สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ได้ครับ...
เมื่อคุณกำเงิน 5 แสนออกมาทำอะไรของตัวเอง เงิน 5 แสนจะพร่องอย่างรวดเร็วราวกับทรายที่กำลังไหลหมดไปในนาฬิกาทราย คุณจะไปถึงจุดที่เหลือเงินสดพออยู่ได้อีก 2 เดือนภายในไม่กี่เดือนหลังลาออก และนั่นคือจุดที่คุณเครียดสุดขีดระหว่างการติดสินใจว่า 'สู้อีกเฮือก' หรือ 'กลับไปหางานประจำทำ'
ณ โมเม้นต์นั้น คุณอาจจะเกิดอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมด (แต่ส่วนใหญ่จะเป็นทุกอาการ)
- คุณจะเครียด ถ้าคุณมีโรคประจำตัว โรคประจำตัวจะกำเริบจนคุณแทบทนไม่ไหว
- คุณจะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ คุณอาจจะร้องไห้คนเดียว
- ถ้าคุณอยู่ร่วมกับคนในครอบครัว คุณจะเริ่มหงุดหงิดใส่พวกเขามากกว่าที่คุณเคยเป็น (ถ้าเคยเป็น)
- คุณจะรู้สึกคล้ายเป็นโรคซึมเศร้าอ่อนๆ คุณจะสิ้นหวัง คุณจะมืดหม่นไร้หนทางในชีวิค
คนที่ลาออกจากงานประจำไปทำลงทุนหรือทำส่วนตัว โดยเฉพาะพวก Self-made คือไม่ได้บ้านรวยแต่เดิมแทบทุกคนต้องไปถึงจุดที่ผมเล่ามา มีทั้งสู้เฮือกสุดท้ายแล้วสำเร็จ กับสุดท้ายแล้วสาหัสกลับไปเริ่มต้นใหม่กับงานประจำ
และต่อให้ผ่านไปได้ คุณจะเจอบททดสอบอีกมากมายที่จะทำให้เงินที่ได้มาพร่องไป วนไปวนมาอีกหลายครั้งไปอีก 5-10 ปีตลอดการทำธุรกิจส่วนตัว โดยใน 5-10 ปีนี้จะมีอย่างน้อย 1 โมเมนต์ที่คุณกลับไปเกือบจะ Set-zero ใหม่อีกครั้ง หรือ ประสบการณ์แทบหมดตัวครับ ไม่ว่าคุณจะทำเงินมาได้กี่สิบล้านบาท หลายคนที่ผมรู้จักรวมถึงผมเองล้วนผ่านปรากฏการณ์ Set-zero ทั้งสิ้น บางคน Minus คือ ติดลบเป็นล้าน 5 ล้าน 10 ล้าน ก็มี
ถ้าคุณตัดสินใจจะก้าวออกมา ก็ยินดีต้อนรับสู่โลกของนายตัวเองที่แท้จริงไม่อิงหนังสือขายฝันครับ
แต่ถามว่าถ้าเลือกได้ ย้อนเวลาได้ ยังอยากเป็นไหม Entrepreneur --- อยากเป็นครับ เพราะธรรมชาติของผมคือชอบความท้าทาย ชอบพัฒนาตัวเอง และผมไม่ได้ลาออกมาเพราะเบื่อหรือไม่พอใจกับรายได้ ผมลาออกมาเพราะทัศนคติและศักยภาพเราโตกว่างานประจำแล้ว จึงลาออกมาสร้างอะไรของตัวเองเพื่อจะได้ตอบสนองไอเดียและความรู้เราได้เต็มที่กว่า และประกอบกับได้เจอได้ทำสิ่งที่รักที่ถนัดด้วยครับ
เมื่อคุณกำเงิน 5 แสนออกมาทำอะไรของตัวเอง เงิน 5 แสนจะพร่องอย่างรวดเร็วราวกับทรายที่กำลังไหลหมดไปในนาฬิกาทราย คุณจะไปถึงจุดที่เหลือเงินสดพออยู่ได้อีก 2 เดือนภายในไม่กี่เดือนหลังลาออก และนั่นคือจุดที่คุณเครียดสุดขีดระหว่างการติดสินใจว่า 'สู้อีกเฮือก' หรือ 'กลับไปหางานประจำทำ'
ณ โมเม้นต์นั้น คุณอาจจะเกิดอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมด (แต่ส่วนใหญ่จะเป็นทุกอาการ)
- คุณจะเครียด ถ้าคุณมีโรคประจำตัว โรคประจำตัวจะกำเริบจนคุณแทบทนไม่ไหว
- คุณจะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ คุณอาจจะร้องไห้คนเดียว
- ถ้าคุณอยู่ร่วมกับคนในครอบครัว คุณจะเริ่มหงุดหงิดใส่พวกเขามากกว่าที่คุณเคยเป็น (ถ้าเคยเป็น)
- คุณจะรู้สึกคล้ายเป็นโรคซึมเศร้าอ่อนๆ คุณจะสิ้นหวัง คุณจะมืดหม่นไร้หนทางในชีวิค
คนที่ลาออกจากงานประจำไปทำลงทุนหรือทำส่วนตัว โดยเฉพาะพวก Self-made คือไม่ได้บ้านรวยแต่เดิมแทบทุกคนต้องไปถึงจุดที่ผมเล่ามา มีทั้งสู้เฮือกสุดท้ายแล้วสำเร็จ กับสุดท้ายแล้วสาหัสกลับไปเริ่มต้นใหม่กับงานประจำ
และต่อให้ผ่านไปได้ คุณจะเจอบททดสอบอีกมากมายที่จะทำให้เงินที่ได้มาพร่องไป วนไปวนมาอีกหลายครั้งไปอีก 5-10 ปีตลอดการทำธุรกิจส่วนตัว โดยใน 5-10 ปีนี้จะมีอย่างน้อย 1 โมเมนต์ที่คุณกลับไปเกือบจะ Set-zero ใหม่อีกครั้ง หรือ ประสบการณ์แทบหมดตัวครับ ไม่ว่าคุณจะทำเงินมาได้กี่สิบล้านบาท หลายคนที่ผมรู้จักรวมถึงผมเองล้วนผ่านปรากฏการณ์ Set-zero ทั้งสิ้น บางคน Minus คือ ติดลบเป็นล้าน 5 ล้าน 10 ล้าน ก็มี
ถ้าคุณตัดสินใจจะก้าวออกมา ก็ยินดีต้อนรับสู่โลกของนายตัวเองที่แท้จริงไม่อิงหนังสือขายฝันครับ
แต่ถามว่าถ้าเลือกได้ ย้อนเวลาได้ ยังอยากเป็นไหม Entrepreneur --- อยากเป็นครับ เพราะธรรมชาติของผมคือชอบความท้าทาย ชอบพัฒนาตัวเอง และผมไม่ได้ลาออกมาเพราะเบื่อหรือไม่พอใจกับรายได้ ผมลาออกมาเพราะทัศนคติและศักยภาพเราโตกว่างานประจำแล้ว จึงลาออกมาสร้างอะไรของตัวเองเพื่อจะได้ตอบสนองไอเดียและความรู้เราได้เต็มที่กว่า และประกอบกับได้เจอได้ทำสิ่งที่รักที่ถนัดด้วยครับ
row boat ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4220614 ถูกใจ, จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล ถูกใจ, ย่าข้าเป็นนักรบ!!! ถูกใจ, Fuchsia Fetish ถูกใจ, จิ้งจอกรัตติกาล ถูกใจ, pixelchio ถูกใจ, คุณหนูหน้านิ่ง ถูกใจ, สะใภ้จ้าว ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1202208 ถูกใจรวมถึงอีก 27 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 4
เราเงินเดือน 1xx K ลาออกมาโดยไม่มีเงินเก็บ ได้มาแค่เงินเดือนเดือนสุดท้าย ตอนลาออกมีหนี้บ้าน 6 ล้าน หนี้บัตรเครเดิต 1.5 ล้าน มีลูก 2 คนเรียน inter ทั้งคู่ ค่าเทอมคือซื้อรถได้ปีละคัน
พอปีถัดมา สามีเงินเดือน 1xx K ลาออกมาด้วย เพราะเราบังคับให้ลาออก เราสองคนทำงานระดับบริหาร ผ่านความเครียดมามาก และเราจะไม่ยอมตายเพื่อบริษัท เราเลือกที่จะยอมตายเพื่อครอบครัวแทน
เอาเป็นว่า สรุปลาออกมาแบบไม่มีเงินเก็บทั้ง 2 คน แถมเป็นหนี้บัตร สินเชื่อ 2 คน รวม 3 ล้าน ไม่รวมหนี้บ้าน ทุกวันนี้ชีวิตมีความสุขดี เที่ยว ตปท ทุกปีเหมือนสมัยทำงาน และลูกก็ยังเรียน inter เหมือนเดิม ไม่ย้ายออก ชีวิตมีความสุขมากๆ
1. เราออกมาค้าขาย ประเมินความสามารถที่มี ก็ขายของมีเงินพอค่าใช้จ่ายปกติ บางเดือนเหลือมากก็เก็บ บางเดือนเหลือน้อยก้เอาเงินเก็บมาหมุนก่อน
2. หนี้สินบัตรเครดิตต่างๆ เราจ่ายบ้าง บางอันยกเลิกจ่าย และเข้าสู่กระบวนการปิดหนี้แบบเจรจา ซึ่งตอนนี้หนี้ครอบครัว เหลือหนี้ 7-8 แสน บ้านก็ผ่อนปกติ แต่ไม่ได้โปะ
เราไม่วางแผนมากมาย เพียงแต่เราใส่ความสามารถเราลงไปเยอะมากกกกกกกก เราใช้ทฤษฎี ความรู้ทุกอย่าง แม้กะทั้งการจัดวางสินค้า ทุกอย่างเราใส่ความรู้ที่มีลงไปหมด ลืมบอกว่าเรามี 4 ปริญญา ความสามารถทางภาษามี และด้วยนิสัยที่หยิ่งทระนง หนักแน่น นักสู้สุดๆ ทำให้เราอดทนกับปัญหาได้มากกว่าคนอื่น เวลามีปัญหา เราสามารถคิดค้นหาทางออกได้ภายในเวลาไม่นาน และด้วยเพราะมีปัญญา ทำให้ปัญหาถูกแก้ไขได้ไปในทางที่เหมาะสม
เงินทุนเท่ากัน ถ้าคุณคิดออก คุณจะใช้มันเพื่อดูแลชีวิตคุณได้อย่างสบาย นึกคิดในเรื่องการบริหาร เช่น เรื่อง cash cycle และ return on investment เงิน 500,000 บางคนเอาไปซื้อเฟรนไชส์ บางคนทำบริษัทตัวเอง บางคนซื้อกระบะรับผักผลไม้ขาย บางคนลงหุ้น บางคนฝากกินดอกเบี้ย บางคนขายก๋วยเตี๋ยว บางคนซื้อคอนโดปล่อยเช่า คุณคิดว่าใครจะอยู่ได้นานกว่ากัน
คำถามที่คุณตั้งมา คุณควรถามตัวเอง ว่า 500,000 บาท คุณจะทำยังไงดี ที่จะเลี้ยงตัวเองได้อย่างมีความสุข สมกับที่เลือกลาออกมา
ปล. บางครั้ง บริษัทเก่า (บริษัทใหญ่รายได้ระดับพันล้าน) ก็จ้างไปเป็นที่ปรึกษาบ้าง เป็น project 3-5 แสนบาท แล้วแต่ความยากง่าย จึงขอบอกว่า ถ้าคุณมีความสามารถ อย่ากลัวอดตายค่ะ
ปล 2. ไม่ต้องสงสัยนะคะ ว่าทำไมไม่มีเงินเก็บ ก็มันวงจรมนุษย์ทำงาน มีแต่หนี้ ซื้อของเกินตัว อยากได้อะไรก็รูด บัตรเครดิตเราวงเงิน 750,000 คุณว่าหนี้เราจะน้อยมั๊ยล่ะ เราเคยมีรถป้ายแดงทีเดียว 6 คัน ทะเบียนเลขเดียวกันหมด นี่แหละสังคมมนุษย์เงินเดือน สังคมแห่งการเป็นหนี้
พอปีถัดมา สามีเงินเดือน 1xx K ลาออกมาด้วย เพราะเราบังคับให้ลาออก เราสองคนทำงานระดับบริหาร ผ่านความเครียดมามาก และเราจะไม่ยอมตายเพื่อบริษัท เราเลือกที่จะยอมตายเพื่อครอบครัวแทน
เอาเป็นว่า สรุปลาออกมาแบบไม่มีเงินเก็บทั้ง 2 คน แถมเป็นหนี้บัตร สินเชื่อ 2 คน รวม 3 ล้าน ไม่รวมหนี้บ้าน ทุกวันนี้ชีวิตมีความสุขดี เที่ยว ตปท ทุกปีเหมือนสมัยทำงาน และลูกก็ยังเรียน inter เหมือนเดิม ไม่ย้ายออก ชีวิตมีความสุขมากๆ
1. เราออกมาค้าขาย ประเมินความสามารถที่มี ก็ขายของมีเงินพอค่าใช้จ่ายปกติ บางเดือนเหลือมากก็เก็บ บางเดือนเหลือน้อยก้เอาเงินเก็บมาหมุนก่อน
2. หนี้สินบัตรเครดิตต่างๆ เราจ่ายบ้าง บางอันยกเลิกจ่าย และเข้าสู่กระบวนการปิดหนี้แบบเจรจา ซึ่งตอนนี้หนี้ครอบครัว เหลือหนี้ 7-8 แสน บ้านก็ผ่อนปกติ แต่ไม่ได้โปะ
เราไม่วางแผนมากมาย เพียงแต่เราใส่ความสามารถเราลงไปเยอะมากกกกกกกก เราใช้ทฤษฎี ความรู้ทุกอย่าง แม้กะทั้งการจัดวางสินค้า ทุกอย่างเราใส่ความรู้ที่มีลงไปหมด ลืมบอกว่าเรามี 4 ปริญญา ความสามารถทางภาษามี และด้วยนิสัยที่หยิ่งทระนง หนักแน่น นักสู้สุดๆ ทำให้เราอดทนกับปัญหาได้มากกว่าคนอื่น เวลามีปัญหา เราสามารถคิดค้นหาทางออกได้ภายในเวลาไม่นาน และด้วยเพราะมีปัญญา ทำให้ปัญหาถูกแก้ไขได้ไปในทางที่เหมาะสม
เงินทุนเท่ากัน ถ้าคุณคิดออก คุณจะใช้มันเพื่อดูแลชีวิตคุณได้อย่างสบาย นึกคิดในเรื่องการบริหาร เช่น เรื่อง cash cycle และ return on investment เงิน 500,000 บางคนเอาไปซื้อเฟรนไชส์ บางคนทำบริษัทตัวเอง บางคนซื้อกระบะรับผักผลไม้ขาย บางคนลงหุ้น บางคนฝากกินดอกเบี้ย บางคนขายก๋วยเตี๋ยว บางคนซื้อคอนโดปล่อยเช่า คุณคิดว่าใครจะอยู่ได้นานกว่ากัน
คำถามที่คุณตั้งมา คุณควรถามตัวเอง ว่า 500,000 บาท คุณจะทำยังไงดี ที่จะเลี้ยงตัวเองได้อย่างมีความสุข สมกับที่เลือกลาออกมา
ปล. บางครั้ง บริษัทเก่า (บริษัทใหญ่รายได้ระดับพันล้าน) ก็จ้างไปเป็นที่ปรึกษาบ้าง เป็น project 3-5 แสนบาท แล้วแต่ความยากง่าย จึงขอบอกว่า ถ้าคุณมีความสามารถ อย่ากลัวอดตายค่ะ
ปล 2. ไม่ต้องสงสัยนะคะ ว่าทำไมไม่มีเงินเก็บ ก็มันวงจรมนุษย์ทำงาน มีแต่หนี้ ซื้อของเกินตัว อยากได้อะไรก็รูด บัตรเครดิตเราวงเงิน 750,000 คุณว่าหนี้เราจะน้อยมั๊ยล่ะ เราเคยมีรถป้ายแดงทีเดียว 6 คัน ทะเบียนเลขเดียวกันหมด นี่แหละสังคมมนุษย์เงินเดือน สังคมแห่งการเป็นหนี้
สมาชิกหมายเลข 751425 ขำกลิ้ง, สมาชิกหมายเลข 3206775 สยอง, สมาชิกหมายเลข 995298 สยอง, สมาชิกหมายเลข 871994 ถูกใจ, 6GR WELDER ถูกใจ, nueng_love_you ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1363890 สยอง, บุรุษผู้บีบฝีด้วยมือเปล่า ถูกใจ, ผมก็ไม่รู้ใช้ตั้งว่าชื่ออะไรดี ซึ้ง, Nymph~* ถูกใจรวมถึงอีก 2 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
มีเงินเก็บแค่ 500,000 อยากลาออกจากงาน ไปลงทุนทำอะไรดี