พญานาค

ไม่ได้เป็นเรื่องที่เจอกับตัวเองนะคะ แต่เรื่องนี้เจ้าของเรื่องเขาเขียนเล่าไว้ในหนังสือประสบการณ์ผีเล่มนึง


ตอนนั้นเราไปเที่ยวประจวบฯ กับเพื่อนที่มหาลัยตอนปิดเทอมซัมเมอร์  ประมาณ 10 ปีแระ จำได้ลาง ๆ ขอยืมคนนั่งข้าง ๆ บนรถทัวร์อ่าน เพราะนอนไม่หลับ....

ผมเป็นคนกรุงเทพฯ ตอนนั้นชีวิตผมแย่มาก ผมตกงาน และยังมาทะเลาะกับเมียจนต้องเลิกลากันไป ผมเคว้งมากตอนนั้นไม่รู้จะไปทางไหน ก็เลยว่าจะลองไปสมัครเป็นตังเกเปนลูกเรือช่วยเขาหาปลา แถบระยองดู เพราะเหลือตัวคนเดียว พอไปถึงผมก็ลองไปสมัครงานกับเถ้าแก่ที่ๆนึง เขาก็ตกลงให้ผมทำเลยเพราะขาดคน และบอกว่าจะออกหาปลากันคืนนี้ ให้ผมเตรียมตัวไว้

เสบียงพร้อม คืนนั้นพวกเราก็ออกหาปลากัน  มีลูกเรือทั้งหมด 4 คน รวมผมและหัวหน้า 1 ซึ่งจะกลับเข้าฝั่งก็คงอีก 2-3 วันข้างหน้า เหตุการณ์ก็เป็นไปตามปกติ ระหว่างล่องเรือจะไปยังที่หมาย อากาศคืนนั้นก็ปกติ ไม่ส่อเค้าว่าจะมีพายุ ล่องเรือไปได้สักพัก ก็เกิดพายุหนัก หัวหน้าบอกพวกเราว่าอย่าออกไปนอกเรือให้อยู่ในห้อง เป็นห้องที่นอนพักแต่ไม่กว้างนัก พวกเราก็อยู่ในนั้นตลอดแต่พายุแรงมาก จนเรือไม่สามารถไปต่อได้ก็แตก ทุกคนหลุดออกมาจากห้องและกระจัดกระจายไปคนละทาง เพราะพายุแรงมาก มองไปรอบ ๆ กลางทะเลไม่เหนใคร ผมว่ายน้ำไม่ยอมหยุด หวังจะเจอเพื่อนที่รอดชีวิต แม้รอบตัวจะเจอแต่ความมืดก้ตาม สักพักผมก้เจอไม้กระดานท่อนนึง ที่แตกมาจากเรือ ผมรีบคว้าไว้ ใจคิดว่าเปนตายยังไงก้จะไม่ยอมปล่อยท่อนไม้ท่อนนี้แน่ แล้วผมก้ว่ายน้ำโดยอาศัยเกาะไม้กระดานนี้ไปตลอดคืน เหนื่อยมาก จนกระทั่งว่ายไปเจอเกาะ ๆ นึง ผมก้หมดแรงสลบ

คนที่เกาะนั้นเขาพาผมไปนอนพักรักษาตัวที่ถ้ำแห่งหนึ่ง เป็นเกาะที่สะอาดมาก ระหว่างที่ผมนอนรักษาตัวที่นี่ จะมีผู้หญิงและผู้ชายคู่นึงมาดูแลผม เอาอาหารมาให้ผมกินทุกวัน เป็นปลาทุกมื้อ แต่ไม่เคยพูดกับผม มาเป็นเวลา และก็กลับออกไป ผมจำไม่ได้ว่าอยู่กับเขานานแค่ไหน อาจจะสักอาทิตย์กว่า ผมเริ่มดีขึ้นจนสามารถลุกเดินได้ ก็ลุกขึ้นมาดูสภาพแวดล้อมในถ้ำ

ในถ้ำนี้สะอาดมาก มีพระพุทธรูปองค์นึงอยู่ในนี้ด้วยองค์ไม่ใหญ่มากเป็นหินอ่อนและเป็นสีฟ้าอ่อน ๆ คนที่นี่ให้ความเคารพเป็นอย่างมาก ผู้ชายจะเอาดอกไม้มาถวายท่านทุกวัน มีธารน้ำเล็ก ๆ อยู่ในถ้ำด้วย แต่ไม่รู้ว่าไหลไปสุดที่ไหนเพราะผมไม่ได้เดินไปดู คนที่นี่แต่งตัวแบบชาวบ้านทั่วไปแต่ที่น่าแปลกคือ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะมีดอกไม้ทัดอยู่ที่หูทุกคน ผมเบื่อก็เดินออกไปข้างนอกถ้ำ ก็เป็นเกาะธรรมดา มีทรายสีขาวเหมือนชายหาดทั่วไป ความสะอาดก็เหมือนในถ้ำไม่แตกต่างกัน ผมจำได้ว่าวันแรกที่มา มีผู้ใหญ่บ้านและลูกบ้านพอสมควรมาต้อนรับผมด้วย ผู้ใหญ่บ้านมาแนะนำตัวกับผมว่าเขาคอยดูแลที่นี่อยู่ พักมาจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่เคยเจอผู้ใหญ่บ้านอีกเลย เดินไปเรื่อย ๆ ก็เห็นคน 2 คน กำลังจับปลากันอยู่ สังเกตุดูเขาจับปลากันเก่งมาก จับทุกครั้งก็ได้ปลาขึ้นมาทุกครั้ง ทั้งที่เป็นการจับปลาด้วยมือเปล่า พอเขาเห็นผม เขาก็เลิกจับและเดินไป เขาเดินกันเร็วมาก แป๊ปนึงก็หายไป ทั้ง ๆ ที่ผมก็ตามเขาไปติด ๆ ไม่รู้เขาหายไปทางไหน

วันต่อมาผมก็เดินตามหาผู้ใหญ่บ้านอีก ก็ยังไม่เจอ น่าแปลกพวกเขาหายไปไหนกัน บ้านเรือนก็ไม่มีตั้งบนเกาะนี้เลย จะเห็นก็แต่ลูกบ้าน 2 คนที่เอาอาหารมาให้ผมกินทุกวัน ซึ่งก็มาเป็นเวลา นอกเหนือจากนั้นผมก็ไม่เคยเจอเขาเลย ถ้าเป็นเวลาอื่น อาหารก็เป็นปลาซึ่งถูกเผาเหมือนเดิมทุกมื้อ ผมคิดจะถามเขาด้วยว่ามีอย่างอื่นไหม ผมเบื่อปลามากเลย แต่ก็ไม่กล้าถาม จนวันสุดท้ายที่เขาเอาอาหารมาให้ผมตามปกติ ผมก็ตัดสินใจพูดกับผู้หญิงว่า ผมอยากกลับบ้าน ผมหายดีแล้ว ท่าทางเขาดูตกใจ หันหน้าไปทางผู้ชายที่ำกำลังเปลี่ยนดอกไม้หน้าพระอยู่ ซึ่งก็หันมามองผู้หญิงเหมือนกัน และเขาก็ไปคุยอะไรกันก็ไม่รู้ และก็หายออกไป

พอวันต่อมาผู้หญิงที่ผมบอกเขาเมื่อวานก็เอาอาหารมาให้ผมปกติแต่ผู้ชายไม่มา เธอพูดกับผมว่า เวลาเท่านี้ตอนสาย ๆ พวกของคุณที่ออกหาปลาด้วยกันจะมารับคุณ ให้เตรียมตัวไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคุยกับผม ผมก็นึกแปลกใจว่าเขารู้ได้ไง คงจะโกหก ให้ผมดีใจ

พอได้เวลา พวกที่ออกหาปลารวมหัวหน้าผมทั้ง 3 คนก็มารับผมตรงตามเวลาที่เขาบอกไว่พอดี มันน่าแปลกที่ทำไมเขาสามารถรู้เวลาที่แน่นอน ในวันนี้ผมได้พบผู้ใหญ่บ้าน และลูกบ้านเหมือนวันแรกที่ผมพบด้วย ผมอยู่มาหลายวันไม่เคยเห็นพวกเขาเลย เขาหายไปอยู่ไหนกัน เกาะก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก

ผู้ใหญ่บ้านอัธยาศัยดีมาก พูดกับผมอยู่คนเดียว แต่คนอื่นไม่พูด คนที่นี่ดูเชื่อฟังผู้ใหญ่บ้านมาก ถึงเวลาผมก็ลาเขาขึ้นเรือ ผู้ใหญ่บ้านพูดบอกผมว่าจะให้ลูกบ้านไปส่งผมให้ถึงฝั่งทางโน้น ใจผมอยากจะปฏิเสธเพราะรู้สึกเกรงใจ เขาดูแลผมมาหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่ได้ขัด ระหว่างที่เรือแล่นออกจากเกาะ ผมก็หันไปมองพวกเขา ใจผมก็ว่าคนที่นี่แปลก และผมก็หันมามองลูกบ้านเขาที่มาส่งผม ผู้ชายคนนี้ก็แปลกด้วย ซึ่งตอนนี้เขาขึ้นไปนั่งบนหัวเรือเอาเท้าห้อยลงไป แบบไม่กลัวตกเลย ซึ่งอันตรายมาก ผมเห็นก็ตกใจ เพราะเรือแล่นเร็ว คนธรรมดาคงจะไม่กล้านั่งแบบนี้แน่ แต่เขาก็นั่งเฉย

เรือแล่นใช้เวลาไปฝั่งโน้นเกือบครึ่งวัน ผมก็แวะมาดูเขาบ่อย ๆ เขาก็ยังนั่งเฉยที่หัวเรือ พอเข้าช่วง สายมาก ๆ แดดกลางทะเลจะร้อนมาก เขาก็นั่งเฉย มองไปที่น้ำและอาหารที่ผมเอามาวางไว้ให้เขาข้าง ๆ  เขาไม่แตะต้องเลย ผมก็กลัวเขาจะป่วย แต่เขาเหมือนไม่รู้สึกอะไร ชวนเขามานั่งข้างในเขาก็ส่ายหน้าไม่มา ผมเข้ามาพักจนเผลอหลับ ตื่นไปดูเขาก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน อยู่เกือบครึ่งวัน ผมก็แอบดูเขาอยู่อย่างนั้นตลอด

พอเรือเข้าเขตฝั่งที่ผมออกไปหาปลา ไม่ไกลนัก ผมสาบานได้ว่าผมเห็น ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่แค่แปปนึง ก่อนจะกลับเป็นสีขาว และเขาก็ค่อย ๆ เอนตัวลงทะเลไป ผมตกใจมากรีบวิ่งไปดูจะช่วยเขา ใจคิดว่าเขาเป็นลมแดดแน่ เพราะนั่งอยู่นานมาก แต่ภาพที่ผมเห็นมันไม่ใช่ ผมเห็นเป็นพญานาค สีเขียวตัวใหญ่ยาว ว่ายน้ำอยู่ใต้ท้องเรือ แบบชัดเจน เหมือนตั้งใจจะให้ผมเห็นร่างที่แท้จริงของเขา เขาว่ายอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนจะดำลึกลงไป ผมดูเขาอยู่อย่างนั้นจนเขาหายลับไป คงแน่ใจว่าผมปลอดภัยแล้ว และคงจะกลับไปที่เกาะนั้น ผมตะลึงกับสิ่งที่เห็นจนเพื่อนต้องมาจับตัวว่าผมไว้ เพราะผมดูเขาจนสุดตัว เหมือนจะตกลงไปด้วย ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะหาที่พักที่ไหนสักแห่งและพรุ่งนี้ค่อยนั่งเรือจากฝั่งโน้นกลับ ใครจะคิดว่าเขาจะไปแบบนี้ เพื่อนผมถามว่าผู้ชายคนนั้นไปไหน ผมก็ได้แต่สั่นหน้าและบอกว่าเขากลับไปแล้ว เพื่อนผมคงงง แต่ผมก็ไม่เล่าต่อ ถ้าเล่าใครจะเชื่อ ว่าผมเห็นพญานาค

ระหว่างทางที่อยู่ในเรือผมถามเพื่อนและหัวหน้าผมว่า เขาไปอยู่ไหนกัน หลังเกิดพายุ และเรือทำไมยังอยู่เหมือนเดิม มันแตกไปแล้วไม่ใช่หรอ แต่เขากลับทำหน้างง และถามว่าพายุอะไร เขาบอกว่า แล่นเรือมาสักพักผมก็ตกน้ำหายไป หายังไงก็ไม่เจอ จนมาพบวันนี้ (เขาไม่ได้เล่าว่าใครติดต่อให้ไปรับ) ผมก็งง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม หรือเกิดกับผมแค่คนเดียว

พอเรือถึงฝั่ง ผมขอเถ้าแก่ดูแผนที่ประเทศไทย ของจังหวัดระยอง ซึ่งผมจำได้ว่ามันควรจะอยู่ตรงไหน แต่ในแผนที่ไม่มีเกาะนี้ที่ผมเคยอาศัยอยู่กับเขา บอกไว้ในแผนที่ประเทศไทยหรือในโลกเลย ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่