
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยววังเวียงกันค่ะ ทริปนี้จะไปกันทั้งหมด 4 คน โดยครั้งนี้จะเป็นการไปเที่ยวครั้งที่ 2 ของเรา
เราชอบวังเวียงนะ แต่ไม่ชอบการเดินทางเข้าไปเลยยยย ฮืออออออ

ทางวิบากยิ่งกว่าแข่ง Off road แต่ก็นะเมืองที่สวยๆก็ต้องแลกกับการเดินทางซักกะนิด หรา!!!! โดยทริปเราเดินทางตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2560 – 3 มกราคม 2561 ทั้งหมด 8 วัน 5 คืน โดยไม่ได้นับการนอนบนรถ
เป็นทริปปีใหม่ที่ยาวนานมากกกกกก นี่ไปวังเวียง ประเทศลาว หรือไปยุโรป!!! ทำไมเราถึงใช้เวลาที่ยาวนานอะไรขนาดนี้
ก็เพราะว่า ตั๋วรถมันเต็มนะซิค่ะคุณผู้ชม จะไปช่วงปีใหม่ แต่มานึกอยากไป 2 อาทิตย์ก่อนปีใหม่ บ้าไปแล้ว จะมีตั๋วรถที่ไหนนนนน
พอคิดได้ว่าจะไปก็เริ่มหาตั๋วทางเวบไซท์ของ บขส.ต่างๆเต็มหมด จองไม่ได้ สุดท้ายก็เลยเดินทางไปหมอชิตเพื่อไปซื้อตั๋วในเส้นทาง กรุงเทพฯ-อุดร อุดร-วังเวียง อุดร-กรุงเทพ พอได้ตั๋วมาแล้วก็สบายใจไปเปราะนึง ส่วนขากลับจากวังเวียง-อุดรธานี เราค่อยไปจองที่เมืองวังเวียงค่ะ อ้อของเราของกับ บขส.999 นะคะ เกริ่นกันมานานละ เรามาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าค่ะ
**หากท่านใดอยากสอบถามรายละเอียดต่างๆ เราอาจจะใส่ข้อมูลไม่ครบ แต่สอบถามเรามาได้เลยนะคะ**
วันที่ 27 ธันวาคม 2560 กรุงเทพฯ-อุดรธานี
และแล้ววันเดินทางก็มาถึงเรา เราออกจากบ้านแถวลาดพร้าวประมาณ 5 โมงเย็น รถออกตอน 2 ทุ่มก็กะว่าสบายๆละแต่ที่ไหนได้
รถติดแบบวินาสมากกกกก หลากหลายอารมณ์มาก หิวข้าว ปวดฉี่ กลัวตกรถ พอถึงหมอชิตแล้ววิ่งตรงไปที่ชานชาลา และคนเยอะมากในช่วงเทศกาลปัญหาคือ ห้องน้ำคนเยอะมากกกกกกกกกก เพิ่งได้เข้าไปต่อแถวในห้องน้ำ น้องก็โทรมาตามว่า รถจะออกแล้ววววววว ฮือออ เพิ่งได้ต่อแถวข้างใน ก็ต้องรีบวิ่งออกมาที่รถ สุดท้ายก็ได้เข้าห้องน้ำบนรถแทน
วันที่ 28 ธันวาคม 2560 อุดรธานี
เราเดินทางมาถึงจ.อุดรธานี เวลา 7 โมงครึ่ง เราจะนอนกันที่นี่ 1 คืนค่ะ พวกเราพักที่ Udon Backpackger ซึ่งไม่ไกลจาก บขส.เลย เดิน 3 นาทีถึง ที่พักน่ารักมากค่ะ และราคาไม่แพงเลย หลังจากเราเอากระเป๋าไปเก็บเสร็จ ก็เดินออกไปหาข้าวเช้าทานกันที่ คิงโอชา ร้านอาหารเจ้าดังพวกเราสั่งไข่กระทะ สตูว์ไก่ ขนมปังปิ้ง ข้าวเกรียบปากหม้อ และพักผ่อนตามอัธยาศัย ตอนเย็นก็ออกไปดูหนังที่เซ็นทรัล และกินหมูกะทะ ชิวๆค่ะวันนี้ เพราะต้องเตรียมร่างกายสำหรับพร้อมออกเดินทางไปวังเวียงในเช้าวันรุ่งขึ้นจ้า
วันที่ 29 ธันวาคม 2560 อุดรธานี – สะพานมิตรภาพไทย-ลาว – เวียงจันทน์ – วังเวียง
กู้ดมอนิ่งค่ะ ในเช้าวันนี้เราก็จะเริ่มเดินทางออกจากอุดรธานี เพื่อไปยังวังเวียง
08.30 ได้เวลาเดินทางออกจากบขส.อุดร เพื่อเดินทางไปด่านแรกคือ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีคะ
ระหว่างเราเดินทางเจ้าหน้าที่รถก็จะแจกใบ ตม.พร้อมทั้งบอกวิธีการเมื่อเราไปถึงด่านค่ะ
พอข้ามด่านไทยมาก็จะเจอกับด่านลาวค่ะ ก็ทำตามขั้นตอนต่างๆนานาๆค่ะ หลายท่านในเวบนี้ก็คงบอกวิธีการไปบ้างแล้ว งั้นเราขอข้ามนะคะ
11.00 น.โดยประมาณ เรามาถึงจุดแวะพักรถค่ะ จุดนี้เราก็จะได้แวะพักทานข้าว แลกเงิน ซื้อซิมค่ะ ที่เราทานกันอย่างแรกเลยคือ เฝอเนื้อค่ะ ชามใหญ่โตมโหรทึกค่ะ เราทำการแลกเงิน เปลี่ยนซิม เราแลกเงินไปทั้งหมด 4,000 บาทค่ะ ได้เงินกี่ล้านก็จำไม่ได้จริงๆ ค่ะ ค่าใช้จ่ายแต่ละคนไม่เท่ากันนะคะ บางคนเที่ยวถูกบางคนเที่ยวแพง แต่ของเราเน้นเที่ยวสบายๆจ้า
15.30 และแล้วเราก็เดินทางมาถึงวังเวียง ใช้เวลาเดินทางนานมากกกกกก ถึงแม้จะเคยมาแล้ว ก็ไม่ชินซักกะที พอเราลงรถก็เดินไปจองตั๋วรถขากลับเลยค่ะ ตรงใน บขส.นั้นละคะ ได้ตั๋วขากลับมาแล้วก็สบายใจ นั่งรถสองแถวเค้าจะเข้าไปส่งในตัวเมืองค่ะ จอดตรงแถวๆโรงแรมเมลานี 1 แล้วจากนั้นเราก็เดินต่อไปยังที่พักค่ะ ครั้งนี้เราเลือกที่พัก River view ใกล้ๆกับจำปาลาวค่ะ โดยจะพักทั้ง 4 คืนตลอดการอยู่วังเวียงเลยค่ะ เอาของเก็บเข้าห้องพัก พักผ่อนกันแปปนึง พวกเราก็ออกไปเดินเล่นพร้อมหาข้าวเย็นทานค่ะ เราแวะกันร้านแรกที่ร้าน จำปาลาวเกสเฮ้าส์ค่ะ ดื่มกาแฟและชมวิวยามเย็นค่ะ สวยมากเลยจริงๆ
จากนั้นก็เดินต่อลงไปที่ริมน้ำค่ะ ไปหามื้อเย็นทาน เราเลือกนั่งริมน้ำค่ะ ริมจริงๆค่ะ เวลาเรือวิ่งผ่านน้ำเกือบทั้งที่เรานั่ง ลุ้นทุกวินาที พอทานข้าวเสร็จก็ไปซากุระบาร์ค่ะ แต่เนื่องจากพวกเราเหนื่อยจากการเดินทางก็เลยแวะไปนั่งแปปๆก็กลับค่ะ

วันที่ 30 มกราคม 2560 ล่องหวงยาง
วันนี้เราเลือกจะตื่นสายกันซักกะหน่อย เพราะเมื่อวานเหนื่อยล้ากันมาก วันนี้โปรแกรมที่เราจะทำกันก็คือ ล่องห่วงยางค่ะ
ครั้งที่แล้ว เรามาก็ไม่ได้ล่องค่ะ ครั้งนี้เลยจะลองซักหน่อย เราเดินไปเช่าห่วงยางแถวๆทางแยก โดยจะมีค่ามัดจำและค่าเช่าค่ะ
รวมๆแล้วประมาณ 200 กว่าบาท ส่วนค่าของเงินกีบนั้นบอกตรงๆว่าลืมค่ะพอจ่ายเงินแล้วก็จะได้ห่วงยางและเสื้อชูชีพค่ะ จากนั้นก็นั่งรถไปยังต้นทางที่จะล่องโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีคะ อากาศวันนี้ดูครึมๆเหมือนฝนจะมา
และแล้วเราก็ได้ล่องค่ะ น้ำนิ่งมากกกกกก คือถ้าไม่เอามือกวัก เราก็จะไม่ไหลเลย นี่ซะนะความชิวที่แท้จริง ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากนอนอยู่บนห่วงยาง ล่องๆไปก็ทักทายชาวคายัคที่พายผ่านไปมา เวลาใครถามว่าสนุกไหม?ก็ได้แต่ตะโกนตอบไปว่า ไม่สนุกเลย อย่ามาเล่น มันไม่มีความชิวเลย มันน่าเบื่อออออออมากกกก น้ำก็น้อย น้ำนิ่ง เราตัวอ้วนด้วยก็เก็บแลนด์มาร์คทุกโขดหิน เข้ากิ่งไม้ทุกที่ที่มี ล่องไปสักพักฝนก็ตกจ้า มาเลยจ๊ะ หนีไปไหนไม่ได้อยู่แล้วนิ กว่าจะจบการล่องห่วงยางกินเวลาไป 2ชั่วโมงครึ่ง โอ่ยยยยยยยเพลียร่างมากค่ะ พอค่ะพอ
**คำแนะนำ ควรล่องหน้าที่มีน้ำเยอะๆเท่านั้น ไม่งั้นมันจะน่าเบื่อมากกกกกกก ฮืออออออออออ**

พอเราเอาห่วงยางไปคืน ฝนก็ตกลงมาหนักมากค่ะ พวกเราก็ตากฝนเดินกลับที่พักกัน โดยระหว่างทางก็แวะซื้อแซนวิชลาวกลับไปกินที่ห้องพักซักหน่อย อันใหญ่โตมากค่ะ ราคาประมาณ 80-120 แล้วแต่ใส้ที่เราจะเลือก พอถึงที่พักก็อาบน้ำ พักผ่อน
คิดอยู่ว่าถ้าฝนหยุด เราก็คงออกไปเดินเล่นกัน แต่ แต่ แต่ ฝนก็กระหน่ำลงมาทั้งคืนค่ะ ตกเข้าไป ตกไปเซ้ ไม่ออกก็ได้วะ

วันที่ 31 มกราคม 2560 น้ำตกแก่งยุ้ย – ถ้ำจัง – กินหมูกระทะบุฟเฟท์ – เค้าท์ดาวปาร์ตี้ปีใหม่
และแล้วน้องฝนก็จากเราไปในช่วงอรุณเช้า เราถูกปลุกด้วยเสียงเพลงที่เปิดจากวัด ตอนตี 4 ใช่ค่ะ ฟังไม่ผิดค่ะ ตี 4 ที่วัดเปิดเพลงปลุก ฮืออออออ

ทำไมต้องทำแบบนี้ เลือกโรงแรมใกล้วัดไปหน่อย T T วันนี้เราแพลนว่าจะไปน้ำตกแก่งยุ้ยกับถ้ำจัง สะพานส้มในตำนาน ครั้งที่แล้วเราไม่ได้ไปทั้ง 2 ที่เลย พวกเราเลือกเช่ารถมอเตอร์ไซค์ค่ะ ของหน้าโรงแรม ราคาประมาณ 200 กว่าบาท พี่คนให้เช่ารถก็อธิบายเส้นทางให้เราฟังค่ะ แล้วบอกว่าทางโหดนะ เราก็เชื่อนะคะ แต่ใจมันอยากไปก็ลุยค่ะ
พอได้รถแล้วก็ออกไปเติมน้ำมันค่ะ เติมไป 10,000 กีบ เติมเท่านี้ก็พอค่ะ วิ่งได้ยาวละ จากนั้นก็เปิด googlemap ลุยกันค่ะ ทางเข้าอยู่ไม่ห่างจากปั๊มน้ำมันมากนักค่ะ พอเลี้ยวเข้ามา ก็บอกได้เลยว่า โอ้โหวววววววววว ทางมันจะวิบากไปไหนสมค่ำร่ำลือออออออออออจริงๆ ทางขรุขระมีทั้งหิน ทราย และดินที่เละๆเนื่องจากฝนตกเมื่อคืนนนนนนนนนน ระหว่างทางเราก็จะเจอกับหมูป่ายืนอยู่กลางถนน เจอไก่งวง แพะ ขี้วัว และฝูงวัว ตลอดการเดินทาง ยิ่งกว่าสวนสัตว์เปิดเขาเขียวอีกจ้า พอใกล้จะถึงก็จะเป็นเนินลงไป

คิดว่าจะถึงแล้วใช่ไหมค่ะ ยังค่ะยัง แวะพักกันซักกะนิด ตรงทางเข้าน้ำตกก็จะมีร้านขายส้มตำ ไก่ย่าง หนูย่าง กระรอกย่าง ค้างคาวย่างก็มาจ้า พวกเราเลือกไก่ย่าง ต้มส้มไก่ และค้างคาวย่างมาเพื่อลองชิม ไก่ย่างก็อร่อยตามประสา ถึงคิวพระเอกในงาน น้องค้างคาวย่าง เราไม่กล้าชิม น้องที่ชิมบอกว่าเหมือนเนื้อวัว หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารไปแล้ว เราก็ต้องเดินเข้าไปยังน้ำตกประมาณ 500 เมตร ซึ่งเป็น 500 เมตรที่เดินขึ้น เดินลงตลอด เหนื่อยยยยยจริงๆค่ะ เดินมาจนถึงใกล้น้ำตก จะมีทางขึ้นพีคๆอยู่ 1 อัน เราขอบายค่ะ และนั่งลงตรงข้างล่างรอ น้ำน้อยมากค่ะ ก็อย่างว่าละคะ ไม่ใช่หน้าฝนซะหน่อย
เอาละดื่มด่ำกับธรรมชาติมาพอควรละ อันที่จริงคือพักเหนื่อยหายละ ก็เดินกลับกันค่ะ หลังจากนั้นก็ฝ่าทางวิบากออกไปข้างนอกอีกครั้ง เอาจริงๆนะคะ รู้สึกว่ามันเหนื่อยกว่าการล่องห่วงยางอีกค่ะ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังถ้ำจัง พอเลี้ยวขวาลงไปตรงถนนทางเข้าถ้ำจัง โอ้โหววววววววววดินโคลนชาเย็น ทางวิบากไม่จบไม่สิ้น คนเยอะมากเลยทีเดียวทั้งชาวลาว ชาวจีน เกาหลี คนไทย ระหว่างทางก็หาขนมกินไปเรื่อยเปื่อยค่ะทั้ง
พอถึงทางขึ้นเราก็ขอบายคะ เดินขึ้นไม่ไหวจริงๆด้วยน้ำหนักตัว ก็ส่งน้องๆขึ้นไปกันค่ะ เรานั่งอยู่แปปนึง น้องๆก็มากันค่ะ ใช้เวลาไม่นานเท่าไร จบจากการเที่ยวถ้ำจังเราก็กลับไปนอนพักผ่อนที่โรงแรมค่ะ รอเวลาอาหารมื้อเย็น ซึ่งเราตกลงกันว่าวันนี้จะหาหมูกระทะกินกัน แต่ร้านที่เค้าแนะนำก็ไม่ใช่บุฟเฟท์ มันไม่พอกินค่ะ
จำได้ว่าทางที่เราขี่ไปเติมน้ำมันเราเห็นร้านหมูกระทะบุฟเฟท์ค่ะ ก็เลยไปกินกันที่ร้านนั้นค่ะ ราคาต่อหัวคือ 70,000 กีบ/คน ไม่รวมน้ำค่ะ อาหารหลากหลายมากค่ะ มีเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ อาหารทะเล ลูกชิ้นต่างๆ ก็ถือว่าอร่อยใช้ได้ค่ะ หากใครอยากไปลองทาน ร้านจะอยู่ขวามือทางเข้าตัวเมืองวังเวียงค่ะ มีป้ายร้านยิ่งใหญ่มากกกก ถ้าถามถึงชื่อร้านบอกได้เลยค่ะว่าลืม แหะแหะ
ปีนี้วันสุดท้ายของปี เราก็จะหาที่เค้าท์ดาวน์กันจ้า ซากุระบาร์เราคงไม่ไปเพราะเสียค่าเข้า แต่เราได้ยินเสียงเพลงดังมาจากทางด้านล่าง และมีป้ายเชิญชวนอยู่ด้านบนอยู่ด้วย และแล้วพวกเราก็เลือกเดินลงไปกันค่ะในร้านก็จะเป็นบาร์โล่งๆมีแคร่ไม้ให้ขึ้นไปเต้น และมีกองไฟไว้แก้หนาวหรือทำให้ร้อนกว่าเดิมก็ไม่รู้ 55555 ร้านนี้มีแจก BBQ ฟรีด้วยนะคะ ไม้ใหญ่โต แต่เราไม่ได้ชิมเลย เพราะยังอิ่มอยู่ บรรยากาศคนก็จะวนเวียนขึ้นไปเต้นเรื่อยๆ และแล้วก็ได้เวลาเค้าท์ดาวน์ 5 4 3 2 1 สวัสดีปีใหม่ค่ะ คนรอบข้างต่างส่งเสียง Happ new year สวัสดีปีใหม่กันให้กระหน่ำค่ะ พ้นช่วงเวลาเค้าท์ดาวน์มาพวกเราก็เริ่มง่วงค่ะ ก็เดินกลับไปยังที่พักแล้วพักผ่อน
ทริปปีใหม่@วังเวียง 27 ธ.ค. 60 - 3 ม.ค. 61
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยววังเวียงกันค่ะ ทริปนี้จะไปกันทั้งหมด 4 คน โดยครั้งนี้จะเป็นการไปเที่ยวครั้งที่ 2 ของเรา
เราชอบวังเวียงนะ แต่ไม่ชอบการเดินทางเข้าไปเลยยยย ฮืออออออ
เป็นทริปปีใหม่ที่ยาวนานมากกกกกก นี่ไปวังเวียง ประเทศลาว หรือไปยุโรป!!! ทำไมเราถึงใช้เวลาที่ยาวนานอะไรขนาดนี้
ก็เพราะว่า ตั๋วรถมันเต็มนะซิค่ะคุณผู้ชม จะไปช่วงปีใหม่ แต่มานึกอยากไป 2 อาทิตย์ก่อนปีใหม่ บ้าไปแล้ว จะมีตั๋วรถที่ไหนนนนน
พอคิดได้ว่าจะไปก็เริ่มหาตั๋วทางเวบไซท์ของ บขส.ต่างๆเต็มหมด จองไม่ได้ สุดท้ายก็เลยเดินทางไปหมอชิตเพื่อไปซื้อตั๋วในเส้นทาง กรุงเทพฯ-อุดร อุดร-วังเวียง อุดร-กรุงเทพ พอได้ตั๋วมาแล้วก็สบายใจไปเปราะนึง ส่วนขากลับจากวังเวียง-อุดรธานี เราค่อยไปจองที่เมืองวังเวียงค่ะ อ้อของเราของกับ บขส.999 นะคะ เกริ่นกันมานานละ เรามาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าค่ะ
**หากท่านใดอยากสอบถามรายละเอียดต่างๆ เราอาจจะใส่ข้อมูลไม่ครบ แต่สอบถามเรามาได้เลยนะคะ**
วันที่ 27 ธันวาคม 2560 กรุงเทพฯ-อุดรธานี
และแล้ววันเดินทางก็มาถึงเรา เราออกจากบ้านแถวลาดพร้าวประมาณ 5 โมงเย็น รถออกตอน 2 ทุ่มก็กะว่าสบายๆละแต่ที่ไหนได้
รถติดแบบวินาสมากกกกก หลากหลายอารมณ์มาก หิวข้าว ปวดฉี่ กลัวตกรถ พอถึงหมอชิตแล้ววิ่งตรงไปที่ชานชาลา และคนเยอะมากในช่วงเทศกาลปัญหาคือ ห้องน้ำคนเยอะมากกกกกกกกกก เพิ่งได้เข้าไปต่อแถวในห้องน้ำ น้องก็โทรมาตามว่า รถจะออกแล้ววววววว ฮือออ เพิ่งได้ต่อแถวข้างใน ก็ต้องรีบวิ่งออกมาที่รถ สุดท้ายก็ได้เข้าห้องน้ำบนรถแทน
วันที่ 28 ธันวาคม 2560 อุดรธานี
เราเดินทางมาถึงจ.อุดรธานี เวลา 7 โมงครึ่ง เราจะนอนกันที่นี่ 1 คืนค่ะ พวกเราพักที่ Udon Backpackger ซึ่งไม่ไกลจาก บขส.เลย เดิน 3 นาทีถึง ที่พักน่ารักมากค่ะ และราคาไม่แพงเลย หลังจากเราเอากระเป๋าไปเก็บเสร็จ ก็เดินออกไปหาข้าวเช้าทานกันที่ คิงโอชา ร้านอาหารเจ้าดังพวกเราสั่งไข่กระทะ สตูว์ไก่ ขนมปังปิ้ง ข้าวเกรียบปากหม้อ และพักผ่อนตามอัธยาศัย ตอนเย็นก็ออกไปดูหนังที่เซ็นทรัล และกินหมูกะทะ ชิวๆค่ะวันนี้ เพราะต้องเตรียมร่างกายสำหรับพร้อมออกเดินทางไปวังเวียงในเช้าวันรุ่งขึ้นจ้า
วันที่ 29 ธันวาคม 2560 อุดรธานี – สะพานมิตรภาพไทย-ลาว – เวียงจันทน์ – วังเวียง
กู้ดมอนิ่งค่ะ ในเช้าวันนี้เราก็จะเริ่มเดินทางออกจากอุดรธานี เพื่อไปยังวังเวียง
08.30 ได้เวลาเดินทางออกจากบขส.อุดร เพื่อเดินทางไปด่านแรกคือ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีคะ
ระหว่างเราเดินทางเจ้าหน้าที่รถก็จะแจกใบ ตม.พร้อมทั้งบอกวิธีการเมื่อเราไปถึงด่านค่ะ
พอข้ามด่านไทยมาก็จะเจอกับด่านลาวค่ะ ก็ทำตามขั้นตอนต่างๆนานาๆค่ะ หลายท่านในเวบนี้ก็คงบอกวิธีการไปบ้างแล้ว งั้นเราขอข้ามนะคะ
11.00 น.โดยประมาณ เรามาถึงจุดแวะพักรถค่ะ จุดนี้เราก็จะได้แวะพักทานข้าว แลกเงิน ซื้อซิมค่ะ ที่เราทานกันอย่างแรกเลยคือ เฝอเนื้อค่ะ ชามใหญ่โตมโหรทึกค่ะ เราทำการแลกเงิน เปลี่ยนซิม เราแลกเงินไปทั้งหมด 4,000 บาทค่ะ ได้เงินกี่ล้านก็จำไม่ได้จริงๆ ค่ะ ค่าใช้จ่ายแต่ละคนไม่เท่ากันนะคะ บางคนเที่ยวถูกบางคนเที่ยวแพง แต่ของเราเน้นเที่ยวสบายๆจ้า
15.30 และแล้วเราก็เดินทางมาถึงวังเวียง ใช้เวลาเดินทางนานมากกกกกก ถึงแม้จะเคยมาแล้ว ก็ไม่ชินซักกะที พอเราลงรถก็เดินไปจองตั๋วรถขากลับเลยค่ะ ตรงใน บขส.นั้นละคะ ได้ตั๋วขากลับมาแล้วก็สบายใจ นั่งรถสองแถวเค้าจะเข้าไปส่งในตัวเมืองค่ะ จอดตรงแถวๆโรงแรมเมลานี 1 แล้วจากนั้นเราก็เดินต่อไปยังที่พักค่ะ ครั้งนี้เราเลือกที่พัก River view ใกล้ๆกับจำปาลาวค่ะ โดยจะพักทั้ง 4 คืนตลอดการอยู่วังเวียงเลยค่ะ เอาของเก็บเข้าห้องพัก พักผ่อนกันแปปนึง พวกเราก็ออกไปเดินเล่นพร้อมหาข้าวเย็นทานค่ะ เราแวะกันร้านแรกที่ร้าน จำปาลาวเกสเฮ้าส์ค่ะ ดื่มกาแฟและชมวิวยามเย็นค่ะ สวยมากเลยจริงๆ
จากนั้นก็เดินต่อลงไปที่ริมน้ำค่ะ ไปหามื้อเย็นทาน เราเลือกนั่งริมน้ำค่ะ ริมจริงๆค่ะ เวลาเรือวิ่งผ่านน้ำเกือบทั้งที่เรานั่ง ลุ้นทุกวินาที พอทานข้าวเสร็จก็ไปซากุระบาร์ค่ะ แต่เนื่องจากพวกเราเหนื่อยจากการเดินทางก็เลยแวะไปนั่งแปปๆก็กลับค่ะ
วันที่ 30 มกราคม 2560 ล่องหวงยาง
วันนี้เราเลือกจะตื่นสายกันซักกะหน่อย เพราะเมื่อวานเหนื่อยล้ากันมาก วันนี้โปรแกรมที่เราจะทำกันก็คือ ล่องห่วงยางค่ะ
ครั้งที่แล้ว เรามาก็ไม่ได้ล่องค่ะ ครั้งนี้เลยจะลองซักหน่อย เราเดินไปเช่าห่วงยางแถวๆทางแยก โดยจะมีค่ามัดจำและค่าเช่าค่ะ
รวมๆแล้วประมาณ 200 กว่าบาท ส่วนค่าของเงินกีบนั้นบอกตรงๆว่าลืมค่ะพอจ่ายเงินแล้วก็จะได้ห่วงยางและเสื้อชูชีพค่ะ จากนั้นก็นั่งรถไปยังต้นทางที่จะล่องโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีคะ อากาศวันนี้ดูครึมๆเหมือนฝนจะมา
และแล้วเราก็ได้ล่องค่ะ น้ำนิ่งมากกกกกก คือถ้าไม่เอามือกวัก เราก็จะไม่ไหลเลย นี่ซะนะความชิวที่แท้จริง ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากนอนอยู่บนห่วงยาง ล่องๆไปก็ทักทายชาวคายัคที่พายผ่านไปมา เวลาใครถามว่าสนุกไหม?ก็ได้แต่ตะโกนตอบไปว่า ไม่สนุกเลย อย่ามาเล่น มันไม่มีความชิวเลย มันน่าเบื่อออออออมากกกก น้ำก็น้อย น้ำนิ่ง เราตัวอ้วนด้วยก็เก็บแลนด์มาร์คทุกโขดหิน เข้ากิ่งไม้ทุกที่ที่มี ล่องไปสักพักฝนก็ตกจ้า มาเลยจ๊ะ หนีไปไหนไม่ได้อยู่แล้วนิ กว่าจะจบการล่องห่วงยางกินเวลาไป 2ชั่วโมงครึ่ง โอ่ยยยยยยยเพลียร่างมากค่ะ พอค่ะพอ
**คำแนะนำ ควรล่องหน้าที่มีน้ำเยอะๆเท่านั้น ไม่งั้นมันจะน่าเบื่อมากกกกกกก ฮืออออออออออ**
พอเราเอาห่วงยางไปคืน ฝนก็ตกลงมาหนักมากค่ะ พวกเราก็ตากฝนเดินกลับที่พักกัน โดยระหว่างทางก็แวะซื้อแซนวิชลาวกลับไปกินที่ห้องพักซักหน่อย อันใหญ่โตมากค่ะ ราคาประมาณ 80-120 แล้วแต่ใส้ที่เราจะเลือก พอถึงที่พักก็อาบน้ำ พักผ่อน
คิดอยู่ว่าถ้าฝนหยุด เราก็คงออกไปเดินเล่นกัน แต่ แต่ แต่ ฝนก็กระหน่ำลงมาทั้งคืนค่ะ ตกเข้าไป ตกไปเซ้ ไม่ออกก็ได้วะ
วันที่ 31 มกราคม 2560 น้ำตกแก่งยุ้ย – ถ้ำจัง – กินหมูกระทะบุฟเฟท์ – เค้าท์ดาวปาร์ตี้ปีใหม่
และแล้วน้องฝนก็จากเราไปในช่วงอรุณเช้า เราถูกปลุกด้วยเสียงเพลงที่เปิดจากวัด ตอนตี 4 ใช่ค่ะ ฟังไม่ผิดค่ะ ตี 4 ที่วัดเปิดเพลงปลุก ฮืออออออ
ทำไมต้องทำแบบนี้ เลือกโรงแรมใกล้วัดไปหน่อย T T วันนี้เราแพลนว่าจะไปน้ำตกแก่งยุ้ยกับถ้ำจัง สะพานส้มในตำนาน ครั้งที่แล้วเราไม่ได้ไปทั้ง 2 ที่เลย พวกเราเลือกเช่ารถมอเตอร์ไซค์ค่ะ ของหน้าโรงแรม ราคาประมาณ 200 กว่าบาท พี่คนให้เช่ารถก็อธิบายเส้นทางให้เราฟังค่ะ แล้วบอกว่าทางโหดนะ เราก็เชื่อนะคะ แต่ใจมันอยากไปก็ลุยค่ะ
พอได้รถแล้วก็ออกไปเติมน้ำมันค่ะ เติมไป 10,000 กีบ เติมเท่านี้ก็พอค่ะ วิ่งได้ยาวละ จากนั้นก็เปิด googlemap ลุยกันค่ะ ทางเข้าอยู่ไม่ห่างจากปั๊มน้ำมันมากนักค่ะ พอเลี้ยวเข้ามา ก็บอกได้เลยว่า โอ้โหวววววววววว ทางมันจะวิบากไปไหนสมค่ำร่ำลือออออออออออจริงๆ ทางขรุขระมีทั้งหิน ทราย และดินที่เละๆเนื่องจากฝนตกเมื่อคืนนนนนนนนนน ระหว่างทางเราก็จะเจอกับหมูป่ายืนอยู่กลางถนน เจอไก่งวง แพะ ขี้วัว และฝูงวัว ตลอดการเดินทาง ยิ่งกว่าสวนสัตว์เปิดเขาเขียวอีกจ้า พอใกล้จะถึงก็จะเป็นเนินลงไป
คิดว่าจะถึงแล้วใช่ไหมค่ะ ยังค่ะยัง แวะพักกันซักกะนิด ตรงทางเข้าน้ำตกก็จะมีร้านขายส้มตำ ไก่ย่าง หนูย่าง กระรอกย่าง ค้างคาวย่างก็มาจ้า พวกเราเลือกไก่ย่าง ต้มส้มไก่ และค้างคาวย่างมาเพื่อลองชิม ไก่ย่างก็อร่อยตามประสา ถึงคิวพระเอกในงาน น้องค้างคาวย่าง เราไม่กล้าชิม น้องที่ชิมบอกว่าเหมือนเนื้อวัว หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารไปแล้ว เราก็ต้องเดินเข้าไปยังน้ำตกประมาณ 500 เมตร ซึ่งเป็น 500 เมตรที่เดินขึ้น เดินลงตลอด เหนื่อยยยยยจริงๆค่ะ เดินมาจนถึงใกล้น้ำตก จะมีทางขึ้นพีคๆอยู่ 1 อัน เราขอบายค่ะ และนั่งลงตรงข้างล่างรอ น้ำน้อยมากค่ะ ก็อย่างว่าละคะ ไม่ใช่หน้าฝนซะหน่อย
เอาละดื่มด่ำกับธรรมชาติมาพอควรละ อันที่จริงคือพักเหนื่อยหายละ ก็เดินกลับกันค่ะ หลังจากนั้นก็ฝ่าทางวิบากออกไปข้างนอกอีกครั้ง เอาจริงๆนะคะ รู้สึกว่ามันเหนื่อยกว่าการล่องห่วงยางอีกค่ะ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังถ้ำจัง พอเลี้ยวขวาลงไปตรงถนนทางเข้าถ้ำจัง โอ้โหววววววววววดินโคลนชาเย็น ทางวิบากไม่จบไม่สิ้น คนเยอะมากเลยทีเดียวทั้งชาวลาว ชาวจีน เกาหลี คนไทย ระหว่างทางก็หาขนมกินไปเรื่อยเปื่อยค่ะทั้ง
พอถึงทางขึ้นเราก็ขอบายคะ เดินขึ้นไม่ไหวจริงๆด้วยน้ำหนักตัว ก็ส่งน้องๆขึ้นไปกันค่ะ เรานั่งอยู่แปปนึง น้องๆก็มากันค่ะ ใช้เวลาไม่นานเท่าไร จบจากการเที่ยวถ้ำจังเราก็กลับไปนอนพักผ่อนที่โรงแรมค่ะ รอเวลาอาหารมื้อเย็น ซึ่งเราตกลงกันว่าวันนี้จะหาหมูกระทะกินกัน แต่ร้านที่เค้าแนะนำก็ไม่ใช่บุฟเฟท์ มันไม่พอกินค่ะ
จำได้ว่าทางที่เราขี่ไปเติมน้ำมันเราเห็นร้านหมูกระทะบุฟเฟท์ค่ะ ก็เลยไปกินกันที่ร้านนั้นค่ะ ราคาต่อหัวคือ 70,000 กีบ/คน ไม่รวมน้ำค่ะ อาหารหลากหลายมากค่ะ มีเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ อาหารทะเล ลูกชิ้นต่างๆ ก็ถือว่าอร่อยใช้ได้ค่ะ หากใครอยากไปลองทาน ร้านจะอยู่ขวามือทางเข้าตัวเมืองวังเวียงค่ะ มีป้ายร้านยิ่งใหญ่มากกกก ถ้าถามถึงชื่อร้านบอกได้เลยค่ะว่าลืม แหะแหะ
ปีนี้วันสุดท้ายของปี เราก็จะหาที่เค้าท์ดาวน์กันจ้า ซากุระบาร์เราคงไม่ไปเพราะเสียค่าเข้า แต่เราได้ยินเสียงเพลงดังมาจากทางด้านล่าง และมีป้ายเชิญชวนอยู่ด้านบนอยู่ด้วย และแล้วพวกเราก็เลือกเดินลงไปกันค่ะในร้านก็จะเป็นบาร์โล่งๆมีแคร่ไม้ให้ขึ้นไปเต้น และมีกองไฟไว้แก้หนาวหรือทำให้ร้อนกว่าเดิมก็ไม่รู้ 55555 ร้านนี้มีแจก BBQ ฟรีด้วยนะคะ ไม้ใหญ่โต แต่เราไม่ได้ชิมเลย เพราะยังอิ่มอยู่ บรรยากาศคนก็จะวนเวียนขึ้นไปเต้นเรื่อยๆ และแล้วก็ได้เวลาเค้าท์ดาวน์ 5 4 3 2 1 สวัสดีปีใหม่ค่ะ คนรอบข้างต่างส่งเสียง Happ new year สวัสดีปีใหม่กันให้กระหน่ำค่ะ พ้นช่วงเวลาเค้าท์ดาวน์มาพวกเราก็เริ่มง่วงค่ะ ก็เดินกลับไปยังที่พักแล้วพักผ่อน