เกริ่น 1
จขกท นั้นชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับสามก๊ก จขกท ได้อ่านสามก๊กในหลายๆฉบับ
ด้านการศึกษา จขกท ได้มีโอกาสศึกษาด้านธุรกิจในระดับปริญญาโท และชอบศึกษาในด้านการตลาด เป็นพิเศษ
นอกจากนี้ จขกท อยู่ในครอบครัวที่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่ง จขกท ได้คลุกคลีอยู่กับการทำธุรกิจตั้งแต่ยังไม่สำเร็จการศึกษา จนเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว จขกท ได้มีโอกาสได้ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทที่มีผู้บริหารเป็นชาวเกาหลี จากประสบการณ์การทำงานทำให้ จขกท มีความเข้าใจในสิ่งที่ จขกท ได้อ่านได้ศึกษามามากยิ่งขึ้น จขกท จึงอย่าจะแบ่งปันความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องปรัชญาของฝั่งตะวันออกว่ามีความลึกซึ้งและมีประโยชน์ในการทำธุรกิจไม่แพ้นักคิดทางตะวันตกแต่อย่างใด
เกริ่น 2
เมื่อเวลาเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยน วิถีชีวิตเปลี่ยน รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยน คุณธรรมค่านิยมความถูกต้องเปลี่ยน รูปแบบในการแข่งขันเปลี่ยน แต่มนุษย์เรานั้นไม่เคยเปลี่ยน มนุษย์เรายังมีความฝัน มีความทะเยอทะยาน มีเป้าหมาย มีความอยากที่จะประสบความสำเร็จ มีความอยากที่จะเป็นผู้ชนะ อยู่ไม่เคยเปลี่ยน ดังนั้น นัยยะในสามก๊กจึงยังมีคุณค่า นัยยะในปรัชญาจีนในเรื่องของการแข่งขัน ในเรื่องของความสำเร็จ นั้นจึงยังมีคุณค่า หนังสือสามก๊กจึงเป็น 1 ใน 4 วรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน เพราะเป็นเรื่องราว Road Map เส้นทางสู่ความสำเร็จ ของบุคคลธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา อย่างเล่าปี่ ได้สร้างเนื้อสร้างตัวจากจุดต่ำสุด จากชายขายรองเท้า ไปสู่จุดสูงสุด เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ระดับ 1 ใน 3 ก๊ก ที่ผู้คนมากมายให้การยกย่อง
ในกระทู้นี่ จขกท จะของเล่า ถึงเส้นทางความสำเร็จของเล่าปี่ พระเอกตัวจริง ในสามก๊ก ที่ผู้คนไม่ค่อยให้การยกย่องเท่าที่ควร
เคล็ดลับความสำเร็จแบบผู้นำสามก๊ก (เล่าปี่)
“ก่อร่างสร้างตัว จากชายขายรองเท้า สู่ราชาแห่งจ๊กก๊ก”
หากคุณไม่ได้เกิดมามั่งมีพร้อมทุกอย่างแบบฮ่องเต้เลนเต้ เหี้ยนเต้ หรือเกิดในตระกูลใหญ่แบบอ้วนเสี้ยว อ้วนสุด หรือเกิดมาเป็นเชื้อพระวงศ์ได้สืบทอดองค์กรใหญ่แบบ เล่าเปียว เล่าเจี้ยง หรือเป็นลูกหลานข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อย่างโจโฉ หรือเป็นลูกหลานของนักปราชญ์ที่ได้รับการยอมรับนับถือจากผู้คนทั้งภูมิภาคอย่างสกุลซุน แต่เป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีอะไรเลย ต้องเริ่มต้นทุกอย่างใหม่จากศูนย์ บุคคลในสามก๊กที่คุณควรถือเป็นแบบอย่าง เป็นแนวทางสู่ความสำเร็จก็คือเล่าปี่ เล่าปี่นั้นแม้จะแซ่เล่าเป็นเชื้อพระวงศ์แต่ก็นับว่างหากมาก จนไม่เหลือความเป็นเชื้อพระวงศ์แล้ว แม้เล่าปี่จะพอมีการศึกษา แต่ในยุคที่คอรัปชั่นครองเมืองเล่าปี่ก็ตกอับจนต้องทอรองเท้าขาย แต่ด้วยความที่เห็นวิกฤติเป็นโอกาส เล่าปี่ก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้ ทั้งเล่าปี่ยังเป็นเถ้าแก่ตัวอย่างเป็นยอดนักสู้ เพราะตลอดชีวิตของเล่าปี่กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น เล่าปี่ประสบความสำเร็จสลับกับล้มเหลวมาตลอดทั้งชีวิต ผู้เขียนจึงขอเขียนถึงปัจจัยและแนวทางที่ทำให้เล่าปี่คนธรรมดาผู้มีฐานะยากจน สามารถประสบความสำเร็จอยากสูงในชีวิตได้
1 มองวิกฤติเป็นโอกาส
ในขณะที่องค์กรฮั่นตกต่ำถึงขีดสุด ประชาชนเดือดร้อน เกิดกบฏโจรผ้าเหลือง ทุกคนมองว่าองค์กรฮั่นเข้าสู่ภาวะวิกฤติ บ้านเมืองกำลังวิกฤติ แต่เล่าปี่มองวิกฤตินั้นเป็นโอกาสในการสร้างเนื้อสร้างตัว ระดมทุนจัดตั้งองค์กรขึ้นมารับงานจากองค์ฮั่นในการปราบโจรผ้าเหลือง สร้างชื่อเสียงและความดีความชอบ จนได้เป็นเจ้าเมืองแม้จะเป็นเจ้าเมืองเล็กๆ
2 ไม่หลงยึดติดไปกับความสำเร็จชั่วคราว
เล่าปี่นั้นเมื่อได้ตำแหน่งได้เป็นเจ้าเมือง แต่เมื่อพบองค์กรฮั่นที่ตนได้ตำแหน่งมานั้น มีการดำเนินงานที่ล้มเหลว ผิดกับหลักการและแนวทางของตน เล่าปี่ก็สามารถตัดใจจากตำแหน่งที่ตนลำบากต่อสู้จนได้มา เพื่อไปมองหาลู่ทางใหม่ที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของตนในทันที
3 ไม่ทิ้งอุดมการณ์และความฝัน (ความผันที่ดีสร้างสรรค์และมีประโยชน์)
เล่าปี่นั้นเริ่มต้นจากศูนย์ สร้างตัวขึ้นมาด้วยอุดมการณ์และความฝันของตน ว่าจะเชิดชูพิทักษ์ราชวงศ์ฮั่น ทำนุบำรุงประชาชนให้มีความสุข ยึดมั่นถือมั่นในหลักการคุณธรรมและความดีงามแม้จะล้มเหลวซักกี่ครั้งต้องลำบากซักกี่หนเล่าปี่ก็ไม่เคยทอดทิ้งความฝันและอุดมการณ์ของตนเอง แม้นจะมีข้อเสนอที่ดีเข้ามาให้เล่าปี่แต่ถ้าขัดกับหลักการคุณธรรมเล่าปี่ก็จะปฏิเสธ เล่าปี่เลือกเส้นทางที่ยากกว่าแต่ถูกต้อง เล่าปี่จึงประสบความสำเร็จในระยะยาว เพราะเล่าปี่ Branding ตัวเองอยู่เสมอ ในเรื่องความมีคุณธรรม กระทำการเพื่อประชาชนผู้บริโภค ประชนชนจึงรักใคร่เล่าปี่ให้การสนับสนุนเล่าปีเป็นอย่างมาก
4 สรรหา รักษา หุ้นส่วนและทีมงานที่ดีไว้เสมอ
เล่าปี่
เล่าปี่มีความสามารถพิเศษในการดูคน สามารถวิเคราะห์แยกแย่คนดีไม่ดีได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งการที่เล่าปี่แสดงตนว่าต้องการรักษาคุณธรรม เพื่อรักษาราชวงศ์ฮั่น ช่วยเหลือประชาชน เป็นเหตุทำให้มีผู้ที่มีอุดมการณ์เดียวกับเล่าปี่เข้าร่วมกับเล่าปี่ โดยเฉพาะผู้ร่วมก่อตั้งองค์กรกับเล่าปี่อย่างกวนอูกับเตียวหุย ที่มีความสามารถมีฝีมือโดดเด่น ทั้งยังได้จูล่งมาอีกในภายหลัง ทำให้องค์กรของเล่าปี่เป็นองค์กรเล็กๆที่อุดมไปด้วยบุคลากรที่มีความสามารถ ทั้งยังมีอุดมการณ์ร่วมกับเล่าปี่ แม้องค์กรจะเล็กแต่ก็สามารถสู้ไปกับเล่าปี่จนกลายเป็นองค์กรใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ
หลักการในการเลือกคนและรักษาคนของเล่าปี่
1) เป็นคนดีมีความสามารถที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน เช่น กวนอู เตียวหุย จูล่ง ทำให้แม้นลำบากก็ไม่ทอดทิ้งกันแม้นได้ดีก็ไม่ลืมกัน
2) ถ้าเป็นคนดีมีความสามารถที่มีอุดมการณ์ร่วมกันแล้ว แม้นจะเคยอยู่คนละฝ่ายมาก่อนเล่าปี่ก็ให้การต้อนรับอย่างดีไม่สนเรื่องในอดีต เช่น อุยเอี๋ยน ฮองตง เงียมหงัน เล่าปี่ให้เหตุผลว่าถ้าเราปฏิเสธคนที่เคยอยู่คนละฝ่ายด้วยเหตุผลเพราะเค้าเคยทำงานให้อีกฝ่ายแล้ว ต่อไปจะมีใครมาร่วมงานกับเรา ขอเพียงมีความสามารถและมีใจจะทำงานให้เล่าปี่แล้วเล่าปี่ก็จะไม่ปฏิเสธ ด้วยนโยบายนี้ทำให้เล่าปี่ได้คนดีมีความสามารถมาร่วมงานด้วยอีกมากมาย ทำให้องค์กรของเล่าปี่สามารถขยายตัวเป็นองค์ใหญ่ได้ในที่สุด
3) ให้ความสำคัญกับทีมงานมากกว่าคนในครอบครัว เล่าปี่ถือคติว่า “ลูกเมียดังเสื้อผ้า พี่น้องดุจแขนขา” ความคิดของเล่าปี่คือ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ เมียก็ยังหาใหม่ได้ ลูกก็ยังมีใหม่ได้ แต่ลูกน้องทีมงานคนสำคัญนั้น หากเสียไปก็หาเอาใหม่ไม่ได้อีก
5 หาขงเบ้งของคุณให้เจอ ขงเบ้งในที่นี่ไม่ได้หมายถึงตัวบุคคลเช่นขงเบ้ง แต่หมายถึง การกำหนดเป้าหมาย วิสัยทัศน์ และพันธกิจ (goal vision mission) ในกระท่อมของขงเบ้ง เมื่อคุณมีความฝัน(dream) มีความต้องการที่จะประสบความสำเร็จแต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานขนาดไหนคุณก็ไปไม่ถึงฝันซักที นั่นเป็นเพราะคุณยังหลงทางอยู่ คุณยังไม่พบเส้นทางที่จะทำให้ฝันนั้นเป็นจริง การพบขงเบ้งของเล่าปี่นั้นคือการทำให้ฝันเป็นจริงขึ้นมา เปลี่ยนจากฝัน (dream) ให้เป็น เป้าหมาย (goal) ด้วยการกำหนดวิสัยทัศน์ (vision) คือการมองฝันอย่างเป็นไปได้ และกำหนดวิธีและขั้นตอน ที่จะทำให้เป้าหมายนั้นเป็นจริงขึ้นมา นั่นคือ พันธกิจ (mission)
ตัวอย่างจากเล่าปี่
เล่าปี่มีอุดมการณ์และความฝัน(dream)คือฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น จากการแตกเป็นก๊กเหล่าของขุนพลในแผ่นดินต่างไม่เชื่อฟังองค์ฮ่องเต้บ้านเมืองระส่ำระส่าย เกิดสงครามชิงดินแดน ฮ่องเต้ตกอยู่ในกำมือโจโฉ ทำให้เล่าปี่ตั้งตัวเป็นศัตรูแก่โจโฉ ไปเข้าร่วมกับอ้วนเสี้ยวก็แพ้ จนมาเข้าร่วมกับเล่าเปียว เล่าปี่มองไม่เห็นทางที่จะทำให้ฝันเป็นจริง จนมาพบกับขงเบ้ง
ขงเบ้งจึงชี้ให้เล่าปี่เห็นถึง goal vision mission ดังนี้
Goal
ฟื้นฝูราชวงฮั่น จะสำเร็จ ได้ด้วยการชนะองค์กรของโจโฉช่วยเหลือองค์ฮ่องเต้มาได้
Vision
แบ่งแผ่นดินออกเป็น 3 ก๊ก ด้วย vision นี้ เป้าหมายของเล่าปี่จึงจะมีโอกาสเป็นจริง เล่าปี่ จะมีพลังพอที่จะชนะโจโฉได้ ก็ด้วยการขึ้นเป็นใหญ่ระดับหนึ่งในสามองค์กรใหญ่ของแผ่นดินจีนเที่ยบเทียมกับองค์กรของโจโฮ
Mission
ขั้นตอนแนวทางเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย
1 ครองเกงจิ๋ว
2 ผูกมิตรซุนกวน
3 ครองเสฉวน
4 แบ่งแผ่นดินเป็น 3 ก๊ก
5 รอจังหวะบุกวุยก๊กของโจโฉช่วยเหลือองค์ฮ่องเต้
จากเรื่องในสามก๊กก็จะเห็นได้ว่า แม้นจะทุลักทุเล ผ่านความลำบากมากมาย แต่เล่าปี่กับขงเบ้งก็สามารถ ทำพันธกิจสำเร็จไปได้ตามขั้นตอน จนเหลือเพียงพิชิตวุยก๊กของโจโฉช่วยเหลือองค์ฮ่องเต้ ซึ่งขงเบ้งไม่อาจทำได้สำเร็จ
แต่ถึงแม้นจะไม่สำเร็จเป้าหมายใหญ่สุดท้ายของเล่าปี่ แต่ก็ถือได้ว่าเล่าปี่เป็นผู้นำ เป็นเถ้าแก่ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง สามารถพาตนจากศูนย์ ขึ้นมาเป็นหนึ่งในสามองค์กรใหญ่ของจีน
ดังนั้นถ้าอยากประสบความสำเร็จแบบเล่าปี่ ต้องเริ่มที่หาความฝัน หาอุดมการณ์ของตนเองให้เจอ ทั้งนี้อุดมการณ์ความฝันนั้นต้องเป็นไปในทางบวก คือทางที่ดี สร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนผู้บริโภค ก็จะได้รับการสนับสนุนเหมือนดังเล่าปี่ จากนั้นก็รักษาความฝันและอุดมการณ์ของตนไว้ให้ถึงที่สุด
และ
อย่าลืมที่จะหาขงเบ้ง (goal vision mission) ของคุณให้เจอ
นัยยะของปรัชญาจีน ที่มีประโยชน์แก่การทำธุรกิจ
ปรัชญาเมิงจื่อ หลักการสำหรับพิชิตตลาด
หลักการสงคราม ชัยชนะจะถึงพร้อมได้ด้วย
“กาละฟ้า ชัย

ประชากรหนุน”
“กาละฟ้าไม่สู้ชัย

ชัย

ไม่สู้ประชากรหนุน”
“Opportunities, Position, Customer need”
หลักของเมิ่งจื่อนั่นเป็นหลักการเพื่อความสำเร็จ การใหญ่จะสำเร็จได้ต้องประกอบด้วย 3 ปัจจัย คือ “กาละฟ้า ชัย

ประชากรหนุน”
กาละฟ้า คือ จังหวะ ที่ฟ้าประทานให้ หรือคือปัจจัยภายนอก ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งก็คือ โอกาส(opportunities) และอุปสรรค์(threats) โดยเมิ่งจื่อจะมองเฉพาะ โอกาส เป็นสำคัญ
ชัย

คือ พื้นที่เราอยู่ จุดที่เราอยู่ ความพร้อมของเรา หรือคือปัจจัยภายในของเราเองว่าตำแหน่งของเรานั่นมีความพร้อมขนาดไหนซึ่งก็คือ ตำแหน่งของเรา หรือ position ซึ่งใน position ของเรานั้นจะต้องวิเคราะห์ถึง จุดแข็ง(strengths)และจุดอ่อน(weaknesses)ของเรา
ประชากรหนุน คือ สิ่งที่ประชาชน ผู้บริโภค หรือลูกค้า มีความต้องการอย่างแท้จริง (custumer needs) เมื่อผู้บริโภคต้องการอย่างแท้จริง พผู้บริโภคก็จะให้การสนับสนุน
เมิ่งจื่อยังบอกอีกว่า
“กาละฟ้าไม่สู้ชัย

ชัย

ไม่สู้ประชากรหนุน”
จึงเป็นการเรียงลำดับความสำคัญในการจะทำสิ่งใดเพื่อประสบความสำเร็จ โดยเรียงลำดับความสำคัญดังนี้
1 custumer needs สิ่งที่ประชาชนผู้บริโภค หรือลูกค้าต้องการ สำคัญที่สุด
2 position ความพร้อมของเรามีความสำคัญรองลงมา ถ้าเราไม่พร้อมก็ไม่อาจจะทำสิ่งใดได้
3 oportunities โอกาสสำคัญเป็นอันดับที่ 3 โอกาสเป็นตัวชักนำให้เราสำเร็จเร็วขึ้น แต่ถึงจะมีโอกาสเราก็ไม่อาจจะสำเร็จได้ ภ้าขาดความพร้อมของตัวเรา และแรงหนุน จากผู้บริโภค
จะเห็นได้ว่าหลักของเมิงจื่อ นั้นเหมือน กับหลักการคิดวิเคราะห์สมัยใหม่อย่าง “SWOT Analysis” ซึ่งเป็นหลักการคิดวิเคราะห์พื้นฐานของนักการตลาดสมัยใหม่ ทั้งยังรวมการมองถึง “custumer needs” ที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเบื้องต้นในการทำการตลาดไว้ด้วย
อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไง คอมเม้นไว้ได้นะครับ บทความยังมีอีกมาก เดี๋ยว จขกท ว่างจะมาโพสต่อ หรือจะไปอ่านต่อก่อนก็ได้ที่
https://mkteastphilosophy.blogspot.com/
หรือ
#naiinpan
https://www.naiin.com/product/detail/229122/
#ookbee
http://www.ookbee.com/Shop/Book/434daa50-f709-4d30-8d27-950ad4c35ec2/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%81-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A-start-up
Writer's Credit : รังสรรค์ ใจอารีย์ (สามก๊ก ฉบับ start up)
นัยยะในสามก๊ก และปรัชญาจีน (สามก๊ก ฉบับ start up)
จขกท นั้นชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับสามก๊ก จขกท ได้อ่านสามก๊กในหลายๆฉบับ
ด้านการศึกษา จขกท ได้มีโอกาสศึกษาด้านธุรกิจในระดับปริญญาโท และชอบศึกษาในด้านการตลาด เป็นพิเศษ
นอกจากนี้ จขกท อยู่ในครอบครัวที่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่ง จขกท ได้คลุกคลีอยู่กับการทำธุรกิจตั้งแต่ยังไม่สำเร็จการศึกษา จนเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว จขกท ได้มีโอกาสได้ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทที่มีผู้บริหารเป็นชาวเกาหลี จากประสบการณ์การทำงานทำให้ จขกท มีความเข้าใจในสิ่งที่ จขกท ได้อ่านได้ศึกษามามากยิ่งขึ้น จขกท จึงอย่าจะแบ่งปันความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องปรัชญาของฝั่งตะวันออกว่ามีความลึกซึ้งและมีประโยชน์ในการทำธุรกิจไม่แพ้นักคิดทางตะวันตกแต่อย่างใด
เกริ่น 2
เมื่อเวลาเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยน วิถีชีวิตเปลี่ยน รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยน คุณธรรมค่านิยมความถูกต้องเปลี่ยน รูปแบบในการแข่งขันเปลี่ยน แต่มนุษย์เรานั้นไม่เคยเปลี่ยน มนุษย์เรายังมีความฝัน มีความทะเยอทะยาน มีเป้าหมาย มีความอยากที่จะประสบความสำเร็จ มีความอยากที่จะเป็นผู้ชนะ อยู่ไม่เคยเปลี่ยน ดังนั้น นัยยะในสามก๊กจึงยังมีคุณค่า นัยยะในปรัชญาจีนในเรื่องของการแข่งขัน ในเรื่องของความสำเร็จ นั้นจึงยังมีคุณค่า หนังสือสามก๊กจึงเป็น 1 ใน 4 วรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน เพราะเป็นเรื่องราว Road Map เส้นทางสู่ความสำเร็จ ของบุคคลธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา อย่างเล่าปี่ ได้สร้างเนื้อสร้างตัวจากจุดต่ำสุด จากชายขายรองเท้า ไปสู่จุดสูงสุด เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ระดับ 1 ใน 3 ก๊ก ที่ผู้คนมากมายให้การยกย่อง
ในกระทู้นี่ จขกท จะของเล่า ถึงเส้นทางความสำเร็จของเล่าปี่ พระเอกตัวจริง ในสามก๊ก ที่ผู้คนไม่ค่อยให้การยกย่องเท่าที่ควร
เคล็ดลับความสำเร็จแบบผู้นำสามก๊ก (เล่าปี่)
“ก่อร่างสร้างตัว จากชายขายรองเท้า สู่ราชาแห่งจ๊กก๊ก”
หากคุณไม่ได้เกิดมามั่งมีพร้อมทุกอย่างแบบฮ่องเต้เลนเต้ เหี้ยนเต้ หรือเกิดในตระกูลใหญ่แบบอ้วนเสี้ยว อ้วนสุด หรือเกิดมาเป็นเชื้อพระวงศ์ได้สืบทอดองค์กรใหญ่แบบ เล่าเปียว เล่าเจี้ยง หรือเป็นลูกหลานข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อย่างโจโฉ หรือเป็นลูกหลานของนักปราชญ์ที่ได้รับการยอมรับนับถือจากผู้คนทั้งภูมิภาคอย่างสกุลซุน แต่เป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีอะไรเลย ต้องเริ่มต้นทุกอย่างใหม่จากศูนย์ บุคคลในสามก๊กที่คุณควรถือเป็นแบบอย่าง เป็นแนวทางสู่ความสำเร็จก็คือเล่าปี่ เล่าปี่นั้นแม้จะแซ่เล่าเป็นเชื้อพระวงศ์แต่ก็นับว่างหากมาก จนไม่เหลือความเป็นเชื้อพระวงศ์แล้ว แม้เล่าปี่จะพอมีการศึกษา แต่ในยุคที่คอรัปชั่นครองเมืองเล่าปี่ก็ตกอับจนต้องทอรองเท้าขาย แต่ด้วยความที่เห็นวิกฤติเป็นโอกาส เล่าปี่ก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้ ทั้งเล่าปี่ยังเป็นเถ้าแก่ตัวอย่างเป็นยอดนักสู้ เพราะตลอดชีวิตของเล่าปี่กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น เล่าปี่ประสบความสำเร็จสลับกับล้มเหลวมาตลอดทั้งชีวิต ผู้เขียนจึงขอเขียนถึงปัจจัยและแนวทางที่ทำให้เล่าปี่คนธรรมดาผู้มีฐานะยากจน สามารถประสบความสำเร็จอยากสูงในชีวิตได้
1 มองวิกฤติเป็นโอกาส
ในขณะที่องค์กรฮั่นตกต่ำถึงขีดสุด ประชาชนเดือดร้อน เกิดกบฏโจรผ้าเหลือง ทุกคนมองว่าองค์กรฮั่นเข้าสู่ภาวะวิกฤติ บ้านเมืองกำลังวิกฤติ แต่เล่าปี่มองวิกฤตินั้นเป็นโอกาสในการสร้างเนื้อสร้างตัว ระดมทุนจัดตั้งองค์กรขึ้นมารับงานจากองค์ฮั่นในการปราบโจรผ้าเหลือง สร้างชื่อเสียงและความดีความชอบ จนได้เป็นเจ้าเมืองแม้จะเป็นเจ้าเมืองเล็กๆ
2 ไม่หลงยึดติดไปกับความสำเร็จชั่วคราว
เล่าปี่นั้นเมื่อได้ตำแหน่งได้เป็นเจ้าเมือง แต่เมื่อพบองค์กรฮั่นที่ตนได้ตำแหน่งมานั้น มีการดำเนินงานที่ล้มเหลว ผิดกับหลักการและแนวทางของตน เล่าปี่ก็สามารถตัดใจจากตำแหน่งที่ตนลำบากต่อสู้จนได้มา เพื่อไปมองหาลู่ทางใหม่ที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของตนในทันที
3 ไม่ทิ้งอุดมการณ์และความฝัน (ความผันที่ดีสร้างสรรค์และมีประโยชน์)
เล่าปี่นั้นเริ่มต้นจากศูนย์ สร้างตัวขึ้นมาด้วยอุดมการณ์และความฝันของตน ว่าจะเชิดชูพิทักษ์ราชวงศ์ฮั่น ทำนุบำรุงประชาชนให้มีความสุข ยึดมั่นถือมั่นในหลักการคุณธรรมและความดีงามแม้จะล้มเหลวซักกี่ครั้งต้องลำบากซักกี่หนเล่าปี่ก็ไม่เคยทอดทิ้งความฝันและอุดมการณ์ของตนเอง แม้นจะมีข้อเสนอที่ดีเข้ามาให้เล่าปี่แต่ถ้าขัดกับหลักการคุณธรรมเล่าปี่ก็จะปฏิเสธ เล่าปี่เลือกเส้นทางที่ยากกว่าแต่ถูกต้อง เล่าปี่จึงประสบความสำเร็จในระยะยาว เพราะเล่าปี่ Branding ตัวเองอยู่เสมอ ในเรื่องความมีคุณธรรม กระทำการเพื่อประชาชนผู้บริโภค ประชนชนจึงรักใคร่เล่าปี่ให้การสนับสนุนเล่าปีเป็นอย่างมาก
4 สรรหา รักษา หุ้นส่วนและทีมงานที่ดีไว้เสมอ
เล่าปี่
เล่าปี่มีความสามารถพิเศษในการดูคน สามารถวิเคราะห์แยกแย่คนดีไม่ดีได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งการที่เล่าปี่แสดงตนว่าต้องการรักษาคุณธรรม เพื่อรักษาราชวงศ์ฮั่น ช่วยเหลือประชาชน เป็นเหตุทำให้มีผู้ที่มีอุดมการณ์เดียวกับเล่าปี่เข้าร่วมกับเล่าปี่ โดยเฉพาะผู้ร่วมก่อตั้งองค์กรกับเล่าปี่อย่างกวนอูกับเตียวหุย ที่มีความสามารถมีฝีมือโดดเด่น ทั้งยังได้จูล่งมาอีกในภายหลัง ทำให้องค์กรของเล่าปี่เป็นองค์กรเล็กๆที่อุดมไปด้วยบุคลากรที่มีความสามารถ ทั้งยังมีอุดมการณ์ร่วมกับเล่าปี่ แม้องค์กรจะเล็กแต่ก็สามารถสู้ไปกับเล่าปี่จนกลายเป็นองค์กรใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ
หลักการในการเลือกคนและรักษาคนของเล่าปี่
1) เป็นคนดีมีความสามารถที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน เช่น กวนอู เตียวหุย จูล่ง ทำให้แม้นลำบากก็ไม่ทอดทิ้งกันแม้นได้ดีก็ไม่ลืมกัน
2) ถ้าเป็นคนดีมีความสามารถที่มีอุดมการณ์ร่วมกันแล้ว แม้นจะเคยอยู่คนละฝ่ายมาก่อนเล่าปี่ก็ให้การต้อนรับอย่างดีไม่สนเรื่องในอดีต เช่น อุยเอี๋ยน ฮองตง เงียมหงัน เล่าปี่ให้เหตุผลว่าถ้าเราปฏิเสธคนที่เคยอยู่คนละฝ่ายด้วยเหตุผลเพราะเค้าเคยทำงานให้อีกฝ่ายแล้ว ต่อไปจะมีใครมาร่วมงานกับเรา ขอเพียงมีความสามารถและมีใจจะทำงานให้เล่าปี่แล้วเล่าปี่ก็จะไม่ปฏิเสธ ด้วยนโยบายนี้ทำให้เล่าปี่ได้คนดีมีความสามารถมาร่วมงานด้วยอีกมากมาย ทำให้องค์กรของเล่าปี่สามารถขยายตัวเป็นองค์ใหญ่ได้ในที่สุด
3) ให้ความสำคัญกับทีมงานมากกว่าคนในครอบครัว เล่าปี่ถือคติว่า “ลูกเมียดังเสื้อผ้า พี่น้องดุจแขนขา” ความคิดของเล่าปี่คือ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ เมียก็ยังหาใหม่ได้ ลูกก็ยังมีใหม่ได้ แต่ลูกน้องทีมงานคนสำคัญนั้น หากเสียไปก็หาเอาใหม่ไม่ได้อีก
5 หาขงเบ้งของคุณให้เจอ ขงเบ้งในที่นี่ไม่ได้หมายถึงตัวบุคคลเช่นขงเบ้ง แต่หมายถึง การกำหนดเป้าหมาย วิสัยทัศน์ และพันธกิจ (goal vision mission) ในกระท่อมของขงเบ้ง เมื่อคุณมีความฝัน(dream) มีความต้องการที่จะประสบความสำเร็จแต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานขนาดไหนคุณก็ไปไม่ถึงฝันซักที นั่นเป็นเพราะคุณยังหลงทางอยู่ คุณยังไม่พบเส้นทางที่จะทำให้ฝันนั้นเป็นจริง การพบขงเบ้งของเล่าปี่นั้นคือการทำให้ฝันเป็นจริงขึ้นมา เปลี่ยนจากฝัน (dream) ให้เป็น เป้าหมาย (goal) ด้วยการกำหนดวิสัยทัศน์ (vision) คือการมองฝันอย่างเป็นไปได้ และกำหนดวิธีและขั้นตอน ที่จะทำให้เป้าหมายนั้นเป็นจริงขึ้นมา นั่นคือ พันธกิจ (mission)
ตัวอย่างจากเล่าปี่
เล่าปี่มีอุดมการณ์และความฝัน(dream)คือฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น จากการแตกเป็นก๊กเหล่าของขุนพลในแผ่นดินต่างไม่เชื่อฟังองค์ฮ่องเต้บ้านเมืองระส่ำระส่าย เกิดสงครามชิงดินแดน ฮ่องเต้ตกอยู่ในกำมือโจโฉ ทำให้เล่าปี่ตั้งตัวเป็นศัตรูแก่โจโฉ ไปเข้าร่วมกับอ้วนเสี้ยวก็แพ้ จนมาเข้าร่วมกับเล่าเปียว เล่าปี่มองไม่เห็นทางที่จะทำให้ฝันเป็นจริง จนมาพบกับขงเบ้ง
ขงเบ้งจึงชี้ให้เล่าปี่เห็นถึง goal vision mission ดังนี้
Goal
ฟื้นฝูราชวงฮั่น จะสำเร็จ ได้ด้วยการชนะองค์กรของโจโฉช่วยเหลือองค์ฮ่องเต้มาได้
Vision
แบ่งแผ่นดินออกเป็น 3 ก๊ก ด้วย vision นี้ เป้าหมายของเล่าปี่จึงจะมีโอกาสเป็นจริง เล่าปี่ จะมีพลังพอที่จะชนะโจโฉได้ ก็ด้วยการขึ้นเป็นใหญ่ระดับหนึ่งในสามองค์กรใหญ่ของแผ่นดินจีนเที่ยบเทียมกับองค์กรของโจโฮ
Mission
ขั้นตอนแนวทางเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย
1 ครองเกงจิ๋ว
2 ผูกมิตรซุนกวน
3 ครองเสฉวน
4 แบ่งแผ่นดินเป็น 3 ก๊ก
5 รอจังหวะบุกวุยก๊กของโจโฉช่วยเหลือองค์ฮ่องเต้
จากเรื่องในสามก๊กก็จะเห็นได้ว่า แม้นจะทุลักทุเล ผ่านความลำบากมากมาย แต่เล่าปี่กับขงเบ้งก็สามารถ ทำพันธกิจสำเร็จไปได้ตามขั้นตอน จนเหลือเพียงพิชิตวุยก๊กของโจโฉช่วยเหลือองค์ฮ่องเต้ ซึ่งขงเบ้งไม่อาจทำได้สำเร็จ
แต่ถึงแม้นจะไม่สำเร็จเป้าหมายใหญ่สุดท้ายของเล่าปี่ แต่ก็ถือได้ว่าเล่าปี่เป็นผู้นำ เป็นเถ้าแก่ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง สามารถพาตนจากศูนย์ ขึ้นมาเป็นหนึ่งในสามองค์กรใหญ่ของจีน
ดังนั้นถ้าอยากประสบความสำเร็จแบบเล่าปี่ ต้องเริ่มที่หาความฝัน หาอุดมการณ์ของตนเองให้เจอ ทั้งนี้อุดมการณ์ความฝันนั้นต้องเป็นไปในทางบวก คือทางที่ดี สร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนผู้บริโภค ก็จะได้รับการสนับสนุนเหมือนดังเล่าปี่ จากนั้นก็รักษาความฝันและอุดมการณ์ของตนไว้ให้ถึงที่สุด
และ
อย่าลืมที่จะหาขงเบ้ง (goal vision mission) ของคุณให้เจอ
นัยยะของปรัชญาจีน ที่มีประโยชน์แก่การทำธุรกิจ
ปรัชญาเมิงจื่อ หลักการสำหรับพิชิตตลาด
หลักการสงคราม ชัยชนะจะถึงพร้อมได้ด้วย
“กาละฟ้า ชัย
“กาละฟ้าไม่สู้ชัย
“Opportunities, Position, Customer need”
หลักของเมิ่งจื่อนั่นเป็นหลักการเพื่อความสำเร็จ การใหญ่จะสำเร็จได้ต้องประกอบด้วย 3 ปัจจัย คือ “กาละฟ้า ชัย
กาละฟ้า คือ จังหวะ ที่ฟ้าประทานให้ หรือคือปัจจัยภายนอก ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งก็คือ โอกาส(opportunities) และอุปสรรค์(threats) โดยเมิ่งจื่อจะมองเฉพาะ โอกาส เป็นสำคัญ
ชัย
ประชากรหนุน คือ สิ่งที่ประชาชน ผู้บริโภค หรือลูกค้า มีความต้องการอย่างแท้จริง (custumer needs) เมื่อผู้บริโภคต้องการอย่างแท้จริง พผู้บริโภคก็จะให้การสนับสนุน
เมิ่งจื่อยังบอกอีกว่า
“กาละฟ้าไม่สู้ชัย
จึงเป็นการเรียงลำดับความสำคัญในการจะทำสิ่งใดเพื่อประสบความสำเร็จ โดยเรียงลำดับความสำคัญดังนี้
1 custumer needs สิ่งที่ประชาชนผู้บริโภค หรือลูกค้าต้องการ สำคัญที่สุด
2 position ความพร้อมของเรามีความสำคัญรองลงมา ถ้าเราไม่พร้อมก็ไม่อาจจะทำสิ่งใดได้
3 oportunities โอกาสสำคัญเป็นอันดับที่ 3 โอกาสเป็นตัวชักนำให้เราสำเร็จเร็วขึ้น แต่ถึงจะมีโอกาสเราก็ไม่อาจจะสำเร็จได้ ภ้าขาดความพร้อมของตัวเรา และแรงหนุน จากผู้บริโภค
จะเห็นได้ว่าหลักของเมิงจื่อ นั้นเหมือน กับหลักการคิดวิเคราะห์สมัยใหม่อย่าง “SWOT Analysis” ซึ่งเป็นหลักการคิดวิเคราะห์พื้นฐานของนักการตลาดสมัยใหม่ ทั้งยังรวมการมองถึง “custumer needs” ที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเบื้องต้นในการทำการตลาดไว้ด้วย
อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไง คอมเม้นไว้ได้นะครับ บทความยังมีอีกมาก เดี๋ยว จขกท ว่างจะมาโพสต่อ หรือจะไปอ่านต่อก่อนก็ได้ที่
https://mkteastphilosophy.blogspot.com/
หรือ
#naiinpan
https://www.naiin.com/product/detail/229122/
#ookbee
http://www.ookbee.com/Shop/Book/434daa50-f709-4d30-8d27-950ad4c35ec2/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%81-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A-start-up
Writer's Credit : รังสรรค์ ใจอารีย์ (สามก๊ก ฉบับ start up)