาตุรองและธาตุเสริม พืชใช้น้อยก็จริง แต่ก็ต้องการอย่างสม่ำเสมอ
ทั้ง 2แบบ คุณจะหมักรวมกันในรูปแบบปุ๋ยหมักไม่พลิกกองตามสูตรของ ม.แม่โจ้ ก็ได้ แต่ผมแนะนำทำแยก(คิดคนละแบบในการทำครับ)
- รูปแบบปุ๋ยน้ำที่ได้จากมูลสัตว์สามารถนำมูลสัตว์มาหมักในน้ำสดๆ หรือแห้งๆได้เลย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหมักเป็นปุ๋ยหมักก่อน สูตรดูตามน้ำหมักมูลสุกรเอานะครับ ปรับเปลียนการหมักให้นานขึ้น และใช้จุลินทรีย์ช่วยย่อยให้โมเลกุลเล็กลง พืชจะได้ดูดซึมใช้ได้ไวขึ้น(หมักในน้ำนาน 30วัน)
- รูปแบบปุ๋ยน้ำที่ได้จากพืช
สามารถนำเศษหญ้า ใบไม้ กิ่งไม้เล็กๆ เศษพืชเหลือทิ้งต่างๆหาง่ายในท้องถิ่น ได้ทั้งรูปแบบสดหรือแห้ง มาทำเป็นปุ๋ยหมักก่อน เพื่อให้ย่อยสลายกลายเป็นดินสีดำ ก่อนนำไปทำปุ๋ยน้ำหมักก็ต้องตากแดดฆ่าเชื้อต่างๆ ในกองปุ๋ยให้แห้งสนิท จึงนำไปทำน้ำปุ๋ยหมักต่อได้(ใช้อัตราส่วนตามสูตรปุ๋ยน้ำหมักสุกร)...เศษพืชต่างๆ สามารถใช้สารพด. มาช่วยย่อยเพื่อเร่งกระบวนการย่อยสลายได้ดีขึ้น
...กรณีทำน้ำหมักโดยทั่วไป แนะนำให้นำไปต้มฆ่าเชื้อปุ๋ยทุกครั้งก่อนนำมาใช้ สาเหตุเชื้อที่เรามองไม่เห็นอาจแขวงเชื้อร้ายปนมาด้วย ส่งผลให้พืชและสัตว์หรือคนป่วยได้
(ปล.ถ้าใช้จุลิยนทรีย์สังเคราะห์แสงผสมลงไปในอัตราส่วน มูลสัตว์หรือปุ๋ยหมัก 1ส่วนต่อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีแดง 1ส่วน แล้วตากแดด จะช่วยย่อยและลดการติดเชื้อต่างๆลงได้)
หลังจากที่ได้น้ำปุ๋ยทั้ง 2ชนิดกันไปแล้ว เริ่มทำการวัดค่าในดิน 2รูปแบบคือ
- ค่า pH
- ค่า EC
2ค่านี้เป็นตัวชี้วัดว่าควรปลูกพืชชนิดแบบไหน แล้วค่อยปรับค่าต่างๆในดิน
ปล. การใก้ปุ๋ยน้ำควรจัดอัตราส่วนผสมทุกครั้งและวัดค่า EC ก่อนให้ปุ๋ยแก่พืช
คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับปุ๋ยน้ำที่จะให้ในพืชครับ.
ส่วนเชื้อกำจัดแมลง, หนอน และเชื้อราให้ศึกษาเพิ่มเติมเอาเองนะครับ ในรูปแบบขยายเชื้อขยายสด ซื้อครั้งเดียวขยายได้เองตลอดชีพดีที่สุดครับ.
แยกทำ 2แบบคือ
1.จากมูลสัตว์ ตัวแทนปุ๋ยต่างๆในธาตุหลักและธาตุรอง เลือกใช้ตามความเหมาะสม ว่าค่าไนโตรเจนสูงขนาดไหน
2.จากพืช ตัวแทนปุ๋ยต่างๆ ในธาตุรองและธาตุเสริม พืชใช้น้อยก็จริง แต่ก็ต้องการอย่างสม่ำเสมอ
ทั้ง 2แบบ คุณจะหมักรวมกันในรูปแบบปุ๋ยหมักไม่พลิกกองตามสูตรของ ม.แม่โจ้ ก็ได้ แต่ผมแนะนำทำแยก(คิดคนละแบบในการทำครับ)
- รูปแบบปุ๋ยน้ำที่ได้จากมูลสัตว์สามารถนำมูลสัตว์มาหมักในน้ำสดๆ หรือแห้งๆได้เลย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหมักเป็นปุ๋ยหมักก่อน สูตรดูตามน้ำหมักมูลสุกรเอานะครับ ปรับเปลียนการหมักให้นานขึ้น และใช้จุลินทรีย์ช่วยย่อยให้โมเลกุลเล็กลง พืชจะได้ดูดซึมใช้ได้ไวขึ้น(หมักในน้ำนาน 30วัน)
- รูปแบบปุ๋ยน้ำที่ได้จากพืช
สามารถนำเศษหญ้า ใบไม้ กิ่งไม้เล็กๆ เศษพืชเหลือทิ้งต่างๆหาง่ายในท้องถิ่น ได้ทั้งรูปแบบสดหรือแห้ง มาทำเป็นปุ๋ยหมักก่อน เพื่อให้ย่อยสลายกลายเป็นดินสีดำ ก่อนนำไปทำปุ๋ยน้ำหมักก็ต้องตากแดดฆ่าเชื้อต่างๆ ในกองปุ๋ยให้แห้งสนิท จึงนำไปทำน้ำปุ๋ยหมักต่อได้(ใช้อัตราส่วนตามสูตรปุ๋ยน้ำหมักสุกร)...เศษพืชต่างๆ สามารถใช้สารพด. มาช่วยย่อยเพื่อเร่งกระบวนการย่อยสลายได้ดีขึ้น
...กรณีทำน้ำหมักโดยทั่วไป แนะนำให้นำไปต้มฆ่าเชื้อปุ๋ยทุกครั้งก่อนนำมาใช้ สาเหตุเชื้อที่เรามองไม่เห็นอาจแขวงเชื้อร้ายปนมาด้วย ส่งผลให้พืชและสัตว์หรือคนป่วยได้
(ปล.ถ้าใช้จุลิยนทรีย์สังเคราะห์แสงผสมลงไปในอัตราส่วน มูลสัตว์หรือปุ๋ยหมัก 1ส่วนต่อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีแดง 1ส่วน แล้วตากแดด จะช่วยย่อยและลดการติดเชื้อต่างๆลงได้)
หลังจากที่ได้น้ำปุ๋ยทั้ง 2ชนิดกันไปแล้ว เริ่มทำการวัดค่าในดิน 2รูปแบบคือ
- ค่า pH
- ค่า EC
2ค่านี้เป็นตัวชี้วัดว่าควรปลูกพืชชนิดแบบไหน แล้วค่อยปรับค่าต่างๆในดิน
ปล. การใก้ปุ๋ยน้ำควรจัดอัตราส่วนผสมทุกครั้งและวัดค่า EC ก่อนให้ปุ๋ยแก่พืช
คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับปุ๋ยน้ำที่จะให้ในพืชครับ.
ส่วนเชื้อกำจัดแมลง, หนอน และเชื้อราให้ศึกษาเพิ่มเติมเอาเองนะครับ ในรูปแบบขยายเชื้อขยายสด ซื้อครั้งเดียวขยายได้เองตลอดชีพดีที่สุดครับ.
แสดงความคิดเห็น
ขอช่วยแชร์ประสบการณ์
พืชที่จะปลูกคือ มะระ และ บวบ ครับ
ขอบคุณครับ