ถ้าพูดถึง "หมายจับ" หลายๆ คนคงคิดคล้ายๆ กันว่า อย่าได้เฉียดเข้าใกล้เลย ฉันกลัว
แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่ถูกศาลออกหมายจับนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายกรณี
ไม่เฉพาะว่าบุคคลนั้นจะต้องกระทำความผิดอาญาเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น
- ศาลสามารถออกหมายจับบุคคลในคดีแพ่งกรณีคดีฟ้องขับไล่
- ออกหมายจับบุคคลที่ได้รับหมายเรียกให้ไปเป็นพยานศาลแล้วไม่ไปตามหมายเรียก
ซึ่งทั้งสองกรณีดังกล่าวผู้ถูกออกหมายจับไม่ได้กระทำความผิดอาญาใดๆ เลย
และแทบจะไม่ค่อยพบว่ามีปัญหาในทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการออกหมายจับในกรณีนี้
เนื่องจากเป็นหมายจับที่ออกโดยอานาจหน้าที่ของศาลโดยแท้
แต่หมายจับศาลที่พบเห็นมีปัญหาในทางปฏิบัติกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย (ปัญหาออกหมายโดยมิชอบ)
ส่วนใหญ่แล้วเป็นหมายจับศาลที่ออกเพื่อจับกุมผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดกฎหมายอาญา
โดยมีผู้ร้องขอต่อศาลตั้งแต่คดีความยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของศาล
ดังนั้นการที่บุคคลใดถูกศาลออกหมายจับ เมื่อมองตามหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้นแล้ว
ยังไม่ถือว่าบุคคลนั้นเป็นผู้กระทำความผิด เป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาหรือต้องหาว่ากระทำความผิดเท่านั้น
การออกมาจับ
หมายจับที่ออกโดยศาลนั้น จริงๆ แล้ว ข้อความต่างๆ ในหมายนั้น ศาลท่านไม่ได้ร่างขึ้นเอง
แต่เป็นการร่างและพิมพ์โดยพนักงานสอบสวนเสียเป็นส่วนใหญ่ และนำไปยื่นต่อศาล เพื่อให้ศาลลงนามอนุมัติหมายจับนั้น
มีบางกรณีที่หมายจับออกจากศาลโดยตรง
โดยเป็นการร้องขอจากโจทก์ ในกรณีที่โจทก์เป็นฝ่ายฟ้องเอง
ศาลอาจมีคำสั่งไปที่โจทก์ผู้ยื่นฟ้องว่า
"รับคำฟ้องหมายส่งสำเนาให้จำเลย ให้โจทก์จัดการนำส่งภายใน 7 วัน
หากส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ส่งไม่ได้ มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง"
ในกำหนด 7 วัน ถ้าไม่สามารถนำสำเนาคำฟ้องส่งให้จำเลยได้
โดยปรากฎว่า
ไม่สามารถติดต่อ หรือไม่พบตัว หรือมีผู้รับโดยชอบ
โจทก์อาจร้องขอให้ศาลออกหมายจับได้ ด้วยสาเหตุ.....
“ถ้าบุคคลนั้นไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หรือไม่มาตามหมายเรียกหรือตามนัดโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร ให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นจะหลบหนี”
แต่ที่น่าสังเกตอย่างหนึ่ง ในกรณีที่จำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหาไม่ทราบว่าถูกดำเนินคดี
โดยเฉพาะคดีตามข้อกฎหมายที่ต้องตีความ เช่นคดี
หมิ่นประมาท
ผู้ถูกกล่าวหาอาจไม่ทราบว่าได้กระทำผิดและถูกดำเนินคดีไปแล้ว จึงไม่ได้คอยติดตามหมายเรียกตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา
และอีกเรื่องหนึ่ง คือการส่งหมายเรียก
หากไม่สามารถทำตาม ป.วิ อาญา ได้ ก็สามารถนำ ป.วิ แพ่ง มาใช้โดยอนุโลมได้
เช่นการส่งทางไปาษณีย์ลงทะเบียน หรือการสอบถามจากนายทะเบียนท้องถิ่น ฯลฯ เป็นต้น
หมายจับ
แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่ถูกศาลออกหมายจับนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายกรณี
ไม่เฉพาะว่าบุคคลนั้นจะต้องกระทำความผิดอาญาเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น
- ศาลสามารถออกหมายจับบุคคลในคดีแพ่งกรณีคดีฟ้องขับไล่
- ออกหมายจับบุคคลที่ได้รับหมายเรียกให้ไปเป็นพยานศาลแล้วไม่ไปตามหมายเรียก
ซึ่งทั้งสองกรณีดังกล่าวผู้ถูกออกหมายจับไม่ได้กระทำความผิดอาญาใดๆ เลย
และแทบจะไม่ค่อยพบว่ามีปัญหาในทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการออกหมายจับในกรณีนี้
เนื่องจากเป็นหมายจับที่ออกโดยอานาจหน้าที่ของศาลโดยแท้
แต่หมายจับศาลที่พบเห็นมีปัญหาในทางปฏิบัติกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย (ปัญหาออกหมายโดยมิชอบ)
ส่วนใหญ่แล้วเป็นหมายจับศาลที่ออกเพื่อจับกุมผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดกฎหมายอาญา
โดยมีผู้ร้องขอต่อศาลตั้งแต่คดีความยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของศาล
ดังนั้นการที่บุคคลใดถูกศาลออกหมายจับ เมื่อมองตามหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้นแล้ว
ยังไม่ถือว่าบุคคลนั้นเป็นผู้กระทำความผิด เป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาหรือต้องหาว่ากระทำความผิดเท่านั้น
การออกมาจับ
หมายจับที่ออกโดยศาลนั้น จริงๆ แล้ว ข้อความต่างๆ ในหมายนั้น ศาลท่านไม่ได้ร่างขึ้นเอง
แต่เป็นการร่างและพิมพ์โดยพนักงานสอบสวนเสียเป็นส่วนใหญ่ และนำไปยื่นต่อศาล เพื่อให้ศาลลงนามอนุมัติหมายจับนั้น
มีบางกรณีที่หมายจับออกจากศาลโดยตรง
โดยเป็นการร้องขอจากโจทก์ ในกรณีที่โจทก์เป็นฝ่ายฟ้องเอง
ศาลอาจมีคำสั่งไปที่โจทก์ผู้ยื่นฟ้องว่า
"รับคำฟ้องหมายส่งสำเนาให้จำเลย ให้โจทก์จัดการนำส่งภายใน 7 วัน
หากส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ส่งไม่ได้ มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง"
ในกำหนด 7 วัน ถ้าไม่สามารถนำสำเนาคำฟ้องส่งให้จำเลยได้
โดยปรากฎว่า ไม่สามารถติดต่อ หรือไม่พบตัว หรือมีผู้รับโดยชอบ
โจทก์อาจร้องขอให้ศาลออกหมายจับได้ ด้วยสาเหตุ.....
“ถ้าบุคคลนั้นไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หรือไม่มาตามหมายเรียกหรือตามนัดโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร ให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นจะหลบหนี”
แต่ที่น่าสังเกตอย่างหนึ่ง ในกรณีที่จำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหาไม่ทราบว่าถูกดำเนินคดี
โดยเฉพาะคดีตามข้อกฎหมายที่ต้องตีความ เช่นคดี หมิ่นประมาท
ผู้ถูกกล่าวหาอาจไม่ทราบว่าได้กระทำผิดและถูกดำเนินคดีไปแล้ว จึงไม่ได้คอยติดตามหมายเรียกตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา
และอีกเรื่องหนึ่ง คือการส่งหมายเรียก
หากไม่สามารถทำตาม ป.วิ อาญา ได้ ก็สามารถนำ ป.วิ แพ่ง มาใช้โดยอนุโลมได้
เช่นการส่งทางไปาษณีย์ลงทะเบียน หรือการสอบถามจากนายทะเบียนท้องถิ่น ฯลฯ เป็นต้น