หลังจากกระทู้ก่อนหน้า นักลงทุนบ้านนาได้พูดถึงการเปิดพอร์ตลงทุน
การซื้อหุ้นแบบใช้ทุนน้อยๆแล้วว วันนี้นักลงทุนบ้านนาจะมาเล่าถึง
วิธีการหาหุ้นเพื่อลงทุนกันบ้าง โดยใช้แนวทางของนักลงทุนบ้านนาเอง
ให้ถือว่าเป็นอีก 1 ประสบการณ์ที่มาแชร์กันนะครับ อย่าถือว่าเป็นการชี้แนะหรืออะไร
1. เรารู้จักธุรกิจหรือสินค้าอะไรบ้างในชีวิตประจำวัน
เช่น
ถ้าเราฝันว่าจะซื้อบ้านซักหลัง เรานึกถึงบริษัทอะไรเป็นอันดับแรก
เราจะซื้อรถซักคันเราจะซื้อรถอะไร เราเห็นคนส่วนมากใช้รถอะไร
เวลาเราหิว เรานึกถึงอะไรก่อน เดินทางรู้สึกร้อนกระหายน้ำเราจะไปซื้อที่ไหน
แล้วสินค้าที่ดูขายดีตามร้านที่เราเข้ามีอะไรบ้าง
เราชอบใช้ผลิตภัณฑ์อะไรบ่อยๆเป็นประจำ และใช้มานานมากและก็ยังใช้อยู่
ถ้าเราขับรถ เวลาเติมน้ำมันปั๊มแรกที่เราจจะเข้า
ไปเดินห้างไหนแล้วเห็นว่าคนเยอะ ร้านอาหารไหนคนรอคิวเต็มตลอด
เราจะเดินทาง รถทัวร์ รถไฟ เครื่องบิน อันไหนคนใช้บริการเยอะขึ้น
แล้วธุรกิจอะไรจะได้ประโยชน์
พอเรานึกผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่เราคุ้นเคยได้แล้ว
ต่อมาเราก็จะมาหาว่าแต่ละธุรกิจ มีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่
นักลงทุนบ้านนาใช้วิธีการค้นหาใน google

ตัวอย่างใช้คำค้นหา ง่ายๆตรงไปตรงมา แล้วเราก็หาไปเรื่อยๆ ถ้าสินค้าหรือบริษัทนั้นมีอยู่ในตลาดเราก็จะเจอได้ไม่ยากนัก
2. หลังจากที่เราเจอชื่อหุ้นแล้ว เราก็เข้าไปค้นหาในเว็บของตลาดหลักทรัพย์

3. พื้นฐานทั่วไปของบริษัทที่เราค้นหามาจากข้อ 2
ตัวอย่างข้อมูลบริษัทที่นักลงทุนบ้านนาจะอธิบายให้ดู
เรามาดูเป็นส่วนๆกันดีกว่า ผมจะแยกเป็นส่วนๆตามนี้
1) สินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของผู้ถือหุ้น

กวาดสายตาดูทั่วๆไป ก็อย่างเช่น สินทรัพย์เพิ่มขึ้นไหม
หนี้สินลดไหมหรือถ้าหนี้เพิ่ม สินทรัพย์ควรจะเพิ่มด้วย
ดูอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) หนี้สินต่อทรัพย์สิน คือ เอาหนี้ตั้งหารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น
ควรจะน้อยกว่า 1 ยิ่งน้อยยิ่งดี จากตัวอย่างผมถือว่าโอเคเลย
ทั้งนี้แหละทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจด้วย ควรจะเทียบกับธุรกิจเดียวกัน
2) รายได้ กำไรสุทธิ กำไรต่อหุ้น

ก็ดูพวกรายได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือป่าว
กำไรเพิ่มขึ้นด้วยไหม หากมีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงแตกต่างแบบผิดปกติ
ก็ควรจะเข้าไปอ่านเพิ่มในแทบ ข่าว ลองไปหาดูได้ครับ
เขาอาจจะมีเหตุมีผลที่เข้าใจได้ อาจจะเป็นกำไรพิเศษหรือจ่ายค่าอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
และสังเกตกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นด้วยหรือป่าว เพราะบางปีอาจจะมีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น
ถึงได้กำไรเพิ่มก็อาจจะทำให้กำไรต่อหุ้นลดลงได้ ถ้ากำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นก็ถือว่าดี
3) ROA ROE อัตรากำไรสุทธิ

ผมจะให้ความสำคัญกับ ROE มาก่อน ROE คือผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น
ยิ่งมีค่ามากแสดงว่าบริษัทให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นดีนั่นเอง
บริษัทรักษาระดับของ ROE ได้สม่ำเสมอ หรือเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ
จะถือว่าดีมาก เบสิกทั่วๆไปคือควรจะมากกว่า 10
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นคงต้องเทียบกับอัตราการเติบโตด้วย
ส่วน ROA ก็คือ ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ ก็ยิ่งมากยิ่งดี
เพราะหมายถึงว่า บริษัทสามารถใช้ทรัพยากรที่มีในการสร้างกำไรได้มากน้อยแค่ไหน
ส่วนอัตรากำไรสุทธิก็จะเกี่ยวข้องกับข้อ 2) คือรายได้ ต่อกำไรสุทธิ ยิ่งมากก็ยิ่งดี
เพราะจะแสดงให้เห็นว่า ธุรกิจนี้สร้างกำไรได้ดี เช่นต้นทุนต่ำ กำไรงาม
4) PE P/BV มูลค่าทางบัญชี เงินปันผล

ส่วนนี้ผมให้ความสำคัญกับ PE ยิ่งน้อยยิ่งดี
จำง่ายๆ PE จะสะท้อนว่าเราจะคืนทุนต้องใช้เวลาลงทุนกี่ปี
ถ้าบริษัทสร้างผลตอบแทนได้เท่าปัจจุบัน
PE จะบอกได้ว่าหุ้นถูกหรือหุ้นแพง แต่ก็ต้องดูแนวโน้มการเติบโตด้วย
แต่ถ้าอ้างอิงหลักการก็ คือยิ่งน้อยยิ่งดี ลองเทียบกับบริษัทที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน
ราคามีขึ้นมีลง แต่สุดท้ายแล้ว ราคาจะสอดคล้องกับ PE เสมอ คือจะขึ้นหรือลงและปรับตัวมาที่ PE ที่เหมาะสมเสมอ
P/BV คือราคาต่อมูลค่าทางบัญชี ก็ยิ่งน้อยยิ่งดี
แต่ส่วนมากแล้วตลาดจะให้มูลค่าสอดคล้องกับความสามารถของบริษัท
มากกว่าจะให้ราคาเท่ามูลค่าทางบัญชี ดังนั้นก็ใช้เป็นส่วนประกอบการพิจารณาเท่านั้น
ยิ่งมากก็มีความเสี่ยงสูง ถ้าบริษัททำไม่ได้ตามที่ตลาดคาดหวัง เช่นเดียวกับ PE
มูลค่าทางบัญชี อันนี้ก็สอดคล้องกับ P/BV พิจารณาเทียบราคาเอา
สุดท้าย ปันผล แน่นอนถ้าเราคิดจะลงทุนระยะยาว ปันผลก็เป็นอีก 1 อย่างที่เราควรพิจารณา
จากตัวอย่างถ้าดูข้อมูลทุกอย่างตั้งแต่ข้อ 1,2,3,4 นั้น ปันผลเกิน 5% ถือว่าดีมาก ที่สำคัญสม่ำเสมอด้วย
4. ควรหมั่นสำรวจ ตลาดอยู่สม่ำเสมอ
วันก่อนไปเดินห้างแห่งนึงที่นักท่องเที่ยวจีนชอบมาซื้อของฝากกลับบ้าน
มีร้านยาร้านนึงคนเข้าคิวซื้อ อย่างกับของกิน จนผมแปลกใจ
และเดินไปดูเวลานักท่องเที่ยวจ่ายตังค์ ดูสิว่าในรถเข็นของเขามีสินค้าอะไร
* อย่าไปจ้องเขาจนผิดสังเกตนะครับ 555
เราก็จะเห็นพวกขนมคบเคี้ยว บราๆ ก็ว่ากันไป
ไปดูโครงการบ้านหรือคอนโด บริษัทที่เราถือหุ้นอยู่ ดูว่าถ้าเป็นเรา เราอยากซื้อโครงการนี้หรือป่าว
น่าสนใจไหม บางโครงการอาจจะปล่อยร้างไปซะแล้ว... ก็ว่ากันไป
ลองไปกินอาหารร้านนั้นหน่อยว่ายังอร่อยเหมือนเดิมหรือป่าว บริการดีไหม การจัดการดีหรือป่าว
ใช้บริการแล้วประทับใจหรือป่าว
สุดท้าย ทั้งหมดนี้เป็นเพียงหลักการเบื้องต้น ส่วนราคาจริงจะเป็นยังไงก็พิจารณากันด้วยตัวเอง
สำหรับเราที่จะลงทุนระยะยาว ก็ต้องหมั่นดูอัตราส่วนทางการเงินเหล่านี้อยู่เสมอ
นักลงทุนบ้านนา จะพยายามนำเสนออะไรที่ดูง่ายๆไม่ต้องดูเทคนิคอะไรซับซ้อน....หรือป่าวว
https://www.facebook.com/WeIInvestor/
#cr
www.google.co.th
www.set.or.th
การหาหุ้นลงทุน ฉบับนักลงทุนบ้านนา
การซื้อหุ้นแบบใช้ทุนน้อยๆแล้วว วันนี้นักลงทุนบ้านนาจะมาเล่าถึง
วิธีการหาหุ้นเพื่อลงทุนกันบ้าง โดยใช้แนวทางของนักลงทุนบ้านนาเอง
ให้ถือว่าเป็นอีก 1 ประสบการณ์ที่มาแชร์กันนะครับ อย่าถือว่าเป็นการชี้แนะหรืออะไร
1. เรารู้จักธุรกิจหรือสินค้าอะไรบ้างในชีวิตประจำวัน
เช่น
ถ้าเราฝันว่าจะซื้อบ้านซักหลัง เรานึกถึงบริษัทอะไรเป็นอันดับแรก
เราจะซื้อรถซักคันเราจะซื้อรถอะไร เราเห็นคนส่วนมากใช้รถอะไร
เวลาเราหิว เรานึกถึงอะไรก่อน เดินทางรู้สึกร้อนกระหายน้ำเราจะไปซื้อที่ไหน
แล้วสินค้าที่ดูขายดีตามร้านที่เราเข้ามีอะไรบ้าง
เราชอบใช้ผลิตภัณฑ์อะไรบ่อยๆเป็นประจำ และใช้มานานมากและก็ยังใช้อยู่
ถ้าเราขับรถ เวลาเติมน้ำมันปั๊มแรกที่เราจจะเข้า
ไปเดินห้างไหนแล้วเห็นว่าคนเยอะ ร้านอาหารไหนคนรอคิวเต็มตลอด
เราจะเดินทาง รถทัวร์ รถไฟ เครื่องบิน อันไหนคนใช้บริการเยอะขึ้น
แล้วธุรกิจอะไรจะได้ประโยชน์
พอเรานึกผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่เราคุ้นเคยได้แล้ว
ต่อมาเราก็จะมาหาว่าแต่ละธุรกิจ มีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่
นักลงทุนบ้านนาใช้วิธีการค้นหาใน google
2. หลังจากที่เราเจอชื่อหุ้นแล้ว เราก็เข้าไปค้นหาในเว็บของตลาดหลักทรัพย์
3. พื้นฐานทั่วไปของบริษัทที่เราค้นหามาจากข้อ 2
ตัวอย่างข้อมูลบริษัทที่นักลงทุนบ้านนาจะอธิบายให้ดู
เรามาดูเป็นส่วนๆกันดีกว่า ผมจะแยกเป็นส่วนๆตามนี้
1) สินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของผู้ถือหุ้น
หนี้สินลดไหมหรือถ้าหนี้เพิ่ม สินทรัพย์ควรจะเพิ่มด้วย
ดูอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) หนี้สินต่อทรัพย์สิน คือ เอาหนี้ตั้งหารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น
ควรจะน้อยกว่า 1 ยิ่งน้อยยิ่งดี จากตัวอย่างผมถือว่าโอเคเลย
ทั้งนี้แหละทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจด้วย ควรจะเทียบกับธุรกิจเดียวกัน
2) รายได้ กำไรสุทธิ กำไรต่อหุ้น
กำไรเพิ่มขึ้นด้วยไหม หากมีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงแตกต่างแบบผิดปกติ
ก็ควรจะเข้าไปอ่านเพิ่มในแทบ ข่าว ลองไปหาดูได้ครับ
เขาอาจจะมีเหตุมีผลที่เข้าใจได้ อาจจะเป็นกำไรพิเศษหรือจ่ายค่าอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
และสังเกตกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นด้วยหรือป่าว เพราะบางปีอาจจะมีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น
ถึงได้กำไรเพิ่มก็อาจจะทำให้กำไรต่อหุ้นลดลงได้ ถ้ากำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นก็ถือว่าดี
3) ROA ROE อัตรากำไรสุทธิ
ยิ่งมีค่ามากแสดงว่าบริษัทให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นดีนั่นเอง
บริษัทรักษาระดับของ ROE ได้สม่ำเสมอ หรือเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ
จะถือว่าดีมาก เบสิกทั่วๆไปคือควรจะมากกว่า 10
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นคงต้องเทียบกับอัตราการเติบโตด้วย
ส่วน ROA ก็คือ ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ ก็ยิ่งมากยิ่งดี
เพราะหมายถึงว่า บริษัทสามารถใช้ทรัพยากรที่มีในการสร้างกำไรได้มากน้อยแค่ไหน
ส่วนอัตรากำไรสุทธิก็จะเกี่ยวข้องกับข้อ 2) คือรายได้ ต่อกำไรสุทธิ ยิ่งมากก็ยิ่งดี
เพราะจะแสดงให้เห็นว่า ธุรกิจนี้สร้างกำไรได้ดี เช่นต้นทุนต่ำ กำไรงาม
4) PE P/BV มูลค่าทางบัญชี เงินปันผล
จำง่ายๆ PE จะสะท้อนว่าเราจะคืนทุนต้องใช้เวลาลงทุนกี่ปี
ถ้าบริษัทสร้างผลตอบแทนได้เท่าปัจจุบัน
PE จะบอกได้ว่าหุ้นถูกหรือหุ้นแพง แต่ก็ต้องดูแนวโน้มการเติบโตด้วย
แต่ถ้าอ้างอิงหลักการก็ คือยิ่งน้อยยิ่งดี ลองเทียบกับบริษัทที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน
ราคามีขึ้นมีลง แต่สุดท้ายแล้ว ราคาจะสอดคล้องกับ PE เสมอ คือจะขึ้นหรือลงและปรับตัวมาที่ PE ที่เหมาะสมเสมอ
P/BV คือราคาต่อมูลค่าทางบัญชี ก็ยิ่งน้อยยิ่งดี
แต่ส่วนมากแล้วตลาดจะให้มูลค่าสอดคล้องกับความสามารถของบริษัท
มากกว่าจะให้ราคาเท่ามูลค่าทางบัญชี ดังนั้นก็ใช้เป็นส่วนประกอบการพิจารณาเท่านั้น
ยิ่งมากก็มีความเสี่ยงสูง ถ้าบริษัททำไม่ได้ตามที่ตลาดคาดหวัง เช่นเดียวกับ PE
มูลค่าทางบัญชี อันนี้ก็สอดคล้องกับ P/BV พิจารณาเทียบราคาเอา
สุดท้าย ปันผล แน่นอนถ้าเราคิดจะลงทุนระยะยาว ปันผลก็เป็นอีก 1 อย่างที่เราควรพิจารณา
จากตัวอย่างถ้าดูข้อมูลทุกอย่างตั้งแต่ข้อ 1,2,3,4 นั้น ปันผลเกิน 5% ถือว่าดีมาก ที่สำคัญสม่ำเสมอด้วย
4. ควรหมั่นสำรวจ ตลาดอยู่สม่ำเสมอ
วันก่อนไปเดินห้างแห่งนึงที่นักท่องเที่ยวจีนชอบมาซื้อของฝากกลับบ้าน
มีร้านยาร้านนึงคนเข้าคิวซื้อ อย่างกับของกิน จนผมแปลกใจ
และเดินไปดูเวลานักท่องเที่ยวจ่ายตังค์ ดูสิว่าในรถเข็นของเขามีสินค้าอะไร
* อย่าไปจ้องเขาจนผิดสังเกตนะครับ 555
เราก็จะเห็นพวกขนมคบเคี้ยว บราๆ ก็ว่ากันไป
ไปดูโครงการบ้านหรือคอนโด บริษัทที่เราถือหุ้นอยู่ ดูว่าถ้าเป็นเรา เราอยากซื้อโครงการนี้หรือป่าว
น่าสนใจไหม บางโครงการอาจจะปล่อยร้างไปซะแล้ว... ก็ว่ากันไป
ลองไปกินอาหารร้านนั้นหน่อยว่ายังอร่อยเหมือนเดิมหรือป่าว บริการดีไหม การจัดการดีหรือป่าว
ใช้บริการแล้วประทับใจหรือป่าว
สุดท้าย ทั้งหมดนี้เป็นเพียงหลักการเบื้องต้น ส่วนราคาจริงจะเป็นยังไงก็พิจารณากันด้วยตัวเอง
สำหรับเราที่จะลงทุนระยะยาว ก็ต้องหมั่นดูอัตราส่วนทางการเงินเหล่านี้อยู่เสมอ
นักลงทุนบ้านนา จะพยายามนำเสนออะไรที่ดูง่ายๆไม่ต้องดูเทคนิคอะไรซับซ้อน....หรือป่าวว
https://www.facebook.com/WeIInvestor/
#cr
www.google.co.th
www.set.or.th