มาถึงภาค 3 แล้ว สำหรับตำนานไซอิ๋ว ซีรี่ย์ The Monkey King เวอร์ชั่นทำใหม่ที่ผมชอบที่สุด ในภาคแรกเนี่ย ภาคกำเนิดราชาวานรที่ ดอนนี่ เยน ทำไว้โคตรดีจนกลายเป็นหนังไซอิ๋วที่เจ๋งที่สุดในความคิดผม พอมาภาค 2 ดอนนี่ เยน ไม่เล่น เปลี่ยนตัว ซุนหงอคง เป็น กัวฟู่เฉิง แทน ก็พอถูไถ แต่ได้ตรงความเป็นแอ็คชั่นแฟนตาซีที่เจ๋ง ก็เลยยังโอเคอยู่ มาถึงภาคสามภาคนี้ก็หวังว่าจะยังคงความแอ็คชั่นแฟนตาซีไว้ แต่...

การผจญภัยได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เมื่อคณะอัญเชิญพระไตรปิฎกของพระถังซัมจั๋งและศิษย์ทั้งสาม คือ ซุนหงอคง ตือโป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง ได้หลงเข้าไปในเมืองแห่งแม่ม่าย ที่มีแต่ผู้หญิง แต่เรื่องราวกลับวุ่นวาย เมื่อพระถังซัมจั๋ง ดันไปมีความรักกับเจ้าครองเมืองแม่ม่ายแห่งนี้ ที่นี้จะเป็นยังไงล่ะ

ตอนเปิดเรื่องมาอ่ะนะ หนังก็มาเป็นแอ็คชั่นแฟนตาซีแบบดูน่าตื่นเต้นน่าติดตามเลยล่ะ CG จัดมาเต็มแบบตื่นตาตื่นใจ จนเข้าสู่เรื่องราวของเมืองแม่ม่าย หนังก็เริ่มเบาความเป็นแฟนตาซีลงไป หนังพยายามปูความสัมพันธ์ของเจ้าเมืองและพระถังที่ดันไปปิ๊งรักกันจนยืดยาว เรียกว่าลืมความเป็นแอ็คชั่นแฟนตาซีไปหมด คงเพราะอยากจะให้คนดูอินกับความรักของทั้งคู่ล่ะมั๊ง

จริงๆ หนังมันไม่ยาวด้วยซ้ำ แต่ทำไมช่วงกลางเรื่องผมถึงรู้สึกเบื่อและง่วงนอนมากๆ ก็ไม่รู้ คงเป็นเพราะว่าด้วยความเป็นจุดขายของไซอิ๋ว มันควรจะเป็นหนัง adventure action fantasy มากกว่าหนังรักโรแมนติคมั๊ง เลยทำให้ผมไม่อินเอาซะเลย จะมาสนุกก็ตอนท้ายเรื่องที่เริ่มมีการต่อสู้กับเทพแห่งมหาสมุทรอยู่ประมาณ 15 นาทีท้าย แค่นั้นเอง

ข้อดีของหนังแน่นอนเรื่องของ CG มาเต็มสูบทั้งเรื่อง ตั้งแต่ต้นเรื่องฉากเรือ มาจนฉากเมืองแม่ม่ายที่จัดมาอย่างตระการตา จนถึงฉากต่อสู้ฉากสุดท้าย ดูเป็นหนังแอ็คชั่นแฟนตาซีที่แท้ทรูมากๆ แม้จะมีบางฉากดูลอยๆ แต่ก็ลอยแบบสวยงามไม่แพ้หนังฮอลลีวู๊ดที่ทำ CG สวยๆ เลยทีเดียว ดูแล้วเพลินตาเลยล่ะ

แต่อย่างที่บอก ผมอาจจะไม่อินกับความเป็นไซอิ่วที่เอนเอียงไปตีความทางด้านความรักมากจนเกินไป กลายเป็นว่าภาคนี้ทิ้งความเป็นแอ็คชั่นแฟนตาซีไปเป็นหนังรักโรแมนติค ซึ่งมันไม่ใช่ลายเซ็นของไซอิ๋วเลย บางคนอาจจะชอบเพราะความใหม่ของมัน แต่ผมกลับไม่ชอบเท่าไหร่

ฝากเพจด้วยนะครับ >> https://www.facebook.com/DooNangGunMai