สวัสดีค่ะ วันนี้ จขกท อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของการซื้อคอนโดหลังแรกซึ่งเราคิดว่าเราเลือกดีแล้วให้ฟังค่ะ หวังว่าจะช่วยให้คนที่คิดจะคอนโดหรือที่พักอาศัยรอบครอบมากขึ้นนะคะ
หลังจากเรียนจบและทำงานสักระยะ เราตัดสินใจซื้อคอนโดด้วยเงินเก็บจากการทำงานของตัวเองเพราะมองว่าการเช่าหออยู่ก็ต้องเสียเงินทุกเดือนอยู่ดี สู้เพิ่มเงินนิดหน่อยแล้วซื้อที่อยู่เป็นทรัพย์สินของตัวเองดีกว่า
เราเริ่มจากหาทำเลที่อยากอยู่ค่ะมีคอนดิชั่นอยู่ 2 ข้อ คือ 1. ติด BTS เพราะง่ายต่อการเดินทางไปทำงาน 2. คือ อยู่ย่านชานเมือง เพราะคิดว่าราคาจะถูกกว่าและจะได้ความสงบมากกว่าค่ะ และเนื่องจากเคยอยู่หอพักแถวแบริ่ง เราจึงมองหาคอนโดแถว BTS ส่วนต่อขยาย ซึ่งมี 2 สถานีที่เล็งไว้คือ 1. ปู่เจ้า 2. ช้างเอราวัณ และเราเลือกสถานีช้างเอราวัณเนื่องจากใกล้ทางด่วนและรถติดน้อยกว่าเมื่อเทียบกับปู่เจ้า ในช่วงเวลานั้นมีคอนโดอยู่ 2 โครงการที่เปิดจองพร้อมกัน เราเลือกโครงการนึงในนั้นเพราะแบ่งพื้นที่ใช้สอยในห้องได้ดีกว่า ขั้นตอนต่อมาคือเลือกว่าจะเอาห้องทิศไหน คอนโดนี้ทิศตะวันตกจะอยู่ติดแม่น้ำเรียกว่าเป็นทิศที่วิวดีที่สุดก็ได้ แต่แดดจะเข้าค่อนข้างแรง ส่วนทิศตะวันออกจะมีคอนโดเฟทใหม่ขึ้น ทิศใต้ติดกับคอนโดอีกโครงการ เราจึงตัดสินใจเลือกทิศเหนือ วิวเมือง เพราะไม่ชอบแดดร้อนตอนกลางวัน อีกทั้งวันที่ไปจองวิวริมน้ำก็เต็มเกือบหมดแล้ว ก่อนจองเราก็ทำการสำรวจพื้นที่รอบๆ โรงการว่าติดกับสถานบันเทิงไหม วัด มัสยิด โรงเรียนหรือโรงงานอุสาหกรรมไหม เราพบว่าโรงการเราอยู่ใกล้กับโรงเรียน กสน ซึ่งไม่มีเสียงรบกวนใดๆ จึงเลือกซื้อที่นี่เพราะอยากได้ความสงบ ตอนนั้นเฝ้ารอวันย้ายเข้ามาอยู่มากๆ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้ที่นี่ หลังจากนั้นช่วงก่อนถึงวันโอนช่วงเดือนตุลา แฟนเราบอกว่าใน กสน มันมีศูนย์กิจกรรมอะไรสักอย่างเดียว คือเราเห็นรถบัสเลี้ยวเข้าไปแต่พอตอนมาเซ็นสัญญาโอนที่คอนโดก็ไม่ได้มีเสียงดังอะไร ตอนเช็คห้องก็ปกติดี จนกระทั้งเราย้ายมาอยู่จริงช่วงมกรา เราพบว่าเราเริ่มได้ยินเสียงกลองสันทนาการตอนบ่ายๆ มีเสียงไมโครโฟนแซมด้วยบางวัน บางวันลากยาวตั้งแต่ 4 โมงไปยัน 4-5 ทุ่ม ตอนแรกคิดว่าเป็นแค่ช่วงปีใหม่ แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ เสียงมาจากศูนย์กิจกรรม ซึ่งชื่อเต็มของมันคือ ศูนย์พัฒนาบุคลากรทางการลูกเสือ ยุวกาชาดและกิจกรรมเยาวชน พอเสียงดังเรื่อยๆ สัก 1 เดือนเราเลยไปคุยกับนิติว่าอยู่ไม่ไหว จะขายห้อง นิติบอกว่ามันมาเป็นแค่ฤดูกาล เหมือนฤดูที่เด็กเข้าค่ายลูกเสือเสียงก็จะมา ปกติไม่มี จากนั้นนิติก็รับปากว่าจะไปคุยให้ลดเสียงให้ (นิติที่นี่น่ารักและดำเนินเรืองไวมากค่ะ แบบบอกตอนเย็นเช้าอีกวันก็ไม่มีเสียงแล้ว) เสียงก็ลดลงค่ะ แบบถ้าไม่เปิดหน้าตาก็จะไม่ได้ยิน แต่มันเบาไปแค่ 1 อาทิตย์ พอมีโรงเรียนใหม่เข้ามาก็ดังอีก เราลองทนไปอีก 1 เดือนแต่เสียงมันไม่เบาลงเลยดังขึ้นด้วยซ้ำ เลยลองไปคุยกับนิติอีกที เสียงก้หายไป 1 อาทิตย์ละก็มาอีกเลยไม่รู้ว่าเขาลืมรึเขาไม่ได้บอก รร ที่มาใหม่ (ปล. จริงๆ เวลานิติโทรไปทางศูนย์ก็จะเบาเสียงให้ตลอดนะคะ) ตอนนี้อยู่เหมือนเป็นโรคประสาทอ่อนๆ ว่าเสียงจะมาเมื่อไร ไม่เวิร์กเลยค่ะ กำลังดูอยู่ว่าจะยอมขายห้องเพราะเริ่มเครียดหนักขึ้นทุกวัน จขกท เป็นคนประสาทหูดีและเป็นไมเกรนค่ะ จึงค่อยข้างดูจุกจิกเรื่องเสียงและแสงในห้องนอนมากๆ ตอนแรกคิดว่าเราได้ยินไปคนเดียวรึป่าวแต่เราถามแฟน แฟนก็บอกว่าเสียงมันดังจริงๆ
สรุปว่าช่วงที่เรามาเซอร์เวย์มันไม่มีกิจกรรม มันเลยไม่มีเสียงและชั้นล่างๆ ก็จะไม่ได้ยินเสียงด้วยเพราะมีป่ากั้น แต่กับชั้นบนๆ เสียงจะกระจายได้ดังมาก เพราะงั้นมันเช็คได้ยากมากๆ เราแนะนำให้เปิด google map ดูก่อนซื้อเลยค่ะ เพราะจริงๆ ศูนย์กรรมมันอยู่ลึกๆ ข้างใน กสน อีกที ตอนที่มาเซอร์เวย์เราเลยไม่เห็น
ส่วนห้องทิศอื่นก็ไม่รอดนะคะ เพราะเราชอบทำเลนี้มาก ตอนแรกเลยกะจะขายแล้วไปซื้อห้องฝั่งอื่น แต่ฝั่งที่วิวสวยอย่างริมแม่น้ำ กับคอนโดอีกโครงการนั้นอยู่ไปเจดีย์พระปะแดงค่ะ เวลามีงานวัดรึมีคอนเซิร์ตนิหนักกว่าฝั่งเราอีกค่ะ เพราะฝั่งเรายังไงก็จบก่อนเที่ยงคืน
ที่อยู่ย่านชานเมืองที่โล่งมาก ชุมชนน้อย เวลาเสียงดังจึงไม่ค่อยกระทบใครและเสียงกระจายได้ไกลมากค่ะ บอกตรงๆ ว่าเคสที่เสียงมาจากคอนเซิร์ตไกลๆ ก็ไม่มีคอนเซิร์ตเราแทบจะตรวจสอบไม่ได้เลย
ตอนนี้พยายามหาร้านที่รับทำกระจก 2 ชั้นอยู่แต่ยังทำไม่ได้ ใครพอจะมีแนะนำด้วยนะค่ะ
แอบอยากให้บ้านเราเป็นเหมือน ตปท คือการใช้เสียงทุกอย่างต้องอยู่ในที่ปิดและต้องกั้นเสียงได้หมด อย่างผับเมืองนอกไม่มีเสียงรบกวนเลย
สุดท้าย เราไม่ได้ตั้งใจจะโทษใครนะคะ โดยเฉพาะ ศูนย์พัฒนาบุคลากรทางการลูกเสือ เราเข้าใจดีว่าเรามาอยู่ทีหลังและผิดเองที่ไม่ได้ตรวจสอบให้ละเอียดค่ะ ไม่ดราม่านะ
ถ้าเขียนอะไรผิดพลาดหรือพาดพิงผู้ใดโดยไม่ได้ตั้งใจเราต้องขอโทษด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
แชร์ประสบการณ์*ความผิดพลาดในการเลือกซื้อคอนโดติดรถไฟฟ้าย่านชานเมือง
หลังจากเรียนจบและทำงานสักระยะ เราตัดสินใจซื้อคอนโดด้วยเงินเก็บจากการทำงานของตัวเองเพราะมองว่าการเช่าหออยู่ก็ต้องเสียเงินทุกเดือนอยู่ดี สู้เพิ่มเงินนิดหน่อยแล้วซื้อที่อยู่เป็นทรัพย์สินของตัวเองดีกว่า
เราเริ่มจากหาทำเลที่อยากอยู่ค่ะมีคอนดิชั่นอยู่ 2 ข้อ คือ 1. ติด BTS เพราะง่ายต่อการเดินทางไปทำงาน 2. คือ อยู่ย่านชานเมือง เพราะคิดว่าราคาจะถูกกว่าและจะได้ความสงบมากกว่าค่ะ และเนื่องจากเคยอยู่หอพักแถวแบริ่ง เราจึงมองหาคอนโดแถว BTS ส่วนต่อขยาย ซึ่งมี 2 สถานีที่เล็งไว้คือ 1. ปู่เจ้า 2. ช้างเอราวัณ และเราเลือกสถานีช้างเอราวัณเนื่องจากใกล้ทางด่วนและรถติดน้อยกว่าเมื่อเทียบกับปู่เจ้า ในช่วงเวลานั้นมีคอนโดอยู่ 2 โครงการที่เปิดจองพร้อมกัน เราเลือกโครงการนึงในนั้นเพราะแบ่งพื้นที่ใช้สอยในห้องได้ดีกว่า ขั้นตอนต่อมาคือเลือกว่าจะเอาห้องทิศไหน คอนโดนี้ทิศตะวันตกจะอยู่ติดแม่น้ำเรียกว่าเป็นทิศที่วิวดีที่สุดก็ได้ แต่แดดจะเข้าค่อนข้างแรง ส่วนทิศตะวันออกจะมีคอนโดเฟทใหม่ขึ้น ทิศใต้ติดกับคอนโดอีกโครงการ เราจึงตัดสินใจเลือกทิศเหนือ วิวเมือง เพราะไม่ชอบแดดร้อนตอนกลางวัน อีกทั้งวันที่ไปจองวิวริมน้ำก็เต็มเกือบหมดแล้ว ก่อนจองเราก็ทำการสำรวจพื้นที่รอบๆ โรงการว่าติดกับสถานบันเทิงไหม วัด มัสยิด โรงเรียนหรือโรงงานอุสาหกรรมไหม เราพบว่าโรงการเราอยู่ใกล้กับโรงเรียน กสน ซึ่งไม่มีเสียงรบกวนใดๆ จึงเลือกซื้อที่นี่เพราะอยากได้ความสงบ ตอนนั้นเฝ้ารอวันย้ายเข้ามาอยู่มากๆ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้ที่นี่ หลังจากนั้นช่วงก่อนถึงวันโอนช่วงเดือนตุลา แฟนเราบอกว่าใน กสน มันมีศูนย์กิจกรรมอะไรสักอย่างเดียว คือเราเห็นรถบัสเลี้ยวเข้าไปแต่พอตอนมาเซ็นสัญญาโอนที่คอนโดก็ไม่ได้มีเสียงดังอะไร ตอนเช็คห้องก็ปกติดี จนกระทั้งเราย้ายมาอยู่จริงช่วงมกรา เราพบว่าเราเริ่มได้ยินเสียงกลองสันทนาการตอนบ่ายๆ มีเสียงไมโครโฟนแซมด้วยบางวัน บางวันลากยาวตั้งแต่ 4 โมงไปยัน 4-5 ทุ่ม ตอนแรกคิดว่าเป็นแค่ช่วงปีใหม่ แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ เสียงมาจากศูนย์กิจกรรม ซึ่งชื่อเต็มของมันคือ ศูนย์พัฒนาบุคลากรทางการลูกเสือ ยุวกาชาดและกิจกรรมเยาวชน พอเสียงดังเรื่อยๆ สัก 1 เดือนเราเลยไปคุยกับนิติว่าอยู่ไม่ไหว จะขายห้อง นิติบอกว่ามันมาเป็นแค่ฤดูกาล เหมือนฤดูที่เด็กเข้าค่ายลูกเสือเสียงก็จะมา ปกติไม่มี จากนั้นนิติก็รับปากว่าจะไปคุยให้ลดเสียงให้ (นิติที่นี่น่ารักและดำเนินเรืองไวมากค่ะ แบบบอกตอนเย็นเช้าอีกวันก็ไม่มีเสียงแล้ว) เสียงก็ลดลงค่ะ แบบถ้าไม่เปิดหน้าตาก็จะไม่ได้ยิน แต่มันเบาไปแค่ 1 อาทิตย์ พอมีโรงเรียนใหม่เข้ามาก็ดังอีก เราลองทนไปอีก 1 เดือนแต่เสียงมันไม่เบาลงเลยดังขึ้นด้วยซ้ำ เลยลองไปคุยกับนิติอีกที เสียงก้หายไป 1 อาทิตย์ละก็มาอีกเลยไม่รู้ว่าเขาลืมรึเขาไม่ได้บอก รร ที่มาใหม่ (ปล. จริงๆ เวลานิติโทรไปทางศูนย์ก็จะเบาเสียงให้ตลอดนะคะ) ตอนนี้อยู่เหมือนเป็นโรคประสาทอ่อนๆ ว่าเสียงจะมาเมื่อไร ไม่เวิร์กเลยค่ะ กำลังดูอยู่ว่าจะยอมขายห้องเพราะเริ่มเครียดหนักขึ้นทุกวัน จขกท เป็นคนประสาทหูดีและเป็นไมเกรนค่ะ จึงค่อยข้างดูจุกจิกเรื่องเสียงและแสงในห้องนอนมากๆ ตอนแรกคิดว่าเราได้ยินไปคนเดียวรึป่าวแต่เราถามแฟน แฟนก็บอกว่าเสียงมันดังจริงๆ
สรุปว่าช่วงที่เรามาเซอร์เวย์มันไม่มีกิจกรรม มันเลยไม่มีเสียงและชั้นล่างๆ ก็จะไม่ได้ยินเสียงด้วยเพราะมีป่ากั้น แต่กับชั้นบนๆ เสียงจะกระจายได้ดังมาก เพราะงั้นมันเช็คได้ยากมากๆ เราแนะนำให้เปิด google map ดูก่อนซื้อเลยค่ะ เพราะจริงๆ ศูนย์กรรมมันอยู่ลึกๆ ข้างใน กสน อีกที ตอนที่มาเซอร์เวย์เราเลยไม่เห็น
ส่วนห้องทิศอื่นก็ไม่รอดนะคะ เพราะเราชอบทำเลนี้มาก ตอนแรกเลยกะจะขายแล้วไปซื้อห้องฝั่งอื่น แต่ฝั่งที่วิวสวยอย่างริมแม่น้ำ กับคอนโดอีกโครงการนั้นอยู่ไปเจดีย์พระปะแดงค่ะ เวลามีงานวัดรึมีคอนเซิร์ตนิหนักกว่าฝั่งเราอีกค่ะ เพราะฝั่งเรายังไงก็จบก่อนเที่ยงคืน
ที่อยู่ย่านชานเมืองที่โล่งมาก ชุมชนน้อย เวลาเสียงดังจึงไม่ค่อยกระทบใครและเสียงกระจายได้ไกลมากค่ะ บอกตรงๆ ว่าเคสที่เสียงมาจากคอนเซิร์ตไกลๆ ก็ไม่มีคอนเซิร์ตเราแทบจะตรวจสอบไม่ได้เลย
ตอนนี้พยายามหาร้านที่รับทำกระจก 2 ชั้นอยู่แต่ยังทำไม่ได้ ใครพอจะมีแนะนำด้วยนะค่ะ
แอบอยากให้บ้านเราเป็นเหมือน ตปท คือการใช้เสียงทุกอย่างต้องอยู่ในที่ปิดและต้องกั้นเสียงได้หมด อย่างผับเมืองนอกไม่มีเสียงรบกวนเลย
สุดท้าย เราไม่ได้ตั้งใจจะโทษใครนะคะ โดยเฉพาะ ศูนย์พัฒนาบุคลากรทางการลูกเสือ เราเข้าใจดีว่าเรามาอยู่ทีหลังและผิดเองที่ไม่ได้ตรวจสอบให้ละเอียดค่ะ ไม่ดราม่านะ
ถ้าเขียนอะไรผิดพลาดหรือพาดพิงผู้ใดโดยไม่ได้ตั้งใจเราต้องขอโทษด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ