หนังชิงภาพยนตร์ออสการ์ เรื่องสุดท้ายที่เข้าฉายบ้านเรา ดูจบแล้วยอมรับว่า หนังดราม่า ดีๆ ดูไม่น่าเบื่อเรื่องนี้ เป็นหนังน่าสนใจทีเดียว จะพยายามไม่สปอยล์ละกันครับ

เรื่องราวของคุณแม่ Mildred Hayes ผู้สูญเสียลูกสาว จากคดี ฆ่า ซึ่งผ่านไปหลายปียังไม่สามารถจับคนร้ายได้ ตรงนี้หลายท่านคงทราบพล็อตของหนังดีอยู่แล้ว ฟรานเชส แม็คดอร์แมน รับบทคุณแม่ที่ขับรถไปเจอป้ายเก่าๆ บนทางที่ไม่ค่อยคนผ่านมากนัก แต่เธอมีความแค้นในใจและยังคาใจที่สูญเสียลูกสาว คือรักมาก ก็แค้นมาก ความคับข้องจึงพาเธอคิดถึง วิธีการใช้ ป้ายโฆษณาทั้งสาม ทำบางสิ่งบางอย่าง ที่เธอคิดว่าควรทำ และเธอก็ทำมันจริงๆ

ป้ายทั้งสามมีข้อความส่งผลถึง ตำรวจผู้รับผิดชอบคดีนี้ ซึ่งคนในเมือง Ebbing รักและรู้ว่าเป็นตำรวจน้ำดีที่หายาก Bill Willoughby ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ รับบทโดย วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน ดารารุ่นเก๋าอีกคนนึง ที่ผมชอบดูเขามากในหนังเรื่อง King Pin

หนังเรื่องนี้มีรายละเอียดอยู่มากมาย แต่ถ้าดูกันแบบผ่านๆ ก็เรียกว่า หนังพอดูได้ มีเรื่องราว วนเวียนกับ ตัว ฟรานเชส คุณแม่ กับ ตำรวจ วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน เป็นประเด็นกันอยู่ ครึ่งเรื่องก่อนเข้าสู่ จุดเปลี่ยน ซึ่งถ้าว่าดูกันแบบ ละเอียด เอาเนื้อหาแล้วครึ่งหลังของเรื่อง จะชี้นำคนดูให้เห็นถึง ผลของการกระทำ Consequence ในแบบที่ควรได้ข้อคิดดีๆกลับบ้านกันเลยทีเดียว



อย่างที่บอกรายละเอียดเยอะ ขอย่อตรงที่อยากจะชมบทหนังก็แล้วกันครับ ส่วนการแสดง บอกตรงนี้เลยว่า ละเอียดทุกเม็ด เล่นดีทุกคน

อย่างนึงที่ดูหนังเรื่องนี้แล้ว คนทุกคนที่มีคนที่เรารัก ควรระลึกไว้เลยว่า ถ้าคนจะออกจากบ้าน อย่าพูดอะไรไม่ดีไล่หลังเขาไป ซึ่งในหนังแสดงให้เห็นว่า สิ่งไม่ดีทั้งหลาย เกิดจากหลักการคิด และ สิ่งที่ควรทำก็คือ คิดดี พูดดี อะไรไม่ดี อย่าไปทำ ( แต่จะทำได้อย่างไร ? )

หนังดำเนินเรื่อง ของคุณแม่ที่ไปสร้างป้ายที่เป็นต้นเรื่อง Mildred  Hayes และทำให้เกิดเรื่องราวมากมาย อย่างที่ตัวคุณแม่ ฟรานเชส เองก็ไม่คาดคิดว่าอะไรจะตามมาได้ขนาดนี้ ซึ่งมีหลายเรื่องถึงแม้ปากเธอจะบอกว่าไม่สนใจ แต่มันก็ทำให้เธอเสียใจไม่น้อย จนถึงเสียใจหนักมาก รวมถึงความรู้สึกผิดที่ไม่อาจไปเถียงใครได้ ที่เกิดขึ้นกับ ตำรวจที่ดีอย่าง ฮาร์เรลสัน


ตัวละครที่น่าสนใจอีกคนคือ แซม ร็อคเวล รับบท Dixon ตำรวจที่ครึ่งเรื่องแรกดูจะเป็นคู่กัดกับ คุณแม่คนทำป้าย และก่อเรื่องหลายอย่าง แต่พลิกบทในครึ่งหลังของเรื่องได้อย่างได้ใจคนดู ซึ่งตรงนี้ผมคล้อยตามในประเด็นที่ว่า คนเราสามารถเปลี่ยนได้ ถ้ายังมีความดีในตัว ซึ่งต้องมีคนมองออก และชี้นำไปในทางที่ถูกต้อง ( คุณเคยได้รับคำแนะนำ หรือ เห็นอะไรในตัวคนที่สมควรเปลี่ยนแปลงบ้างไหม ? )

หนังเรื่องนี้ชัดเจนในเรื่องของ การใช้ความแค้น ตอบโต้มันจะยิ่งเหมือนราดน้ำมันลงบนกองเพลิง แหมว่าจะไม่สปอยล์ แต่มันมีฉากนึงคงต้องขอสปอยล์ละครับ คือ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ มีฉากที่ ฟรานเชส พยายามดับไฟที่ป้ายซึ่งโดนคนแอบมาเผา ( ไปดูจะรู้ว่าใครทำ คนนั้นก็ทั้งเมาทั้งแค้นเช่นกัน ) นางเอกเราพยายามจะดับ แต่มันดับไม่ได้ทัน และเธอก็ทำสิ่งที่ตอบโต้แบบ fire with fire คือ บุกไปทำในสิ่งเดียวกันคือ เผาโรงพัก Ebbing ซึ่ง ภาพเปลวเพลิงนั้นมันเหมือนตัวแทนของ โทสะ ที่มีแต่จะลุกลามไม่สิ้นสุด แถม ในโรงพักเอง มีคนที่หวังดีกับเธออยู่ในนั้นต้องรับชะตากรรมถูกไฟคลอก คือ ยิ่งแก้แค้น ยิ่งเลวร้ายว่างั้น

ฉากที่ แซม ร็อคเวล เข้าโรงพยาบาล แล้วไปเจอคนป่วยที่เขา อัด จนมานอนโรงพยาบาล นั่นก็เป็นอีกจุดที่ย้ำชัดเจนถึงหนังว่า อารมณ์โกรธนั้น จะทำให้คนอื่นที่ไม่น่าทำต้องบาดเจ็บ แล้วตัวเองก็มานั่งเสียใจภายหลัง เมื่อเห็นน้ำใจที่แท้จริงของคนที่ถูกกระทำ

และสุดท้ายหลังผ่านเหตุการณ์กันมาหลายอย่าง ทั้ง Mildred และ Dixon ซึ่งยังมีพื้นฐานความคิดเดิมๆอยู่ เริ่มบอกกับคนดูแล้วว่า เขาสองคนอาจต้องเปลี่ยนแปลง หรือ ได้เปลี่ยนแปลงความคิดที่กำลังจะทำกันไปแล้วก็ได้ เพราะทั้งคู่ได้รับรู้ ได้ประสบการณ์ที่ชัดเจนแล้วว่า การใช้ความรุนแรงตอบโต้นั้นมันจะมีอะไรตามมา หรือเขาสองคนจะได้อะไรกลับมาบ้าง

คนเรามีทั้งส่วนดี และไม่ดีในตัว มันขึ้นอยู่กับว่าเรามีอารมณ์ส่วนไหนครอบคลุมจิตใจเรามากกว่า หรือเราควบคุมจิตใจของเราเองได้กันแน่ว่าจะใช้ด้านไหน

ก็เป็นหนังที่สื่อประเด็นค่อนข้างชัดเจน แต่ถ้าจะดูเพื่อความบันเทิง อาจจะหนักไปสักนิด และคิดว่าเป็นหนังที่เหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่าครับ