ผู้นั้นคือ    ประชาชนพลเมืองเน็ตและผู้พิพากษาศาลเฟสบุ๊คนั่นเอง

หลังจากที่เกิดคดีเปรมชัยขึ้นมาแล้ว ความสงสัยต่ออิทธิพล(ความร่ำรวย)ของเปรมชัยและท่าทีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เกิดขึ้นในความคิดของมวลชนเป็นจำนวนมาก ซึ่ง ไม่ผิดที่ท่านทั้งหลายจะคิดสงสัย(เคลือบแคลง ระแวง พะวงใจ ไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อใจ ฯลฯ)ต่อบุคคลดังกล่าวนั้น

แต่ความสงสัยได้ข้ามเส้นกลายเป็นการใช้อคติในการเสพข่าว กลายเป็นกระแสดราม่า ทั้งสื่อ เพจเฟสบุ๊ค หรือบุคคลบางบุคคลก็ได้โหนกระแสขายดราม่ากันอย่างเต็มที่

ทำให้ข่าวของเปรมชัยนั้น ไม่ได้ถูกนำเสนอในจุดหลัก ประเด็นหลัก หรือเนื้อหาสาระที่ควรจะเป็น (เช่น ความคืบหน้าในการดำเนินคดี) แต่ทั้งสื่อและผู้เสพสื่อกับขายและขยายวงดราม่าจนหลุดประเด็นไปไกลโข

ผมจึงขอเรียนให้ทราบว่า บุคคลที่มีส่วนสนับสนุนให้เปรมชัยรอดคุก คือ ประชาชนพลเมืองเน็ตและผู้พิพากษาศาลเฟสบุ๊ค ที่มีอยู่เกลื่อนกลาดนั่นเอง
จึงขอสรุป(ซึ่งอาจไม่ดูเหมือนสรุปเท่าไหร่)ด้วยการกระทำต่างๆดังต่อไปนี้

1.เบี่ยงความสนใจของคดี
  นับแต่เกิดกรณีนี้ขึ้นจนถึงปัจจุบัน การจุดดราม่าในประเด็นที่เกี่ยวข้องนั้นอยู่ในความสนใจของประชาชนตลอด จนข่าวความคืบหน้าของคดีโดนกระแสสังคมกลบ โดนลดความสำคัญ ซึ่งถ้าสังคมมีความสงสัยต่อการทำงานของตำรวจจริง ก็ยิ่งต้องจี้ไปที่ความคืบหน้าของคดี มากกว่ามารุมดราม่าในเรื่องที่หลุดประเด็น ซึ่งอาจทำให้ตำรวจอาจใช้ห้วงเวลาที่ประชาชนไม่สนใจต่อรูปคดีช่วยเหลือเปรมชัยได้(ถ้าเขาคิดจะทำ) ซึ่งจะขอยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
  1.1การล่าแม่มดกับกรณีของ ดร.กาญจนา นิตยะ
  แทนที่สังคมจะไปเพ่งดูว่า ใครเป็นผู้อนุญาตโดยตรง(ผู้ที่ใช้อำนาจอนุญาต) หรือเปรมชัยทำอย่างไรจึงนำอาวุธเข้าไปได้ แต่ไปล่าแม่มดกรณีของติ๊ก เจษฎาภรณ์เทียบกับเปรมชัย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทั้งติ๊ก เจษฎาภรณ์และเปรมชัยนั้น ต่างได้รับอนุญาตทั้งคู่ และทำผิดทั้งคู่ กล่าวคือ ติ๊กได้ไปถ่ายทำรายการในบริเวณภูคิ้ง ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม จึงมีการดำเนินคดีกับติ๊ก แต่ภายหลังก็ได้ยอมความไป เพราะติ๊ก ไม่ได้บุกรุกเข้าไปด้วยเจตนาร้าย ส่วนเปรมชัยนั้นได้รับอนุญาต และก็เข้าไปทำผิด จึงถูกดำเนินคดี ไม่ได้มีการยอมความกันอย่างกรณีของติ๊กแต่อย่างไร
  1.2ตายายเก็บเห็ด ล่าหมี ฯลฯ
  หลังจากเวลาล่วงเลยผ่านไปสักระยะ เหมือนจะมีคนเหงา แทนที่จะมุ่งไปที่การทำงานของตำรวจ ดังที่ผมได้กล่าวมา กับมีการสร้างดราม่ามั่วๆ ขึ้นมาอย่างไม่สิ้นสุด เช่น เทียบกรณีตายาย(อายุ50ต้นๆ)เก็บเห็ด(แต่ไม่เคยมีเห็ดกลับไปเลย)กับคดีล่าหมี ในทำนองว่า คนพวกนั้นจนเลยต้องนอนคุก แต่เปรมชัยรวยเลยไม่ต้องนอคุก ซึ่งในความจริงแล้วมันไม่ใช่การนอนคุก(ถูกจำกัดอิสระภาพ ต้องปฎิบัติตามกฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์) หากแต่เป็นการฝากขัง(ซึ่งยังมีอิสระอยู่ เว้นแต่ต้องถูกกักบริเวณไว้) และทั้ง 3 คดีนี้ ก็ล้วนได้สิทธิประกันตัวเพื่อสู้คดีทั้งนั้น แต่เคสของตายายเก็บเห็ดกับล่าหมี ไม่ได้มีเงินมาประกัน เลยต้องถูกฝากขัง และเสริมว่าการประกันตัวนั้น ไม่ได้คำนึงถึงรวยจน หากแต่อยู่ที่ความหนักเบาของข้อกล่าวหาต่างหาก ดังนั้นไม่ว่าจะรวยหรือจน ถ้าทำผิดในคดีเดียวกันด้วยพฤติการณ์ที่ใกล้เคียงกัน ก็ย่อมได้สิทธิประกันด้วยทรัพย์ในมูลค่าเท่ากัน ไม่ได้สนว่าผู้นั้นจนรวย
  ทั้งหมดทั้งมวลล้วนทำให้ข่าวการความคืบหน้าของคดีหรือการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถูกวิจารณ์อย่างหลุดประเด็นและถูกกลบด้วยกระแสดราม่าเหล่านี้

2.กดดันและเร่งรัดการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
  ในกรณีนี้แสดงความย้อยแย้งของคนไทยมาตลอด เหมือนกับเวลาที่เร่งให้ตำรวจเอาผู้ร้ายเข้าคุกแต่กับไปขัดขวางการทำงานของตำรวจ เช่น เวลาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แทนที่ตำรวจจะได้ข้อมูลไปสรุปสำนวน ผู้คนก็พากันมารุมจะทำร้ายผู้ต้องหา จนตำรวจไม่สามารถทำแผนได้ ก็ทำให้คดีล่าช้าไปอีก
  คดีของเปรมชัยก็เช่นเดียวกัน คนในสังคมพยายามสร้างชุดความเชื่อว่าตำรวจพยายามจะช่วยเปรมชัย(ซึ่งก็เป็นสิทธิที่คุณจะคิดได้) ตำรวจจึงแสดงให้เห็นภาพที่ตรงกันข้ามด้วยการรวบรวมพยานหลักฐานจากคำให้การของพยานหลายๆปาก และการรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่แน่ชัด เพื่อจะให้สำนวนรัดกุมมากขึ้น
  แต่ชาวเน็ตกับเรียกร้องงดสอบพยาน(ด้วยอคติว่าตำรวจจะเอาผิดพยาน...)และให้เร่งสรุปคดี ซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่เปรมชัยคงซาบซึ้งบุญคุณชาวเน็ต เพราะถ้าหากไม่สืบพยานหลายๆปากหรือรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์(ที่จะมีส่วนมัดเปรมชัยให้แน่นขึ้น) เวลาขึ้นศาล เปรมชัยก็จะหลุดรอดได้โดยง่าย โดยอาจจะโยนความผิดไปให้ลูกน้องสักคนนึง แล้วอ้างว่าตนเป็นเพียงผู้สนับสนุน ไม่ใช่ตัวการที่กระทำผิดโดยตรง เพราะไม่มีหลักฐานมัดตัวเองอย่างเด่นชัด

ทั้งนิ้ ความสงสัยหรือไม่มั่นใจต่อการทำงานของตำรวจ อาจเกิดมีขึ้นได้ แต่หากท่านใช้อคตินี้ตลอดเวลา จนทำให้งมอยู่ในพะวังเเห่งดราม่า ก็คงทำให้อะไรหลายๆอย่าง ไม่ใช่แค่เรื่องเปรมชัย ผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากที่ควรเป็น

ดังนั้น จากพฤติการณ์ 2 อย่างหลักๆของชาวเน็ตในตอนนี้ ล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยเหลือเปรมชัยทั้งสิ้น