ไปเที่ยวพม่ากันมั้ย? // 3 วัน 2 คืน ผ่านตัวหนังสือ

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวพันทิปทุกๆท่าน เอ้า! เร่เข้ามาครับ หลังจากที่ผมเคยแต่ตั้งกระทู้คำถามไปมากมายเกินคณานับ และตั้งกระทู้เที่ยวนั่นนี่นู่น แต่ก็ได้แต่ดองไว้ เพราะขี้เกียจย่อรูป (แหะๆ) วันนี้ผมกลับมาในกระทู้รีวิวทริปท่องเที่ยวแบบ “บันทึกนักเดินทาง” ครับ ตัวอักษรล้วนๆ 100% ไม่มีรูปปน
    วันนี้ผมจะพาทุกๆคนไปเที่ยวเมียนมาร์กันครับ จุดหมายปลายทางคราวนี้คือเมืองย่างกุ้ง คราวหน้านั้นหรือคือมัณฑะเลย์ เอ้า! รอช้าอยู่ใยล่ะครับ? ไปกันเลย!

    
DAY 1


    เครื่องบินก็ผมลงจอดที่ท่าอากาศยานของที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะก่อนลงเครื่องสักพัก ผมค่อนข้างเวียนหัวและปวดหัวตึ้บๆ ซึ่งช่างมันเถอะครับ ผมนั่งรถไปที่โรงแรมของผมเป็นที่แรก ก่อนจะฝากกระเป๋าเอาไว้ที่โรงแรมแล้วมุ่งหน้าสู่พระมหาเจดีย์ในยามบ่าย

    แหม่ ขอเบิกฤกษ์หน่อยจะเป็นอะไรไป พักหน่งพักเหนื่อยอะไร ไม่มี๊

    เมื่อผมเข้าใกล้ไปเรื่อยๆ ความยิ่งใหญ่ของที่นี่ก็ประจักษ์แก่สายตาน้อยๆของเด็กคนหนึ่ง พระมหาเจดีย์ชเวดากอง ประดับไปด้วยแผ่นทองมากมายนับไม่ถ้วน ยามแผ่นทองเหล่านั้นกระทบกับแสงสุริยะ แผ่นทองเหล่านั้นจะเปล่งรัศมี ทำให้พระมหาเจดีย์ดูงดงามขึ้นอีกเท่าตัว

    นี่ขนาดยังไม่ได้เข้าไปไหว้พระนะเนี่ย ผมคิดในใจ

    ผมฝากรองเท้า ซื้อตั๋วเข้าชม และขึ้นลิฟต์ไปสู่ด้านบน ผมมองออกไปด้านนอกลิฟต์ เห็นเจดีย์อีกสององค์ องค์หนึ่งมีขนาดใหญ่ หากแต่ถูกคลุมไปด้วยกระสอบ? ที่เห็นแล้วก็พอจะบอกได้ว่าองค์นี้กำลังถูกบูรณะ อีกองค์นึงเป็นเจดีย์องค์น้อยน่ารัก ตั้งอยู่ติดริมถนน

    เอ? หรือนี่จะเป็นเจดีย์วัดสามปลื้มในเวอร์ชันของเมียนมาร์กันนะ?
    ไม่สิ เป็นไม่ได้! เจดีย์องค์นี้ไม่ได้อยู่กลางวงเวียนเสียหน่อย! ผมคิดโต้แย้ง

    ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อ ลิฟต์ก็ขึ้นมาถึงด้านบนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าจำไม่ผิด พวกเราขึ้นมาด้านบนนี้จากฝั่งทิศตะวันออก
    และเมื่อเราเดินมาถึงพื้นหินอ่อนกลางแจ้งรอบพระมหาเจดีย์ แม่ของผมถึงกับอุทานด้วยความตกใจ เพราะกระเบื้องหินอ่อนเหล่านี้ ช่างเย็นเหลือเกิน! เป็นไปได้อย่างไรที่กระเบื้องหินอ่อนที่พบกับแดดอยู่แบบนี้จึงเย็นได้เหมือนเพิ่งเช้า
    พวกเราเดินประทักษิณรอบองค์พระมหาเจดีย์ ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆ และแล้วผมก็สะดุดตาเข้ากับอาคารหลังหนึ่ง ที่มีพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่อยู่ด้านใน และผนังตอนบนยังมีเรื่องราวเป็นไม้แกะสลักอีกด้วย เดาว่าคงจะเป็นเรื่องพระเวสสันดร ก่อนที่ผมจะเดินออกมาจากอาคารหลังนั้น โดยที่เหลือบไปเห็นตะปูที่เด้งขึ้นมาจากพื้นไม้หน่อยนึงด้วย

    เอ๊อะ! เสียงอุทานของผมถูกเปล่งออกจากปาก พร้อมใบหน้าที่ก้มมองลงไปที่เท้าตนเอง

    หนังเท้าถูกฉีกออกไปเล็กน้อยโดยฝีมือของตะปูตัวเดิมที่เหลือบมองไปเห็น แผลเล็กๆที่มีเลือดซิบออกมา และคาดว่าจะมีเลือดอีกมากมายพรั่งพรูออกมาอีก ถ้ายังไม่ได้รับพลาสเตอร์ปิดแผล

    ผมยังไม่อยากทำหินอ่อนสีขาวให้เปื้อนเลือดนะ...

    หลังจากผมทำแผลเสร็จแล้วด้วยความอนุเคราะห์ของแม่ ผมก็เดินแบบกะโผลกกะเผลกไปรอบๆพระมหาเจดีย์อีกนิดหน่อย แล้วไปขึ้นรถ
มุ่งหน้าสู่สถูปบรรจุพระศพพระนางศุภยาลัด พระราชินีองค์สุดท้ายของมัณฑะเลย์ ก่อนจะกลับโรงแรม สั่งอาหารมารับประทาน อาบน้ำชำระร่างกาย ทำกิจธุระส่วนตัว และหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการนั่งเครื่องบิน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่