Letter to mine จดหมายถึงรัก

คุณเคยรู้สึกโดดเดี่ยวบ้างหรือเปล่า รู้สึกอ้างว้างเหมือนกับว่า อยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบใหญ่ใบนี้ ทั้ง ๆ ที่มีผู้คนตั้งมากมายอยู่รายล้อมรอบตัวเรา แต่กลับไม่เคยมีใครเลยสักคนที่คอยจะอยู่เคียงข้าง ให้คำปรึกษาและให้ความอบอุ่น

ครับ.. ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน

จนกระทั่งเมื่อเจ็ดปีก่อน ในตอนที่เธอก้าวเข้ามาในชีวิตของผม และเธอคนนี้นี่เองที่ทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป..

ก่อนหน้านี้ ชีวิตผมเหมือนคนติดลบ พ่อกับแม่จากไปเพราะอุบัติเหตุตั้งแต่ผมอายุแค่เก้าขวบ ถึงจะบอกว่าได้อยู่กับท่านตั้งเก้าปีก็เถอะ แต่เอาเข้าจริง ๆ ผมจะได้อยู่กับท่านก็เฉพาะตอนเย็นของวันเสาร์ถึงเช้าวันอาทิตย์เท่านั้นเอง เพราะพ่อกับแม่ของผมต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด พอพวกท่านเสียผมก็เลยต้องย้ายมาอยู่กับย่าแทน อันที่จริงก่อนหน้านี้ผมก็อยู่กับย่ามาตลอดนั่นแหละ ถึงจะขาดพ่อและแม่  แต่ผมก็ยังมีย่าและก็คิดเสมอว่าท่านคงจะอยู่กับผมไปอีกนาน แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น ย่าจากไปในตอนที่ผมกำลังจะขึ้นเรียนชั้นม.ปลาย ความตายได้พรากคนในครอบครัวของผมให้จากไปอีกคนเสียแล้ว ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอย เคว้งคว้างอยู่ในอากาศ ตอนนี้เองที่ความเหงาและความหว้าเหว่ได้เข้ามาปกคลุมตัวผมอย่างเต็มตัว..
หลังจากที่ย่าเสียไป ผมจึงตกไปอยู่ในอุปการะของพี่สาวพ่อในฐานะผู้ปกครอง ป้าและสามีก็มีลูกอยู่แล้วถึงสามคน ผมเลยเลือกที่จะย้ายมาอยู่ตึกแถวที่ย่าซื้อเอาไว้ เพราะอยู่ใกล้กลับโรงเรียนที่ผมสอบเข้าเรียนต่อม.4 ได้ แล้วเงินที่ย่าเก็บเอาไว้ให้ผมก็มากพอที่จะทำให้ผมใช้ชีวิตและเรียนต่อถึงปริญญาตรีได้อย่างสบายๆ

หลังจากเข้าเรียนต่อม.4 ก็ต้องปรับตัวหลายๆอย่าง ที่โรงเรียนผมได้เจอเพื่อนใหม่และคิดว่าการที่ใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ๆ มันน่าจะทำให้ผมคลายความเศร้าและความรู้สึกอ้างว้างของผมได้ ดั้งนั้นเวลาที่เพื่อนชวนไปไหนผมก็ไปหมด ทั้ง เตะบอล เล่นดนตรี ไปเที่ยว ผมไปทุกที่ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมดีขึ้นมากนัก จากที่คิดว่าอยู่กับเพื่อนๆแล้วจะดี กลับกลายเป็นว่าเหมือนเราไปเป็นส่วนเกินในกลุ่มซะงั้น เล่นบอลก็เป็นได้แค่ตัวสำรองนั่งข้างสนาม ดนตรีก็ได้แค่นั่งฟังเพื่อนเขาเล่นเท่านั้นเอง ทั้ง ๆ ที่ผมก็พยายามแล้วนะ พยายามที่จะเล่นให้ได้ แต่ผมก็ทำได้ไม่ดีเลยสักอย่างและพอเวลากลับมาบ้าน คนอื่นอาจจะมีพ่อแม่พี่น้องอยู่กันพร้อมหน้าแต่ผมก็ตัวคนเดียวอยู่ดี ต่อหน้าคนอื่นผมพยายามที่จะทำตัวให้ร่าเริง ถึงมันจะต้องฝืนทำก็เถอะ ผมไม่รู้ว่าพวกเขาจะดูออกรึเปล่านะ

ผมพยายามอยู่หลายเดือนที่จะสลัดเอาเรื่องแย่ๆที่อยู่ในหัวของผมทิ้งออกไป ทำทุกอย่างเพื่อที่จะลืมให้หมด แต่ก็ดูเหมือนกับว่าสิ่งที่ผมได้ลองทำไปทั้งหมดนั้นมันแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย.. ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้? ทำไมมันไม่ดีขึ้น? ทำไมมันไม่หายไปสักทีนะ? เกิดคำถามขึ้นมากมายในหัวซึ่งผมไม่สามารถให้คำตอบตัวเองได้
จนกระทั่ง.. ผมได้เจอเพื่อนคนหนึ่ง เธอมีชื่อว่า “ดารา” และเธอนี่เอง คือคนที่เข้ามาทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป  เหมือนแสงที่สาดส่องลงมาในใจที่มืดมิดของผมได้กลับมาสว่างไสวอีกครั้ง..

                                                                                                                                                                                       ..อำพน..

.
.
.
.
.

ฉบับที่ 1 วันแรกที่ได้เจอเธอ

ถึง.. ดารา(ที่รัก)

ไม่รู้ว่าเธอจำได้รึเปล่า? ในตอนที่เราเจอกันครั้งแรก.. จำได้ว่าวันนั้นหลังเลิกเรียนเพื่อนชวนเราไปเตะบอล ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงเราก็ได้เป็นแค่ตัวสำรอง แต่เราก็ไปนะ เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ช่วยวิ่งเก็บลูกฟุตบอลให้เพื่อนเวลาที่พวกมันเตะออกนอกสนาม รู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์อยู่บ้าง และไอ้ที่เราคอยวิ่งเก็บลูกฟุตบอลนี่แหละ ที่ทำให้เราได้เจอเธอ
วันนั้นเรานั่งรอเก็บบอลอยู่ข้างสนาม ตอนนั้นเราเหลือบไปเห็นเธอกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้แถวสนามบอล เธอนั่งอยู่คนเดียว เราแอบคิดในใจว่าทำไมเธอไม่ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ไม่ก็ที่ที่ไกล ๆจากสนามบอลสักหน่อย เพราะมันทั้งเสียงดังเอะอะแล้วก็เสี่ยงที่จะโดนลูกบอลอีก แต่ดูจากสีหน้าเธอแล้วเราคิดว่าเธอคงไม่กลัว ดูท่าจะกำลังเพลิดเพลินกับหนังสืออยู่ 😊 เราก็แอบมองเธออยู่เรื่อย ๆนะ กลัวว่าเธอจะโดนลูกหลงและก็สงสัยด้วยว่าเธอกำลังอ่านหนังสืออะไรอยู่ เห็นอ่านไปขำไป(น่ารักดี)

แล้วก็ถึงเวลาปฏิบัติหน้าที่อันทรงเกียรติ เพราะไอ้ต๊อดมันดันเตะบอลไปโดนเธอจนได้.. เรารีบวิ่งเข้าไปหาเธอ ดูท่าแล้วคงจะเจ็บอยู่ไม่น้อยเลย ก็บอลมันลอยไปอัดหัวเธอเต็มๆเลยนี่ เห็นเธอนั่งเอามือกุมหัว เราเลยถามเธอออกไปว่า “เธอ ๆ ..เป็นไงมั่ง ขอโทษทีนะ เจ็บรึเปล่า?” เธอเงยหน้าขึ้นมามองเราก่อนจะถีบตัวลุกขึ้นยืนแล้วก็จ้องเขม็งมาที่เรา โอ้แม่เจ้าเว้ย! บรรยากาศมาคุเข้าปกคลุมทันที เรารู้ว่าเธอโกรธแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรกับเราเลยสักคำ เธอรีบก้มลงเก็บของแล้วก็เดินตุปัดตุเป๋ออกไป(เราเดาว่าเธอคงจะมึนเพราะบอลลูกตะกี้ล่ะนะ)

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราคงจะตามไปขอโทษเธอ อยากบอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอเจ็บและเสียอารมณ์ในการอ่านหนังสือ ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ แต่แววตาที่เธอจ้องมาทำให้เราไม่กล้าเลยทำได้แค่มองตามเธอไปเท่านั้นเอง พอตอนเก็บบอลมาคืนยังถูกเพื่อนมันว่าเอาอีกว่ามัวไปทำอะไรอยู่
เสียดายที่ในตอนที่เราเจอกันครั้งแรก มันจะไม่ใช่เหตุการณ์ที่น่าจดจำสักเท่าไหร่ เธอชื่ออะไรเราก็ยังไม่ทันจะได้ถาม แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณเหตุการณ์ในวันนั้นนะที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้มาเจอกัน อย่างน้อยเราก็ได้สบตากันเป็นครั้งแรก ถึงแววตาของเธอในตอนนั้นมันจะดูน่าขนลุกก็ตามที และเราก็คงจะต้องขอบใจไอ้ต๊อดมันด้วยนะงานนี้

(จำได้ไหม๊ ที่เธอเคยถามว่าเรารู้ได้ยังไงว่าเธออ่านหนังสืออะไรอยู่ ก็วันนั้นแหละที่ทำให้เรารู้ พอดีเราเหลือบไปเห็นตอนที่เธอก้มเก็บ)
ปล. อีกอย่างนึงไม่รู้ว่าเราเคยบอกเธอไปรึยังนะ เราขอโทษแทนไอ้ต๊อดด้วยที่มันทำให้เธอเจ็บตัวแล้วยังทำให้ผมของเธอเสียทรงอีก แต่เราอยากบอกว่าเธอกับผมเปียในวันนั้นน่ะ น่ารักมากจริง ๆ นะ

                                                                                                                                                                                  รักและคิดถึง
                                                                                                                                                                                       ..อำพน..

By อาปาง
(ติดตามต่อ ฉบับที่ 2 เร็วๆนี้)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่