[รีวิว] การขอวีซ่าเยี่ยมเยียนเชงเก้น สถานทูตเยอรมัน 2018

สวัสดีค่ะทุกท่าน พอดีเพิ่งจะไปรับวีซ่ามาสดๆร้อนๆ เลยอยากจะมาเล่า/แนะนำให้เพื่อนๆท่านอื่นที่อาจจะมีแพลนไปขอวีซ่าอยู่ค่ะ
ก่อนอื่นขอออกตัวว่าไม่ใช่กูรูวีซ่า และนี่คือการขอเป็นครั้งแรกนะคะ ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมส่วนไหน แนะนำได้เลยนะคะ

ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ
เรามีแฟนเป็นคนเยอรมันค่ะ ทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่ไทย รู้จักกันมาประมาณหนึ่งปีค่ะ
เราวางแผนกันว่าจะเดินทางไปเยอรมันเพื่อไปเยี่ยมครอบครัวของแฟนในวันที่ 18 พ.ค. 2018 ถึงวันที่ 2 มิ.ย. 2018
การพักอาศัย จะอยู่ที่บ้านของพ่อและแม่แฟน (ซึ่งพ่อและแม่อยู่คนละเมืองกัน)
และส่วนหนึ่งของทริป จะเดินทางไปปารีสด้วย (อันนี้จะอยู่ airbnb ค่ะ)

อันดับแรกเราควรจะนัดวันขอวีซ่าก่อนนะคะ
การนัดขอวีซ่าสามารถทำได้ไม่เกิน 3 เดือนก่อนเดินทาง ซึ่งในกรณีนี้เรานัดวันที่ 20 ก.พ. 2018 (เกือบ 3 เดือนเป๊ะ)
ตอนนี้สถานทูตเยอรมันให้นัดได้ทางออนไลน์เท่านั้นนะคะ ตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ
https://service2.diplo.de/rktermin/extern/choose_realmList.do?locationCode=bangk&request_locale=en

หลังจากที่เลือกเวลาและวันที่ต้องการนัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ก็จะได้รับอีเมลยืนยันจากสถานทูต
ส่วนตัวเราได้รับหลังจากกดนัดประมาณ 2-3 นาทีค่ะ เร็วมากๆ
อย่าลืมปริ้นอีเมลนั้นออกมาด้วยนะคะ เพราะเราต้องเอาไปยื่นให้เขาวันที่เข้าไปด้วย

ต่อมา เรื่องการเตรียมเอกสารนะคะ ขั้นตอนนี้อาจจะยุ่งยากนิดนึง เพราะมีหลายอย่างที่ต้องเตรียม
ทางเวปไซต์ของสถานทูตจะมีบอกอยู่นะคะ ว่าเขาต้องการเอกสารอะไรบ้าง
http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/02/01-Visa/Besuchsvisum.html
เราจะเล่าทีละอย่างนะคะ สำหรับสิ่งที่เราเตรียม

1. Cover Letter - ในเวปไซต์ไม่ได้บอกค่ะว่าต้องมี แต่เราคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากว่าเป็นการเล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่าเราเป็นใคร จะไปทำอะไรที่ไหน ซึ่งอาจจะมองได้ว่าเหมือนกับ Cover Letter เวลาเราสมัครงาน ทำให้เขาได้รู้จักเราก่อนที่จะพลิกดูรายละเอียดในเอกสารอื่นๆที่แนบมา
สิ่งที่ควรเขียนใน Cover Letter มีดังนี้นะคะ
- ชื่อ, เลขพาสปอร์ต
- จะเดินทางไปประเทศไหน วันที่เท่าไหร่
- ทำไมเราถึงขอวีซ่าจากสถานทูตนี้ (เหตุผลของเราคือ เราไปเยอรมัน ฝรั่งเศส แต่อยู่เยอรมันนานสุด และบินเข้าออกจากเยอรมัน)
- จุดประสงค์ของการเดินทาง (ไปเยี่ยมครอบครัวแฟน)
- เล่าความสัมพันธ์กับแฟนค่ะ แฟนเป็นใคร ทำอะไรอยู่ที่ไทย คบกันมานานแค่ไหน ไม่ต้องยาวมากนะคะ เอาแค่สาระสำคัญก็พอ แล้วก็บอกว่าเรามีจดหมาย sponsor จากแฟนแนบมาด้วย -- เรื่อง sponsor เดี๋ยวเราเล่าแบบละเอียดด้านล่างนะคะ
- ค่าใช้จ่าย แฟนรับผิดชอบส่วนไหนบ้าง เราจ่ายเองส่วนไหนบ้าง (ของเรามีบอกด้วยว่าแม่แฟนส่งจดหมายมาเชิญ และจะให้อาศัยอยู่ด้วยที่บ้าน แล้วก็บอกด้วยค่ะว่าเราแนบจดหมายเชิญของแม่มาด้วย)
- แผนการเดินทางคร่าวๆ ทำเป็นตารางก็ดีค่ะ ว่าวันไหนถึงวันไหนอยู่ที่เมืองอะไร เป็นจำนวนกี่วัน (แผนการเดินทางแบบละเอียด ต้องแนบแยกอีกอันค่ะ)
- หน้าที่การงานของเรา เป็นการยืนยันว่าเรากลับมาไทยชัวร์เพื่อมาทำงานต่อ
  (** สำหรับเรา กรณีนี้ค่อนข้าง tricky ค่ะ เพราะว่าเราเป็นนักศึกษาอยู่ และตอนที่เดินทางคือตอนสอบเสร็จเรียนจบพอดี เราก็เขียนไปว่าเรียนอะไรอยู่ที่ไหน จบตอนไหน รับปริญญาเมื่อไหร่ มีความตั้งใจว่าเที่ยวเสร็จแล้วจะกลับมาทำงานต่อทันที แล้วเราบอกด้วยว่าเราแนบอีเมล conversation ของเรากับ recruiter มาด้วยนะ ซึ่งอันนี้เรามีอยู่แล้วค่ะ เคยมีพวก HR, recruiter ส่งอีเมลกับเมสเสจบน linkedin มา เราก็ตอบไป แล้วก็ปริ้น screenshot เอามาแนบ)
- list เอกสารว่าเราแนบอะไรมาบ้าง เรียงลำดับ 1,2,3,...
- สุดท้ายก็ประโยคจบสวยๆค่ะ แล้วก็เซ็นชื่อ ของเราเขียนว่า
"I trust that you will find that everything is in order. For any questions or clarifications, please do not hesitate to contact me anytime.
Thank you very much for your time. I hope for a favorable response for my visa application."

2. พาสปอร์ต
- อันนี้ก็ไม่มีอะไรค่ะ พาสปอร์ตปัจจุบันที่ยังเหลือที่ว่างไม่ต่ำกว่า 2 หน้า (ถ่ายสำเนาไปด้วย 1 ฉบับนะคะ และเซ็นกำกับ)

3. รูปถ่ายแบบไบโอเมตริก 2 ใบ
- ใบหนึ่งติดบนใบสมัคร อีกใบเขียนชื่อ นามสกุลและเลขพาสปอร์ตด้านหลัง ยื่นไปด้วยกัน
(ไปถ่ายตามร้านได้เลยค่ะ บอกเขาว่าสำหรับยื่นวีซ่าเชงเก้น ประเทศเยอรมัน ถ้าไม่แน่ใจ เปิดตัวอย่างในเวปสถานทูคให้ร้านดูได้ค่ะ รูปออกมาจะหน้าใหญ่ๆหน่อยนะคะ)

5. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าเชงเกนที่กรอกข้อความครบถ้วน 1 ฉบับ
http://videx.diplo.de/
- อันนี้ต้องกรอกออนไลน์นะคะ แล้วก็ปริ้นออกมา ถ้าเริ่มกรอกแล้ว กรอกไม่เสร็จ สามารถ save เก็บไว้กรอกต่อทีหลังได้ค่ะ

6. ลงนามรับทราบข้อกำหนดตามกฎหมายการพานักในเยอรมนีมาตรา 54 ข้อ 6 และมาตรา 55
http://www.bangkok.diplo.de/contentblob/3762722/Daten/6237536/SchengenBelehrung.pdf
- อันนี้ต้องปริ้นออกมาแล้วเซ็นนะคะ ด้านบนเป็นภาษาเยอรมัน ด้านล่างเป็นภาษาอังกฤษ Ort, Datum คือ Place, Time นะคะ เขียนเหมือนกันได้เลย และ Unterschrift กับ Signature ก็คือลายเซ็นค่ะ เซ็นทั้งสองที่ได้เลย

7. Letter of Sponsorship ที่แฟนเขียน
- รายละเอียดในจดหมายก็จะมีชื่อ ที่ทำงาน ความสัมพันธ์กับเรา ความประสงค์จะเชิญเราไปเยี่ยมครอบครัวที่เยอรมัน ค่าใช้จ่ายของเราส่วนที่แฟนจะรับผิดชอบ และมีการบอกด้วยว่าจะกลับมาไทยหลังจากทริปทั้งคู่ แฟนกลับมาทำงานต่อและเราก็กลับมาเริ่มทำงาน
- สิ่งที่แนบไปกับ Sponsorship Letter ก็จะมีสำเนาพาสปอร์ตแฟน work permitของแฟน และ หลักฐานการเงินของแฟนค่ะ
- หลักฐานการเงินของแฟนคือ 6 Month Statement และ Bank Guarantee อย่างหลังนี้เราไม่แน่ใจนะคะว่าแต่ละธนาคารเรียกว่าอะไร แต่ตอนเราไปขอที่ธนาคารกรุงเทพ เราบอกว่าขอใบรับรองฐานะการเงิน
** ข้อแตกต่างของ Statement และ Bank Guarantee
    Statement : แสดงให้เห็น transaction ทุกอันที่เกิดขึ้นภายในเวลา 6 เดือน โอน/ถอนออกไปวันไหน เงินเข้ามาในบัญชีเมื่อไหร่ etc.
    Bank Guarantee : เป็นเอกสารหนึ่งใบ แจ้งว่าในวันที่ขอ เรามียอดเงินในบัญชีเท่าไหร่ ในแบบฟอร์มที่เรากรอกให้ธนาคาร เราจะต้องเขียนว่าจดหมายนี้
    ถึงใคร ซึ่งในกรณีก็คือ The Embassy of The Federal Republic of Germany ในเอกสารที่ธนาคารออกมาให้ก็จะจ่าหน้าแบบนี้ค่ะ

8. หลักฐานแสดงความสัมพันธ์กับแฟน
- อันนี้เราเลือกที่จะแสดงหลักฐานความเชื่อมโยงกับแฟนค่ะ เราปริ้นกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น ซึ่งในกระดาษนี้มีรูปเรากับแฟน 1 รูป และบทสนทนา whatsapp เป็น screenshot 3 อัน อันแรกคือมีวันที่ให้เห็นว่าเรารู้จักกับแฟนมาตั้งแต่ช่วงเวลาที่บอกไปใน Cover Letter ส่วนอันที่สองและสามคือบทสนทนาเกี่ยวกับทริปไปเยอรมันที่วางแผนกันไว้

9. Invitation Letter จากแม่แฟน
- ในจดหมายก็เขียนว่าแม่แฟนเชิญเราและแฟนไปเยอรมันวันที่ 18 พ.ค. 2018 ถึงวันที่ 2 มิ.ย. 2018 และจะให้พักอยู่บ้านแม่ที่ Hannover วันที่ 28-31 พ.ค. (พักที่บ้านแม่แค่ช่วงนี้ เพราะวันอื่นอยู่ Berlin และ Paris)
- สิ่งที่แนบ Invitation Letter ก็คือสำเนาพาสปอร์ตของแม่ค่ะ
(จริงๆแล้วเราจะไปพักที่บ้านของพ่อแฟนที่ Berlin ด้วยค่ะ แต่เนื่องจากว่าตอนที่เตรียมเอกสาร พ่อไม่ได้อยู่ในเมืองและไม่สะดวกที่จะเขียนจดหมายเชิญให้ได้ เราจึงไม่ได้มีการเอ่ยถึงพ่อแฟนเลย)

10. ใบจองโรงแรม
- อันนี้เราจองผ่าน Booking.com สำหรับวันที่อยู่ใน Berlin และ Paris เพื่อการใช้ยื่นวีซ่าเท่านั้น แล้วเรามายกเลิกที่หลังค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปคือเราจะอยู่ที่บ้านพ่อแฟนใน Berlin และสำหรับ Paris เราตั้งใจจะเช่า Airbnb ค่ะ เพราะโรงแรมแพงมาก)

11. รายละเอียดการเดินทาง
- อันนี้เราทำเป็นตารางอีกค่ะ ในตารางมี 3 ช่องก็คือ Date, Activity และ Location เราเขียนว่าในแต่ละวันเราอยากจะไปเยี่ยมชมสถานที่ใดบ้าง เช่น วันที่
23 May 2018 กิจกรรมคือ Visit Bebelplatz, Französischer Dom สถานที่คือ Berlin ประมาณนี้ค่ะ และบางวันก็จะไปเยี่ยมครอบครัวของแฟน

12. ใบจองตั๋วเครื่องบิน
- จริงๆแล้วในเวปไซต์สถานทูตจะบอกนะคะว่าถ้าเป็นวีซ่าเยี่ยมเยียน ไม่จำเป็นต้องมีใบจองตั๋วเครื่องบินก็ได้ แต่เนื่องจากตอนแรกเราสับสนค่ะ ไม่แน่ใจว่าจะต้องยื่นวีซ่าเยี่ยมเยียนหรือวีซ่าท่องเที่ยว เราก็เลยให้เอเจนซี่ทำการจองตั๋วไปให้ก่อน
- สำหรับการจองตั๋วเครื่องบินนะคะ จากที่เราศึกษามาทำได้สองแบบคือ จองผ่านเอเจนซี่แล้วเสียเงินไม่กี่ร้อย หลังจากนั้นเราจะซื้อหรือไม่ซื้อตั๋วกับเอเจนซี่ก็ได้ เรามีเอเจนซี่ที่รู้จัก จ่ายไปเพียง 500 บาทเองค่ะ ส่วนแบบที่สองคือ จองผ่านเวปสายการบิน KLM พอเข้าไปที่เวปเราก็ทำตามขั้นตอนเหมือนซื้อตั๋วปกติเลยค่ะ แต่พอถึงขั้นตอนจ่ายตังก็ให้เลือกจ่ายโดยการโอนเงินธนาคาร แล้วเราก็จะได้ใบให้ปริ้นออกมา แล้วก็เอาไปยื่นสถานทูตได้ ซึ่งหลังจากนั้นเราจะไปจ่ายหรือไม่จ่ายก็ได้
- เราเลือกที่จะจองผ่านเอเจนซี่ ให้เขาจอง Lufthansa เพราะเราคิดว่าตั๋วเครื่องบินของ KLM น่าจะค่อนข้างแพง มันอาจจะดูขัดกับหลักฐานฐานะการเงินของเราและแฟนค่ะ (เราคิดว่าเรากับแฟนอาจจะมี look แบบ budget traveler คิดไปนั่น)

13. หลักฐานการเงินของตัวเอง
- เราศึกษามาจาก source อื่นๆว่าวีซ่าเยี่ยมเยียนนั้นเขาดูการเงินของสปอนเซอร์หรือผู้เชิญเป็นหลัก แต่ในเวปไซต์สถานทูตมีเขียนไว้ว่า
" หลักฐานการเงินส่วนตัวอาจต้องยื่นแสดงด้วย ในกรณีที่สถานะทำงกำรเงินของผู้เชิญของท่านในหนังสือรับรองค่าใช้จ่ำยไม่เป็นที่น่าเชื่อถือหรือพิสูจน์ไม่ได้" เราก็เลยคิดว่าควรจะยื่นหลักฐานของตัวเองไปด้วย
- เราแนบ 6 Month Statement ของตัวเองไปด้วยค่ะ แต่ไม่ได้แนบ Bank Guarantee
** ในส่วนของหลักฐานการเงินนี้ เรามีข้อติดขัดนิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวจะเล่าในช่วงถัดไปตอนไปยื่นนะคะ

14. หลักฐานการเป็นนิสิต และ การยืนยันว่าเราจะกลับมาไทยแน่นอน
- อันนี้อย่างที่บอกไปตอนแรกในข้อ 1 นะคะ ว่าเราเรียนอยู่และจะไปตอนสอบเสร็จพอดี เราจึงไม่มีหลักฐานการทำงานยื่น ซึ่งตอนที่เราเดินทางนั้น เราก็จะว่างงาน
- เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราแนบไปในส่วนนี้ เพื่อการันตีว่าเรากลับมาทำงานที่ไทยแน่นอนก็คือ
    1. Certificate of Enrollment ที่ขอจากมหาวิทยาลัย เป็นภาษาอังกฤษ ในใบก็จะมีชื่อเรา รหัสนิสิต ปีที่เข้าเรียน ปีการศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ และปีที่คาดว่าจะจบการศึกษาค่ะ
    2. Conversation กับ recruiter ค่ะ อันนี้เราแนบไปสองอัน คือ อีเมลที่คุยกันกับเจ้าหนึ่ง และ message ใน LinkedIn กับอีกเจ้าหนึ่ง เนื้อหาก็คือ recruiter สอบถามว่าเรากำลัง looking for a job opportunity ไหม มี job นี้ที่เขากำลัง recruit อยู่ เราสนใจไหม เราก็ตอบไปว่า สนใจแต่ว่าตอนนี้เรียนอยู่ กำลังจะจบเดือนพฤษภาคม recruiter ก็ตอบประมาณว่า เดี๋ยวเขาจะติดต่อมาอีกทีเดือนพฤษภาคม ให้เราส่ง resume ให้เขาไว้ก่อน
ประมาณนี้ค่ะ

15. หลักฐานการประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ
-
http://www.bangkok.diplo.de/contentblob/528222/Daten/7777066/Krankenversicherung.pdf
ในลิ้งค์นี้จะบอกนะคะว่าบริษัทประกันไหนบ้างที่ทางสถานทูตยอมรับ เวลาเรากดเข้าไปซื้อตามเวปไซต์ของบริษัทต่างๆ จะมีประกันให้เลือกหลายแบบ ดูให้แน่ใจนะคะว่าวงเงินคุ้มกันเกิน 30,000 ยูโร หรือประมาณ 1,162,129 บาท และรวมบริการนำตัวกลับประเทศไทยในกรณีเจ็บป่วย
- ของเราซื้อ Cigna ค่ะ ราคาประมาณ 1,700 บาท

ทั้งหมดนี้ก็คือเอกสารทั้งหมดที่เราเตรียมไปยื่นขอวีซ่านะคะ
ในตอนต่อไปจะมาเล่าให้ฟังวันที่เราเข้าไปยื่นค่ะ

มีข้อสงสัยตรงไหน สอบถามได้เลยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่