From Rags To Display แปลได้ประมาณว่า จากเศษผ้าสู่ตู้โชว์ เพราะนี่คืองานงานจัดแสดง-ขายเสื้อผ้าและของวินเทจที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งในไทย โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ย้ายกันไปจัดที่อู่ต่อเรือ กรุงเทพ ถนนเจริญกรุง กันเลยทีเดียว
ส่วนตัวไม่ได้ไปครั้งแรก From Rags To Display 1 ที่จัดที่ร้าน Buddy Boy's Diner เมื่อปี 2557 ตอนนั้นสเกลงานไม่ได้ใหญ่มาก งานนี้จัด 2 ปีครั้ง From Rags To Display 2 จัดขึ้นที่ ตลาดนัดรถไฟเกษตร-นวมินทร์ เมื่อปี 2559 อันนี้ได้ไปมา มีการขายบัตรเข้างานคนละ 150 บาท มีของที่ระลึกเป็นผ้าผืนขนาดกลางๆของงาน แบ่งเป็นสองโซนคือ โซนงานจัดแสดงเสื้อผ้าและของวินเทจหายาก และ โซนขายสินค้าเสื้อผ้าและของวินเทจที่พ่อค้าคัดของเด็ดๆมาเพียบ งานนี้ต้องถือว่าเปิดหูเปิดตาผมพอสมควร เจอเสื้อวงร็อกราคาหลายหมื่น ไปจนถึง ผ้าเช็ดหน้าวินเทจราคาหลักสิบบาท
พ่อค้าส่วนใหญ่ในงานจะเป็นกลุ่มพี่ๆมุสลิมที่มาจากจังหวัดภาคใต้ ขนเสื้อผ้าวินเทจมาเป็นกระสอบ มีตั้งแต่แบรนด์ดังอย่างกุชชี่ พราด้า แชนแนล และเสื้อวงร็อกที่เซเลบทั่วโลกกำลังฮิตใครชอบของแนวนี้ต้องบอกว่าสนุก ที่น่าสนใจอีกอย่างคือมีร้านจากกลุ่มพ่อค้าชาวญี่ปุ่นบินตรงมาแจมด้วย ของที่ร้านญี่ปุ่นจะสภาพเนียบกว่าของบ้านเรา รวมถึงมีโอกาสที่ของแบรนด์ดังเด็ดๆ ของดี ของหายากจะหลุดมา แต่ราคาก็แพงกว่าร้านคนไทยได้
อีกอันที่น่าสนใจคืองานนี้จะแข่งของ ปีลึกกัน ซึ่งหมายถึงของที่เก่าระดับปี 1970-90 ยิ่งเก่า ยิ่งลึก ยี่งหายาก จะมีราคาสูงเสื้อยืดเก่าๆบางตัว ใครไม่เคยรู้ไปถามราคาอาจจะอึ้งไปเลย เพราะส่วนใหญ่อย่างตํ่าก็หลักพันขึ้นไปจนถึงหลักหมื่น งานนี้ใครตาดี ต่อราคาเก่งก็ได้ของถูกใจในราคาสบายกระเป๋ากันไป
ด้วยความที่ติดใจ พอได้ข่าวว่ามี From Rags To Display 3 จากร้านค้าที่เคยติดตามพี่เขาในครั้งที่ 2 ก็เลยตัดสินใจมางาน เอารถจอดไว้แล้วมาต่อ BTS ลงสถานีรถไฟฟ้าตากสิน ออกทางออกฝั่งเข้าเมือง ไม่ใช่ฝั่งไปท่านํ้า เวลาเหลือเลยเลี้ยวซ้ายไปเดินเล่น หาอะไรกินแถวเจริญกรุง งานครั้งที่แล้วคนไม่เยอะ เลยประมาทไปหน่อย พอใกล้ๆเวลางาน 3 โมงเย็น พวกเรานั่งรถมาถึงซอยเข้างาน โอ้โห คนหลายหลายคนมายืนต่อคิวเข้างานท่ามกลางไอแดดร้อน กลับตัวไม่ทัน แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเดินไปต่อท้ายแถวที่ยาวไปอีกประมาณ 3 ซอย
แอบเซ็งคนจัดงาน เพราะเข้าคงไม่ทันคิดว่าคนจะแห่มารอเข้างานเยอะขนาดนี้ แล้วทุกคนต้องเข้าคิวซื้อบัตร เพื่อใส่ริสแบนด์รวมถึงตรวจอาวุธก่อนเข้า เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ มีพี่ๆทหารเรือคอยคุมตามจุดต่างๆ ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าๆตากแดดรอคิวทยอยเข้างาน ทีมงานน้อย ไม่เพียงพอจะรับมือคนที่มางาน จริงๆจุดขายตั๋วน่าจะเยอะกว่านี้ นี่มีพนักงานแค่ 2 โต๊ะเอง ตอนงานเริ่มเลยมีปัญหา แต่มีข้อดีที่เห็นอย่างหนึ่งคืองานนี้ไม่ทำให้รถติด คนที่มางานส่วนใหญ่นั่งรถสาธารณะมา มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ นักท่องเที่ยวบางคนเห็นเขาเข้าคิวเลยคนใจ บางคนเดินผ่านมาเห็นคนเยอะเลยเข้ามาก็มี
ในงานอากาศร้อนมาก แดดดีสุดๆ คนเยอะแต่ไม่แน่น มีโซนขายของสี่โซน โซนด้านบนร้านขายของทั่วไป มีเสื้อผ้า แว่นตา กระเป๋า และของวินเทจต่างๆ
โซนในหลุมแรก ขายเสื้อราคาถูกกับ Backyard Sale By G rags 72 ที่ขายเสื้อราคาทุกตัวใน 100 บาท แต่จำกัดให้เข้าทีละ 50 คน ใครสนใจต้องยืนเข้าคิว
โซนหลุมสองต้องเดินนั่งร้านลงไปเหมือนหลุมแรก แต่ไม่มีคิว คนเดินขึ้นลง ตลอด แอบกระซิบว่าโซนนี้แหละขุมทรัพย์ ของดีเพียบ คึกคัก เงินสะพัดสุดๆ
โซนในโกดังเป็นโซนการจัดแสดงเสื้อวงดนตรีวินเทจหายาก ราคาแพง ในชื่อนิทรรศการว่า Wear The Music โดยของที่มาโชว์ในงานเป็นของตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจากกลุ่มนักสะสมของวินเทจ เกือบทั้งหมดเป็นเสื้อวงดนตรีร็อกระดับโลกที่ดังๆ มีเสื้อแบรนด์ต่างๆบ้าง ทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศ มีบางตัวราคาเหยียบแสนบาทเลย
โซนสุดท้ายเป็นโซนสันทนาการมีฉายหนังและแสดงดนตรี อยู่ติดริมแม่นํ้าเจ้าพระยา ตอนเย็นวิวสวย อากาศดีมาก ส่วนอาหารกับเครื่องดื่ม มีกระจายขายรอบๆงานต้องบอกว่าเป็นงานรวมพลคนรักของวินเทจที่ใหญ่สุดๆ ปีนี้อัพเลเวลจากสองปีที่แล้วเยอะมากถึงบูธ 180 บูธจาก มีทั้งร้านจากไทย ญี่ปุ่นและมาเลเซีย มีกิจกรรมเวิร์คช็อปสกรีนเสื้อ มีการร่วมประมูลที่จัดโดย LOVE TOKYO และ มีการแสดงดนตรีสดของนักร้องดังและ Live Cover Band ที่จะมาเล่นเพลงเก่าตั้งแต่ยุค 70, 80 และ 90
งานมีจัดพรุ่งนี้ (4 มีนาคม) อีกวัน เชื่อว่าคนน่าจะเยอะกว่าวันนี้ เพราะเป็นวันสุดท้าย หลายคนบอกว่า ราคาของพรุ่งนี้อาจจพถูกกว่า วันแรก เพราะวันสุดท้าย พ่อค้าแม่ค้าจะลดราคา ไม่อยากขนกลับ บางคนมาไกลจากยะลา แต่อย่าลืมว่า ของที่เหลือวันนี้ แสดงว่าของดีๆออกไปวันแรกหมดแล้ว ส่วนตัวได้เสื้อฮาวายแบรนด์ญี่ปุ่นที่กำลังฮิตมาตัวหนึ่ง กับกางเกงแบรนด์ดังในราคา หลักร้อย ถือว่าสบายใจละ
พระเอกของงานคือ เสื้อยืดวงร็อก เนวาน่า ไอออนเมเด้น พิงก์ฟลอยด์ โรลลิ่งสโตน กันส์แอนด์โรสเซส ที่หายากๆในจตุจักร ที่นี่มีเพียบ รองลงมาเป็นเสื้อแบรนด์กีฬาอย่าง แคปป้า แชมป์เปี้ยน ไนกี้ อาดิดาส ขายดิบขายดี ที่เหลือก็เป็นเสื้อยืน กางเกงยีนส์ เสื้อกางเกงลายทหาร
แต่น้องใหม่ที่กำลังมาแรงต้องยกให้เสื้อฮาวาย มีขายแทบทุกร้าน แน่นอนว่าใครกำลังตามล่าเสื้อฮาวายแบรนด์ Sunsurf จากญี่ปุ่น ถึงมีไม่เยอะ แต่ก็มีให้เห็นหลายร้าน อีกอันที่ขายดีมากๆก็ร้านรองเท้ามือสอง เอาแค่คอนเวิร์สอย่างเดียวคนก็รุมกันจนของหมดในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ที่เหลือก็เป็น กระเป๋า แว่นตา หมวก แผ่นเสียง และของวินเทจอื่นๆ
ถ้าให้แนะนำร้าน ส่วนตัวเชียร์ให้ไปที่ร้านชื่อ imang หลุมสองโซน C รับรองใครชอบของแบรนด์ดังกระเป๋าเงินสั่น อีกร้านก็ร้านมุมในสุดของพ่อค้าญี่ปุ่น สินค้าสภาพดีมาก ใครเงินถึงลองไปส่องดู และใครที่สนใจแว่นตามือสอง แนะนำร้าน Krabeemarn แว่นวินเทจสภาพดีมาก ราคาสูงแต่คุณภาพดี มีของมือหนึ่งหลุดมาบ่อยๆ
ปล.ของที่ระลึกเป็นผ้าสกรีนชื่องานให้เฉพาะ 800 คนแรกของวัน (ฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี) งานอยู่ตรงซอย ซอยเจริญกรุง 52 และ 54 ออกจาก BTS ตากสิน เดินมาทางขวามือ ถามหาวัดยานนาวาก็ได้ ทางเดียวกัน ถ้าเดินไปเจอโรบินสัน โรงเรียนอัสสัมชัญ หรือ ไปรษณีย์กลางบางรัก แสดงว่าคุณเดินไปผิดทาง กลับมา
ปล. 2 อากาศร้อนมาก แว่นกันแดด หมวก ร่ม ควรเตรียมไป แต่ไม่ต้องเตรียม นํ้า อาหาร หรือขนมไป เพราะห้ามเอาเข้าขนาดซื้อจากในงานเดินออกมา จะกลับเข้าไปพี่การ์ดก็ห้ามเอาเข้า งานจัด 3 โมงถึง 5 ทุ่มจ้า ใครกะไปดูแค่บรรยากาศ ไม่ได้ไปล่าของอะไร สักหกโมง แดดร่มลมตกค่อยไปก็ได้
ปล. 3 ทางเดินลงหลุมแต่ละหลุมค่อนข้างน่าหวาดเสียว เดินระวังกันหน่อย โดยเฉพาะมืดๆ ใครพาเด็กหรือคนแก่ไปด้วย ยิ่งต้องระวังเพิ่มขึ้น เพราะสูงมาก แต่ก็มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล คอยเตือน บางคนจะเข้าไปชะโงกดู หรือปีนไปถ่ายภาพ ถ้าเห็นป้ายห้ามก็อย่าทำเลยนะ เสี่ยงอันตราย
ปล.สุดท้าย แฟชั่นในงานส่วนใหญ่จะเป็นแนวสตรีท เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ รองลงมาเป็นแนวเสื้อยีนส์ และ เสื้อฮาวาย
เครดิต กัปตันฮุก
https://www.facebook.com/Eatplayleave
พาเที่ยวงาน From Rags To Display เทศกาลสำหรับคนรักเสื้อผ้าและของวินเทจ
From Rags To Display แปลได้ประมาณว่า จากเศษผ้าสู่ตู้โชว์ เพราะนี่คืองานงานจัดแสดง-ขายเสื้อผ้าและของวินเทจที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งในไทย โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ย้ายกันไปจัดที่อู่ต่อเรือ กรุงเทพ ถนนเจริญกรุง กันเลยทีเดียว
ส่วนตัวไม่ได้ไปครั้งแรก From Rags To Display 1 ที่จัดที่ร้าน Buddy Boy's Diner เมื่อปี 2557 ตอนนั้นสเกลงานไม่ได้ใหญ่มาก งานนี้จัด 2 ปีครั้ง From Rags To Display 2 จัดขึ้นที่ ตลาดนัดรถไฟเกษตร-นวมินทร์ เมื่อปี 2559 อันนี้ได้ไปมา มีการขายบัตรเข้างานคนละ 150 บาท มีของที่ระลึกเป็นผ้าผืนขนาดกลางๆของงาน แบ่งเป็นสองโซนคือ โซนงานจัดแสดงเสื้อผ้าและของวินเทจหายาก และ โซนขายสินค้าเสื้อผ้าและของวินเทจที่พ่อค้าคัดของเด็ดๆมาเพียบ งานนี้ต้องถือว่าเปิดหูเปิดตาผมพอสมควร เจอเสื้อวงร็อกราคาหลายหมื่น ไปจนถึง ผ้าเช็ดหน้าวินเทจราคาหลักสิบบาท
พ่อค้าส่วนใหญ่ในงานจะเป็นกลุ่มพี่ๆมุสลิมที่มาจากจังหวัดภาคใต้ ขนเสื้อผ้าวินเทจมาเป็นกระสอบ มีตั้งแต่แบรนด์ดังอย่างกุชชี่ พราด้า แชนแนล และเสื้อวงร็อกที่เซเลบทั่วโลกกำลังฮิตใครชอบของแนวนี้ต้องบอกว่าสนุก ที่น่าสนใจอีกอย่างคือมีร้านจากกลุ่มพ่อค้าชาวญี่ปุ่นบินตรงมาแจมด้วย ของที่ร้านญี่ปุ่นจะสภาพเนียบกว่าของบ้านเรา รวมถึงมีโอกาสที่ของแบรนด์ดังเด็ดๆ ของดี ของหายากจะหลุดมา แต่ราคาก็แพงกว่าร้านคนไทยได้
อีกอันที่น่าสนใจคืองานนี้จะแข่งของ ปีลึกกัน ซึ่งหมายถึงของที่เก่าระดับปี 1970-90 ยิ่งเก่า ยิ่งลึก ยี่งหายาก จะมีราคาสูงเสื้อยืดเก่าๆบางตัว ใครไม่เคยรู้ไปถามราคาอาจจะอึ้งไปเลย เพราะส่วนใหญ่อย่างตํ่าก็หลักพันขึ้นไปจนถึงหลักหมื่น งานนี้ใครตาดี ต่อราคาเก่งก็ได้ของถูกใจในราคาสบายกระเป๋ากันไป
ด้วยความที่ติดใจ พอได้ข่าวว่ามี From Rags To Display 3 จากร้านค้าที่เคยติดตามพี่เขาในครั้งที่ 2 ก็เลยตัดสินใจมางาน เอารถจอดไว้แล้วมาต่อ BTS ลงสถานีรถไฟฟ้าตากสิน ออกทางออกฝั่งเข้าเมือง ไม่ใช่ฝั่งไปท่านํ้า เวลาเหลือเลยเลี้ยวซ้ายไปเดินเล่น หาอะไรกินแถวเจริญกรุง งานครั้งที่แล้วคนไม่เยอะ เลยประมาทไปหน่อย พอใกล้ๆเวลางาน 3 โมงเย็น พวกเรานั่งรถมาถึงซอยเข้างาน โอ้โห คนหลายหลายคนมายืนต่อคิวเข้างานท่ามกลางไอแดดร้อน กลับตัวไม่ทัน แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเดินไปต่อท้ายแถวที่ยาวไปอีกประมาณ 3 ซอย
แอบเซ็งคนจัดงาน เพราะเข้าคงไม่ทันคิดว่าคนจะแห่มารอเข้างานเยอะขนาดนี้ แล้วทุกคนต้องเข้าคิวซื้อบัตร เพื่อใส่ริสแบนด์รวมถึงตรวจอาวุธก่อนเข้า เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ มีพี่ๆทหารเรือคอยคุมตามจุดต่างๆ ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าๆตากแดดรอคิวทยอยเข้างาน ทีมงานน้อย ไม่เพียงพอจะรับมือคนที่มางาน จริงๆจุดขายตั๋วน่าจะเยอะกว่านี้ นี่มีพนักงานแค่ 2 โต๊ะเอง ตอนงานเริ่มเลยมีปัญหา แต่มีข้อดีที่เห็นอย่างหนึ่งคืองานนี้ไม่ทำให้รถติด คนที่มางานส่วนใหญ่นั่งรถสาธารณะมา มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ นักท่องเที่ยวบางคนเห็นเขาเข้าคิวเลยคนใจ บางคนเดินผ่านมาเห็นคนเยอะเลยเข้ามาก็มี
ในงานอากาศร้อนมาก แดดดีสุดๆ คนเยอะแต่ไม่แน่น มีโซนขายของสี่โซน โซนด้านบนร้านขายของทั่วไป มีเสื้อผ้า แว่นตา กระเป๋า และของวินเทจต่างๆ
โซนในหลุมแรก ขายเสื้อราคาถูกกับ Backyard Sale By G rags 72 ที่ขายเสื้อราคาทุกตัวใน 100 บาท แต่จำกัดให้เข้าทีละ 50 คน ใครสนใจต้องยืนเข้าคิว
โซนหลุมสองต้องเดินนั่งร้านลงไปเหมือนหลุมแรก แต่ไม่มีคิว คนเดินขึ้นลง ตลอด แอบกระซิบว่าโซนนี้แหละขุมทรัพย์ ของดีเพียบ คึกคัก เงินสะพัดสุดๆ
โซนในโกดังเป็นโซนการจัดแสดงเสื้อวงดนตรีวินเทจหายาก ราคาแพง ในชื่อนิทรรศการว่า Wear The Music โดยของที่มาโชว์ในงานเป็นของตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจากกลุ่มนักสะสมของวินเทจ เกือบทั้งหมดเป็นเสื้อวงดนตรีร็อกระดับโลกที่ดังๆ มีเสื้อแบรนด์ต่างๆบ้าง ทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศ มีบางตัวราคาเหยียบแสนบาทเลย
โซนสุดท้ายเป็นโซนสันทนาการมีฉายหนังและแสดงดนตรี อยู่ติดริมแม่นํ้าเจ้าพระยา ตอนเย็นวิวสวย อากาศดีมาก ส่วนอาหารกับเครื่องดื่ม มีกระจายขายรอบๆงานต้องบอกว่าเป็นงานรวมพลคนรักของวินเทจที่ใหญ่สุดๆ ปีนี้อัพเลเวลจากสองปีที่แล้วเยอะมากถึงบูธ 180 บูธจาก มีทั้งร้านจากไทย ญี่ปุ่นและมาเลเซีย มีกิจกรรมเวิร์คช็อปสกรีนเสื้อ มีการร่วมประมูลที่จัดโดย LOVE TOKYO และ มีการแสดงดนตรีสดของนักร้องดังและ Live Cover Band ที่จะมาเล่นเพลงเก่าตั้งแต่ยุค 70, 80 และ 90
งานมีจัดพรุ่งนี้ (4 มีนาคม) อีกวัน เชื่อว่าคนน่าจะเยอะกว่าวันนี้ เพราะเป็นวันสุดท้าย หลายคนบอกว่า ราคาของพรุ่งนี้อาจจพถูกกว่า วันแรก เพราะวันสุดท้าย พ่อค้าแม่ค้าจะลดราคา ไม่อยากขนกลับ บางคนมาไกลจากยะลา แต่อย่าลืมว่า ของที่เหลือวันนี้ แสดงว่าของดีๆออกไปวันแรกหมดแล้ว ส่วนตัวได้เสื้อฮาวายแบรนด์ญี่ปุ่นที่กำลังฮิตมาตัวหนึ่ง กับกางเกงแบรนด์ดังในราคา หลักร้อย ถือว่าสบายใจละ
พระเอกของงานคือ เสื้อยืดวงร็อก เนวาน่า ไอออนเมเด้น พิงก์ฟลอยด์ โรลลิ่งสโตน กันส์แอนด์โรสเซส ที่หายากๆในจตุจักร ที่นี่มีเพียบ รองลงมาเป็นเสื้อแบรนด์กีฬาอย่าง แคปป้า แชมป์เปี้ยน ไนกี้ อาดิดาส ขายดิบขายดี ที่เหลือก็เป็นเสื้อยืน กางเกงยีนส์ เสื้อกางเกงลายทหาร
แต่น้องใหม่ที่กำลังมาแรงต้องยกให้เสื้อฮาวาย มีขายแทบทุกร้าน แน่นอนว่าใครกำลังตามล่าเสื้อฮาวายแบรนด์ Sunsurf จากญี่ปุ่น ถึงมีไม่เยอะ แต่ก็มีให้เห็นหลายร้าน อีกอันที่ขายดีมากๆก็ร้านรองเท้ามือสอง เอาแค่คอนเวิร์สอย่างเดียวคนก็รุมกันจนของหมดในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ที่เหลือก็เป็น กระเป๋า แว่นตา หมวก แผ่นเสียง และของวินเทจอื่นๆ
ถ้าให้แนะนำร้าน ส่วนตัวเชียร์ให้ไปที่ร้านชื่อ imang หลุมสองโซน C รับรองใครชอบของแบรนด์ดังกระเป๋าเงินสั่น อีกร้านก็ร้านมุมในสุดของพ่อค้าญี่ปุ่น สินค้าสภาพดีมาก ใครเงินถึงลองไปส่องดู และใครที่สนใจแว่นตามือสอง แนะนำร้าน Krabeemarn แว่นวินเทจสภาพดีมาก ราคาสูงแต่คุณภาพดี มีของมือหนึ่งหลุดมาบ่อยๆ
ปล.ของที่ระลึกเป็นผ้าสกรีนชื่องานให้เฉพาะ 800 คนแรกของวัน (ฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี) งานอยู่ตรงซอย ซอยเจริญกรุง 52 และ 54 ออกจาก BTS ตากสิน เดินมาทางขวามือ ถามหาวัดยานนาวาก็ได้ ทางเดียวกัน ถ้าเดินไปเจอโรบินสัน โรงเรียนอัสสัมชัญ หรือ ไปรษณีย์กลางบางรัก แสดงว่าคุณเดินไปผิดทาง กลับมา
ปล. 2 อากาศร้อนมาก แว่นกันแดด หมวก ร่ม ควรเตรียมไป แต่ไม่ต้องเตรียม นํ้า อาหาร หรือขนมไป เพราะห้ามเอาเข้าขนาดซื้อจากในงานเดินออกมา จะกลับเข้าไปพี่การ์ดก็ห้ามเอาเข้า งานจัด 3 โมงถึง 5 ทุ่มจ้า ใครกะไปดูแค่บรรยากาศ ไม่ได้ไปล่าของอะไร สักหกโมง แดดร่มลมตกค่อยไปก็ได้
ปล. 3 ทางเดินลงหลุมแต่ละหลุมค่อนข้างน่าหวาดเสียว เดินระวังกันหน่อย โดยเฉพาะมืดๆ ใครพาเด็กหรือคนแก่ไปด้วย ยิ่งต้องระวังเพิ่มขึ้น เพราะสูงมาก แต่ก็มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล คอยเตือน บางคนจะเข้าไปชะโงกดู หรือปีนไปถ่ายภาพ ถ้าเห็นป้ายห้ามก็อย่าทำเลยนะ เสี่ยงอันตราย
ปล.สุดท้าย แฟชั่นในงานส่วนใหญ่จะเป็นแนวสตรีท เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ รองลงมาเป็นแนวเสื้อยีนส์ และ เสื้อฮาวาย
เครดิต กัปตันฮุก https://www.facebook.com/Eatplayleave