...รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม "การพรางตนบนโลกอินเตอร์เน็ท" .../วัชรานนท์

กระทู้คำถาม
หลายอาทิตย์ก่อนผมเคยเขียนซีเรียส์เกี่ยวกับเทคโนโลยี่ด้านการสื่อสารบนโลกอินเตอร์เน็ท   โดยเฉพาะการอำพรางหรืออวตารตัวเองบนโลกอินเตอร์เน็ท  เช่นปลอมไอพี  หรือใช้ remote access desktop (เปิดเครื่องทิ้งไว้แล้วใช้ app ต่อเข้าเครื่องแล้วเล่นบอร์ด  ในกรณีนี้ถ้าเราให้รหัสเครื่องที่เปิดทิ้งไว้ให้คนอื่นๆ หรือเพื่อนๆ ในกลุ่ม  เขาก็จะสามารถเข้าเครื่องและเล่นบอร์ดได้เสมือนว่าไอพีนั้นมาจากเครื่องๆ เดียว แต่เล่นหลายคน   และวิธีสุดท้ายคือจ่ายรายเดือนให้กับ VPN เซอร์วิส    โดยเฉพาะใช้ VPN นี้เป็นที่นิยมมาก   เพราะคนๆ นั้นสามารถเลือกเซิฟเวอร์ได้หลายประเทศ   เช่นว่าอยู่เมืองไทย   ก็สามารถเลือกเซิฟเวอร์ทีเมกาแล้วตั้งกระทู้ในพันทิปได้   โดยไอพีที่ปรากฏจะเป็นไอพีของเมกา!!  เสมือนหนึ่งว่าคนๆ นั้นกำลังเล่นอยู่ที่เมกา   


อีกประการหนึ่ง  ไอพีที่ปรากฏจะเป็นไอพีเวอร์ชั่นล่าสุดคือ IPv6 ซึ่งเมื่อถอดรหัสให้เป็นตัวเลขฐานสอง (คือศูนย์กับหนึ่ง)จะเป็นตัวเลขที่ยาวเหยียดกว่าไอพีที่เราใช้ในปัจจุบันหลายสิบเท่า  เพิ่มความลำบากในการค้นหาตัวขึ้นมานิดหนึ่ง (แต่ไม่มาก)    การใช้VPN เพื่อพรางไอพี  พรางโลเกชั่นของผู้เล่นนั้น  เป็นนวรรตกรรมที่นิยมและถอดรหัสยากระดับหนึ่ง   หลายประเทศ Block การใช้VPN เพราะอาจจะถูกใช้ในการจารกรรมข้อมูลลับ  หรือละเมิดลิขสิทธิ์ประเภทสื่อออนไลน์ที่ให้สมาชิกจ่ายรายเดือนNetFlix เพื่อเปิดดูหนังและการถ่ายสดแบบฟรีๆ   ในประเทศอังกฤษหรือเมกา  แม้รัฐจะไม่บล็อค VPN เหมือนที่จีน  แต่ ISP หรือบริษัทที่ให้บริการด้านอินเตอร์เน็ทมักจะบล็อคการใช้ VPN เพื่อป้องการการฟ้องร้องอันจะเกิดในภายหลัง (เนื่องจากว่ามีลูกค้าหลายหมื่นถึงแสน  หนึ่งในนั้นอาจจะใช้ VPN ในทางไม่ได้หรือละเมิดลิขสิทธิ์ได้)  


การควานหาตัวผู้ใช้   VPN ไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง   แม้เจ้าของบริการ VPN จะบอกว่าเป็นระบบที่แน่นหนา   ต้องไม่ลืมว่าการสื่อสารบนโลกอินเตอร์เน็ทเป็นไปแบบส่งและรับ  (incoming and outgoing) ไอพีที่ปรากฏบนต้นทางอาจจะเป็นไอพีจากประเทศใดก็ได้ในโลก   แต่ไอพีที่ต้นทางก่อนจะเข้าสู่ระบบ VPN แล้วเข้าสู่เซิฟเวอร์ในไทยนั้นจะต้องผ่านระบบ Gateway ที่ต้องบันทึกไอพีจริงของต้นทางไว้อยู่   การควานหาตัวจึงไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง   ถ้าจะว่าไปแล้วบราวเซอร์อย่าง Chrome, Opera, Firefox, Edge(ไมโครซอฟ)   เขาติดตั้งเครื่องในการตรวจการเชื่อมต่อของ VPN ได้ด้วย  และสามารถโชว์ไอพีต้นทางที่ใช้บริการ VPN ได้    แต่มีข้อแม้ว่าต้องคอยจับขณะที่คนๆ นั้น “ออนไลน์” และเล่นพันทิปสดๆ อยู่เท่านั้น   (เครื่องมือตรงนี้ผมขออุบไว้ล่ะกันครับ)   


ตอนที่กัณหาและชาลีหนีหลบซ่อนตัวใต้สระบัวหลงอาศรมของพระเวสสันดร   กัณหาและชาลีเดินถอยหลังลงสระบัว   เพื่อพรางให้เข้าใจว่ากัณหาและชาลีไม่ได้ซ่อนในสระบัว (เพราะรอยเท้าเดินขึ้นปรากฏบนพื้น)  นับเป็นความฉลาดเกินเด็กอย่างกัณหาและชาลี  ชูชกหลงกลว่าเด็กทั้งสองไม่ได้อยู่ในสระบัวแน่ๆ จากรอยเท้าที่ปรากฏชัดเจนว่า “เดินขึ้น” จากสระ    แต่พระเวสสันดรนั้นทราบทันทีว่าลูกทั้งสองซ่อนตัวอยู่สระบัวอยู่เพราะไม่เห็นรอยเท้า “เดินลง”

การสืบหาตัวคนที่พยายามพรางตัวบนโลกออนไลน์นั้นก็อาศัยดูจากการแกะดู่ร่องรอยสัญญาณดิจิตอล Incoming (สัญญาณการรับเข้า) และ Outgoing (สัญญาณการส่งออก) ที่ทิ้งไว้บนระบบสื่อสาร  อย่างใดอย่างหนึ่งหรือสองอย่างประกอบกัน   เหมือนพระเวสสันดรที่ใช้วิจารณญาณดู “รอยเท้าขึ้น” กับ “รอยเท้าลง” ของกัณหาชาลีประกอบกัน  เช่นนี้แลฯ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่