บก.เก้น : “หากคุณยังมีโอกาส จงสู้ให้ถึงที่สุด และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร จงเชิดหน้าภูมิใจเอาไว้ว่าคุณลงมือทำอย่างเต็มที่แล้ว” ประโยคปลุกใจนี้ยังคงใช้ได้เสมอ โดยเฉพาะในยามหน้าสิ่วหน้าขวานกับสถานการณ์ก่อนเกมของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเก็บสามคะแนนให้ได้สถานเดียว หากพวกเขายังหวังที่จะไปต่อในเส้นทาง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018
บุรีรัมย์
ความพ่ายแพ้ต่อ เจจู ยูไนเต็ด ในเกมนัดที่แล้ว ต่อหน้าแฟนบอลร่วมหมื่นใน บุรีรัมย์ สเตเดี้ยม ถือเป็นผลการแข่งขันที่ย่ำแย่ และส่อเค้าว่า “ปราสาทสายฟ้า” อาจจะต้องยุติเส้นทางในรายการนี้ไว้เพียงแค่รอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น
ฉะนั้น การลงสนามพบกับ เซเรโซ่ โอซาก้า ที่เดินทางมายังแดนอีสานใต้ด้วยดีกรีจ่าฝูงของกลุ่มจี จึงเป็นภารกิจอันหนักอึ้งของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้เหล่ากูรูลูกหนังทั่วเอเชียต่างพากันวิเคราะห์ว่า แชมป์ไทยลีก 2017 ไม่น่าจะรอดไปจากเงื้อมมือของแชมป์ฟูจิ ซีร็อกซ์ ซูเปอร์ คัพ ทีมล่าสุด แต่สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 90 นาทีในเกมนี้ กลับกลายเป็นฝั่งเจ้าบ้านที่เดินเกมรุกเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ราวกับพายุที่คลุ้มคลั่ง และกำลังพัดโหมกระหน่ำทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
วันนี่เรามาดูกับครับว่าอะไรคือ “หัวใจสำคัญ” ที่ทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงรักษาโอกาสในการผ่านเข้าสู่รอบที่สองในศึกถ้วยใบใหญ่ที่สุดของเอเชียในวันนี้
***********
ความติสท์ และไม่ยึดติดของ”บอสโก้”
โดยปกติแล้ว ผมคิดว่าในเกมนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คงจะเลือกใช้แต่ผู้เล่นหน้าเดิมๆ แทคติกเดิมๆ ในการรับมือกับทีมที่ถูกมองว่า “เหนือกว่า” พวกเขา
ดังนั้น “บอสโก้” ในสายตาผมอาจจะดูไม่ค่อยมีความติสท์ แบบศิลปินลูกหนังสักเท่าไหร่ แถมการที่ทีมไร้ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ ในนัดนี้ ผมคิดว่าบางทีวันนี้ผมอาจจะได้มาชมเกมรับเต็มรูปแบบของ บันโดวิช ซะด้วยซ้ำ
แต่วันนี้ “บอสโก้” ทำให้ผมประหลาดใจ
ความประหลาดใจแรกของผมในวันนี้ก็คือการที่ บันโดวิช ตัดสินใจส่ง ประวีณวัช บุญยงค์ ลงสนามในบทบาท “มิดฟิลด์ตัวรับ” และถอย ยู จุนซู ลงมายืนเป็นสามประสานในแนวรับร่วมกับ ตูเญซ – พรรษา แทน
จริงอยู่ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่การต้องต่อกรกับยอดทีมจากเจลีกอย่าง เซเรโซ่ โอซาก้า มันจะดูอาจจะ แต่ “เจ้าบิ๊ก” สามารถรับมือกับสองแข้งพระกาฬในแดนกลางของ เซเรโซ่ โอซาก้า อย่าง ยามามูระ คาซูยะ และกัปตันทีม (จำเป็น) ไดอิจิ อากิยามะ ได้อย่างเนียนตา
บุรีรัมย์
การตัดเกมที่จะแจ้ง เด็ดขาด แต่ไม่ทำให้ทีมเสียเปรียบ รวมถึงภาวะความเป็นที่นำของ “บิ๊ก” ที่สูงมาก ผมสังเกตเห็นว่าเจ้าตัวคอยกระตุ้น ปลุกเร้า และทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างแนวรับ กับแผงมิดฟิลด์ได้อย่างยอดเยี่ยม คือความกล้าเสี่ยงแรกที่ได้ผลของ “บอสโก้”
ในวันที่แทคติกของ "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" ชนะใจแฟนบอลไทยทั้งประเทศ และทั่วเอเชีย ... by "บก.เก้น"
บก.เก้น : “หากคุณยังมีโอกาส จงสู้ให้ถึงที่สุด และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร จงเชิดหน้าภูมิใจเอาไว้ว่าคุณลงมือทำอย่างเต็มที่แล้ว” ประโยคปลุกใจนี้ยังคงใช้ได้เสมอ โดยเฉพาะในยามหน้าสิ่วหน้าขวานกับสถานการณ์ก่อนเกมของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเก็บสามคะแนนให้ได้สถานเดียว หากพวกเขายังหวังที่จะไปต่อในเส้นทาง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018
บุรีรัมย์
ความพ่ายแพ้ต่อ เจจู ยูไนเต็ด ในเกมนัดที่แล้ว ต่อหน้าแฟนบอลร่วมหมื่นใน บุรีรัมย์ สเตเดี้ยม ถือเป็นผลการแข่งขันที่ย่ำแย่ และส่อเค้าว่า “ปราสาทสายฟ้า” อาจจะต้องยุติเส้นทางในรายการนี้ไว้เพียงแค่รอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น
ฉะนั้น การลงสนามพบกับ เซเรโซ่ โอซาก้า ที่เดินทางมายังแดนอีสานใต้ด้วยดีกรีจ่าฝูงของกลุ่มจี จึงเป็นภารกิจอันหนักอึ้งของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้เหล่ากูรูลูกหนังทั่วเอเชียต่างพากันวิเคราะห์ว่า แชมป์ไทยลีก 2017 ไม่น่าจะรอดไปจากเงื้อมมือของแชมป์ฟูจิ ซีร็อกซ์ ซูเปอร์ คัพ ทีมล่าสุด แต่สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 90 นาทีในเกมนี้ กลับกลายเป็นฝั่งเจ้าบ้านที่เดินเกมรุกเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ราวกับพายุที่คลุ้มคลั่ง และกำลังพัดโหมกระหน่ำทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
วันนี่เรามาดูกับครับว่าอะไรคือ “หัวใจสำคัญ” ที่ทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงรักษาโอกาสในการผ่านเข้าสู่รอบที่สองในศึกถ้วยใบใหญ่ที่สุดของเอเชียในวันนี้
***********
ความติสท์ และไม่ยึดติดของ”บอสโก้”
โดยปกติแล้ว ผมคิดว่าในเกมนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คงจะเลือกใช้แต่ผู้เล่นหน้าเดิมๆ แทคติกเดิมๆ ในการรับมือกับทีมที่ถูกมองว่า “เหนือกว่า” พวกเขา
ดังนั้น “บอสโก้” ในสายตาผมอาจจะดูไม่ค่อยมีความติสท์ แบบศิลปินลูกหนังสักเท่าไหร่ แถมการที่ทีมไร้ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ ในนัดนี้ ผมคิดว่าบางทีวันนี้ผมอาจจะได้มาชมเกมรับเต็มรูปแบบของ บันโดวิช ซะด้วยซ้ำ
แต่วันนี้ “บอสโก้” ทำให้ผมประหลาดใจ
ความประหลาดใจแรกของผมในวันนี้ก็คือการที่ บันโดวิช ตัดสินใจส่ง ประวีณวัช บุญยงค์ ลงสนามในบทบาท “มิดฟิลด์ตัวรับ” และถอย ยู จุนซู ลงมายืนเป็นสามประสานในแนวรับร่วมกับ ตูเญซ – พรรษา แทน
จริงอยู่ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่การต้องต่อกรกับยอดทีมจากเจลีกอย่าง เซเรโซ่ โอซาก้า มันจะดูอาจจะ แต่ “เจ้าบิ๊ก” สามารถรับมือกับสองแข้งพระกาฬในแดนกลางของ เซเรโซ่ โอซาก้า อย่าง ยามามูระ คาซูยะ และกัปตันทีม (จำเป็น) ไดอิจิ อากิยามะ ได้อย่างเนียนตา
บุรีรัมย์
การตัดเกมที่จะแจ้ง เด็ดขาด แต่ไม่ทำให้ทีมเสียเปรียบ รวมถึงภาวะความเป็นที่นำของ “บิ๊ก” ที่สูงมาก ผมสังเกตเห็นว่าเจ้าตัวคอยกระตุ้น ปลุกเร้า และทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างแนวรับ กับแผงมิดฟิลด์ได้อย่างยอดเยี่ยม คือความกล้าเสี่ยงแรกที่ได้ผลของ “บอสโก้”