ห่างจากเหตุการณ์ดราม่าเมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว (ย้อนไปอ่านกระทู้เก่าได้นะคะ ) เมื่อคืนดิฉันได้รับข้อความจากพี่สาวอดีตสามีว่า ต...รู้ยัง อ...มันเลิกกันกับเมียละนะ
เราอ่านแล้วนิ่ง ไม่ยินดียินร้าย ถึงแม้จะแอบสะใจนิดๆก็ตามเถอะ คิดในใจอยู่ว่า ตรูว่าแล้ว ไม่ช้าก็เร็ว รักแบบฉาบฉวยความสวยภายนอก จะอยู่กันได้ยืดหรือ ไหนว่ารักกันหนักหนา .......คิดแล้วก็ปลง แต่ที่ปลงรู้มั้ยคะว่าคืออะไร มันมีโรดแมปมาล่วงหน้าสัก 1 อาทิตย์ก่อน เมื่อดิฉันทวงเงินค่าเลี้ยงดูปกติ (ที่ทำไมต้องทวง เพราะนางเริ่มโอนไม่ตรงเวลา แถมยังไม่ครบตามที่ตกลงกัน ซึ่งดิฉันยอมไม่ได้ จาก 8 พัน เหลือ 6 พัน 7 พันบ้าง ) เมื่อวันที่ 2 ก.พ.บอกให้แม่เขาโทรแจ้งอดีตสามีว่าโอนเงินด้วย สักแป้บมีข้อความเงินเข้า 7 พัน เราสงสัยว่าทำไมโอนแค่นี้ โทรจี้ให้แม่สามีถามให้ มันบอกแม่สามีว่า ถ้ามัน (เรา) อยากรู้ให้โทรหาเอง ตอนนี้เรายิ่งโมโห คิดอยู่ในใจตลอดว่า มันตั้งแง่กะเราแน่นอน เราบล็อกทุกอย่างแล้วนะคะ ก็เลยจำใจปลดบล็อกโทรหา พร้อมเปิดลำโพงต่อหน้าพ่อแม่อดีตสามีให้ได้ยินทุกคน สายแรกมันไม่รับ สายสองรับ เราก็ถามดีๆว่า ทำไมโอนเงินให้ลูกแค่นี้ มันตอบกลับมาว่า ทำไมกูต้องบอก (555555) โอ้โห เรานี่ของขึ้นเลย นี่เหรอคนเคยขอโทษตรูกะลูก หยามกันอีกแล้ว ตามด้วยคำด่าเรา อี อี

เงินของกู กูจะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของกู ทีกับลูกมา-ข้าวบ้านกู เคยจ่ายเงินให้พ่อแม่กูมั้ย เราก็สวนเลยว่า อย่ามาเปลี่ยนประเด็น นี่มันเงินของลูก ก่อน ม..จะหักเอาไปทำอะไร ม..ต้องบอก ก..ก่อน ไม่ใช่อยากจะให้เท่าไหร่ก็ให้โดนที่ไม่แจ้ง จะเอาเปรียบ ก..กับลูกไปถึงไหน ทีค่าเทอมลูก ก..จ่ายคนเดียว 40,000 ทำไม ม ...ไม่คิดที่จะช่วย ปลายสายตอบกลับมาว่า แล้วกูได้อะไร !!!! พระเจ้า ดิฉันอึ้ง กับคำตอบมัน และวางสายไป ด่ามันไปดิฉันคงจะบาปหนา พ่อกับแม่ฟังแล้วเงียบ ทำอะไรไม่ได้ จนปัญญา
.................คืนนั้นดิฉันเครียด เครียดมาก คิดต่อยอดเลยว่า ต่อไปถ้ามันทำแบบนี้อีกเรื่อยๆ จะแก้ไขอย่างไร ดิฉันไม่ได้เห็นแก่เงินเกินไปหรอกนะคะ แต่ดิฉันเห็นแก่หัวใจของลูกและสิทธิ์ที่ลูกควรได้รับ ถ้าเขาเดือดร้อน หรือมีปัญหาเรื่องเงินจริงๆ แค่บอกกันหน่อย ดิฉันก็จะผ่อนผันหรือลดรายเดือนลงให้ได้ เหมือนที่เคยทำมา เมื่อครั้งที่เขาเคยบอก แต่ 3 เดือนมานี้ไม่บอก หักไปดื้อๆ ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ดิฉันก็บอกให้ครอบครัวเขาตามเงินให้ และถ้าไม่ได้จริงๆ ดิฉันจะโทรฟ้องเมียเค้า นั่นคือความคิดสุดท้าย ซึ่งอาจจะคิดสั้นไปหน่อย 555 แต่ก็มีปรึกษาตำรวจ ท่านก็แนะนำว่า เขาอาจจะมีปัญหาเรื่องเงินจริง ชักหน้าไม่ถึงหลัง เป็นธรรมดาของคนมีหลายบ้าน พอถูกบีบ เขาก็จะเครียดแบบนี้ ถ้าฟ้องเค้า ศาลก็จะไกล่เกลี่ย สุดท้ายตัวเราอาจจะได้เม็ดเงินน้อยกว่าเดิม เมื่ออีกฝ่ายแจ้งถึงภาระหนี้สินที่มี
...................เราก็ทำใจแล้วล่ะค่ะ อีกอย่างก็กลัวมันบ้าฆ่าตัวตายขึ้นมาอีกรอบ ไม่แน่อาจจะตามมาฆ่าดิฉันกับลูกเพื่อให้ปัญหามันจบๆก็ได้ ดิฉันเลยนิ่งไม่ต่อความยาวสาวความยืด
....................แต่พอเมื่อคืนที่ทราบข่าวว่าเขาเลิกกับเมียมาร่วมเดือน ความรู้สึกก็ยัง งงๆ และคิดย้อนกลับไปเรื่อย มันก็น่าจะจริง พร้อมกับไปดูไทม์ไลน์ของผู้หญิงที่พี่สาวเขาส่งให้ ความเป็นไปได้ก็น่าจะ 80 เปอร์เซ็นต์ที่เลิกกันจริง ดูดราม่า ตรอมใจไม่น้อย เห็นว่าเลิกกันเพราะเรื่องเงินนี่ล่ะ ( จำได้มั้ยคะที่ดิฉันเคยบอกนางไปว่า เธออย่าจนนะ ไม่งั้นเขาทิ้งเธอแน่นอน) เห็นว่าผู้ชายขอเลิกเองนะคะ บ่นว่าทำงานก็ไม่ได้ใช้เงิน ต้องรับภาระจ่ายทุกอย่างในบ้านเองทั้งหมด ตอนนี้ก็ประกาศขายบ้านแล้ว นอนอยู่บ้านหลังใหญ่คนเดียว คิดถึงลูกก็บอกพี่สาวขอรูปลูกจากดิฉันให้ดู
.....................ควรจะดีใจหรือเสียใจกับมันดี และควรเรียกร้องสิทธิ์ค่าเลี้ยงดูอย่างไร เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้
เมื่ออดีตสามีเลิกกับเมียน้อย....ฉันควรจะดีใจหรือเสียใจดี
เราอ่านแล้วนิ่ง ไม่ยินดียินร้าย ถึงแม้จะแอบสะใจนิดๆก็ตามเถอะ คิดในใจอยู่ว่า ตรูว่าแล้ว ไม่ช้าก็เร็ว รักแบบฉาบฉวยความสวยภายนอก จะอยู่กันได้ยืดหรือ ไหนว่ารักกันหนักหนา .......คิดแล้วก็ปลง แต่ที่ปลงรู้มั้ยคะว่าคืออะไร มันมีโรดแมปมาล่วงหน้าสัก 1 อาทิตย์ก่อน เมื่อดิฉันทวงเงินค่าเลี้ยงดูปกติ (ที่ทำไมต้องทวง เพราะนางเริ่มโอนไม่ตรงเวลา แถมยังไม่ครบตามที่ตกลงกัน ซึ่งดิฉันยอมไม่ได้ จาก 8 พัน เหลือ 6 พัน 7 พันบ้าง ) เมื่อวันที่ 2 ก.พ.บอกให้แม่เขาโทรแจ้งอดีตสามีว่าโอนเงินด้วย สักแป้บมีข้อความเงินเข้า 7 พัน เราสงสัยว่าทำไมโอนแค่นี้ โทรจี้ให้แม่สามีถามให้ มันบอกแม่สามีว่า ถ้ามัน (เรา) อยากรู้ให้โทรหาเอง ตอนนี้เรายิ่งโมโห คิดอยู่ในใจตลอดว่า มันตั้งแง่กะเราแน่นอน เราบล็อกทุกอย่างแล้วนะคะ ก็เลยจำใจปลดบล็อกโทรหา พร้อมเปิดลำโพงต่อหน้าพ่อแม่อดีตสามีให้ได้ยินทุกคน สายแรกมันไม่รับ สายสองรับ เราก็ถามดีๆว่า ทำไมโอนเงินให้ลูกแค่นี้ มันตอบกลับมาว่า ทำไมกูต้องบอก (555555) โอ้โห เรานี่ของขึ้นเลย นี่เหรอคนเคยขอโทษตรูกะลูก หยามกันอีกแล้ว ตามด้วยคำด่าเรา อี อี
.................คืนนั้นดิฉันเครียด เครียดมาก คิดต่อยอดเลยว่า ต่อไปถ้ามันทำแบบนี้อีกเรื่อยๆ จะแก้ไขอย่างไร ดิฉันไม่ได้เห็นแก่เงินเกินไปหรอกนะคะ แต่ดิฉันเห็นแก่หัวใจของลูกและสิทธิ์ที่ลูกควรได้รับ ถ้าเขาเดือดร้อน หรือมีปัญหาเรื่องเงินจริงๆ แค่บอกกันหน่อย ดิฉันก็จะผ่อนผันหรือลดรายเดือนลงให้ได้ เหมือนที่เคยทำมา เมื่อครั้งที่เขาเคยบอก แต่ 3 เดือนมานี้ไม่บอก หักไปดื้อๆ ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ดิฉันก็บอกให้ครอบครัวเขาตามเงินให้ และถ้าไม่ได้จริงๆ ดิฉันจะโทรฟ้องเมียเค้า นั่นคือความคิดสุดท้าย ซึ่งอาจจะคิดสั้นไปหน่อย 555 แต่ก็มีปรึกษาตำรวจ ท่านก็แนะนำว่า เขาอาจจะมีปัญหาเรื่องเงินจริง ชักหน้าไม่ถึงหลัง เป็นธรรมดาของคนมีหลายบ้าน พอถูกบีบ เขาก็จะเครียดแบบนี้ ถ้าฟ้องเค้า ศาลก็จะไกล่เกลี่ย สุดท้ายตัวเราอาจจะได้เม็ดเงินน้อยกว่าเดิม เมื่ออีกฝ่ายแจ้งถึงภาระหนี้สินที่มี
...................เราก็ทำใจแล้วล่ะค่ะ อีกอย่างก็กลัวมันบ้าฆ่าตัวตายขึ้นมาอีกรอบ ไม่แน่อาจจะตามมาฆ่าดิฉันกับลูกเพื่อให้ปัญหามันจบๆก็ได้ ดิฉันเลยนิ่งไม่ต่อความยาวสาวความยืด
....................แต่พอเมื่อคืนที่ทราบข่าวว่าเขาเลิกกับเมียมาร่วมเดือน ความรู้สึกก็ยัง งงๆ และคิดย้อนกลับไปเรื่อย มันก็น่าจะจริง พร้อมกับไปดูไทม์ไลน์ของผู้หญิงที่พี่สาวเขาส่งให้ ความเป็นไปได้ก็น่าจะ 80 เปอร์เซ็นต์ที่เลิกกันจริง ดูดราม่า ตรอมใจไม่น้อย เห็นว่าเลิกกันเพราะเรื่องเงินนี่ล่ะ ( จำได้มั้ยคะที่ดิฉันเคยบอกนางไปว่า เธออย่าจนนะ ไม่งั้นเขาทิ้งเธอแน่นอน) เห็นว่าผู้ชายขอเลิกเองนะคะ บ่นว่าทำงานก็ไม่ได้ใช้เงิน ต้องรับภาระจ่ายทุกอย่างในบ้านเองทั้งหมด ตอนนี้ก็ประกาศขายบ้านแล้ว นอนอยู่บ้านหลังใหญ่คนเดียว คิดถึงลูกก็บอกพี่สาวขอรูปลูกจากดิฉันให้ดู
.....................ควรจะดีใจหรือเสียใจกับมันดี และควรเรียกร้องสิทธิ์ค่าเลี้ยงดูอย่างไร เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้