บ่ายวันอังคาร ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปยังพุทธมณฑล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ทรงเป็นประธานในการเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ และทรงนำเจริญจิตภาวนา เนื่องในเทศกาลมาฆบูชา พุทธศักราช ๒๕๖๑
โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า
“ท่านทั้งหลายมาพรั่งพร้อมกันในวันนี้ เพราะมีคุณธรรมสำคัญร่วมกันประการหนึ่ง คือความกตัญญูกตเวที
กตัญญูกตเวทีเป็นสภาพธรรมฝ่ายดีงาม หมายถึง การระลึกถึงคุณความดีที่บุคคลอื่นกับตน แล้วจึงตอบแทนคุณ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสั่งสอนไว้ว่า มีบุคคลสองจำพวกที่หาได้ยาก กล่าวคือ ‘บุพการี’ ผู้กระทำคุณให้แก่ผู้อื่นก่อน ๑ และ ‘กตัญญูกตเวที’ ผู้รู้คุณและสนองคุณท่าน ๑ ที่ว่าหาได้ยากเพราะเหตุใด?
ก็เพราะบุคคลย่อมถูกตัณหา ความติดข้องเข้าครอบงำ ส่วนใหญ่การที่สัตว์โลกช่วยเหลือใครต่อใครก่อน ก็เป็นไปเพื่อหวังผลประโยชน์ ต้องการได้รับสิ่งตอบแทนจึงทำ หรือต้องการเป็นที่รัก ต้องการคำสรรเสริญจึงทำ เช่นนี้ชื่อว่าถูกตัณหาครอบงำ การช่วยเหลือในลักษณะนั้น ไม่ชื่อว่าบุพการี
ซ้ำร้ายบางคนก็ยังไม่คิดช่วยเหลือผู้อื่นเลย เพราะความรักตนเอง ไม่อยากให้ตนเองเหนื่อย ไม่อยากเดือดร้อน จึงไม่ช่วยอะไรใคร ดังนั้น การช่วยเหลือผู้อื่นก่อนด้วยกุศลจิตจึงหากได้ยาก บุพการีบุคคลจึงหาได้ยาก
ส่วนที่ว่ากตัญญูกตเวทีหาได้ยากนั้น เพราะเหตุใด?
ก็เพราะถูกอวิชชาความไม่รู้เข้าครอบงำ สัตว์โลกโดยมากเต็มไปด้วยความไม่รู้ ผู้ที่รู้คุณท่านและสนองคุณท่านย่อมที่จะคิดถูก เพราะมีปัญญาเข้าใจถูกว่าท่านเป็นผู้มีคุณ ควรสนองคุณ เพราะฉะนั้น สัตว์โลกที่รู้คุณและทำคุณตอบแทนผู้มีคุณย่อมมีน้อย เมื่อเทียบกับสัตว์โลกทั้งหมดที่มีความไม่รู้ครอบงำ กตัญญูกตเวทีบุคคลจึงหาได้ยาก
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นบุพการีผู้ของสัตว์โลก ทรงเป็นบุพการีของเหล่าพุทธบริษัท ทรงชี้ทางแห่งความถูกต้องดีงามให้อย่างไม่เลือกหน้า โดยไม่ทรงปรารถนาสิ่งใดตอบแทน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ก็ทรงเป็นบุพการีของชาวไทย ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อความสุขความเจริญของพสกนิกร โดยไม่ทรงปรารถนาสิ่งใดตอบแทน
อาตมาจึงขอฝากข้อคิดเป็นคำถามไว้ว่า ชาวพุทธและชาวไทยในทุกวันนี้ เป็นผู้มีความกตัญญูกตเวทีแล้วหรือยัง?
หากท่านทั้งหลายมีใจจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ขอจงประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในทำนองคลองธรรม ทำหน้าที่ของตนๆ อย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
หากทำได้เช่นนั้น ท่านทั้งหลายย่อมได้ชื่อว่ากตัญญูกตเวที เป็นบุคคลที่หาได้ยาก ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ”
ที่มา facebook สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช
สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา เรื่อง ความกตัญญูกตเวที
โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า
“ท่านทั้งหลายมาพรั่งพร้อมกันในวันนี้ เพราะมีคุณธรรมสำคัญร่วมกันประการหนึ่ง คือความกตัญญูกตเวที
กตัญญูกตเวทีเป็นสภาพธรรมฝ่ายดีงาม หมายถึง การระลึกถึงคุณความดีที่บุคคลอื่นกับตน แล้วจึงตอบแทนคุณ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสั่งสอนไว้ว่า มีบุคคลสองจำพวกที่หาได้ยาก กล่าวคือ ‘บุพการี’ ผู้กระทำคุณให้แก่ผู้อื่นก่อน ๑ และ ‘กตัญญูกตเวที’ ผู้รู้คุณและสนองคุณท่าน ๑ ที่ว่าหาได้ยากเพราะเหตุใด?
ก็เพราะบุคคลย่อมถูกตัณหา ความติดข้องเข้าครอบงำ ส่วนใหญ่การที่สัตว์โลกช่วยเหลือใครต่อใครก่อน ก็เป็นไปเพื่อหวังผลประโยชน์ ต้องการได้รับสิ่งตอบแทนจึงทำ หรือต้องการเป็นที่รัก ต้องการคำสรรเสริญจึงทำ เช่นนี้ชื่อว่าถูกตัณหาครอบงำ การช่วยเหลือในลักษณะนั้น ไม่ชื่อว่าบุพการี
ซ้ำร้ายบางคนก็ยังไม่คิดช่วยเหลือผู้อื่นเลย เพราะความรักตนเอง ไม่อยากให้ตนเองเหนื่อย ไม่อยากเดือดร้อน จึงไม่ช่วยอะไรใคร ดังนั้น การช่วยเหลือผู้อื่นก่อนด้วยกุศลจิตจึงหากได้ยาก บุพการีบุคคลจึงหาได้ยาก
ส่วนที่ว่ากตัญญูกตเวทีหาได้ยากนั้น เพราะเหตุใด?
ก็เพราะถูกอวิชชาความไม่รู้เข้าครอบงำ สัตว์โลกโดยมากเต็มไปด้วยความไม่รู้ ผู้ที่รู้คุณท่านและสนองคุณท่านย่อมที่จะคิดถูก เพราะมีปัญญาเข้าใจถูกว่าท่านเป็นผู้มีคุณ ควรสนองคุณ เพราะฉะนั้น สัตว์โลกที่รู้คุณและทำคุณตอบแทนผู้มีคุณย่อมมีน้อย เมื่อเทียบกับสัตว์โลกทั้งหมดที่มีความไม่รู้ครอบงำ กตัญญูกตเวทีบุคคลจึงหาได้ยาก
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นบุพการีผู้ของสัตว์โลก ทรงเป็นบุพการีของเหล่าพุทธบริษัท ทรงชี้ทางแห่งความถูกต้องดีงามให้อย่างไม่เลือกหน้า โดยไม่ทรงปรารถนาสิ่งใดตอบแทน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ก็ทรงเป็นบุพการีของชาวไทย ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อความสุขความเจริญของพสกนิกร โดยไม่ทรงปรารถนาสิ่งใดตอบแทน
อาตมาจึงขอฝากข้อคิดเป็นคำถามไว้ว่า ชาวพุทธและชาวไทยในทุกวันนี้ เป็นผู้มีความกตัญญูกตเวทีแล้วหรือยัง?
หากท่านทั้งหลายมีใจจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ขอจงประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในทำนองคลองธรรม ทำหน้าที่ของตนๆ อย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
หากทำได้เช่นนั้น ท่านทั้งหลายย่อมได้ชื่อว่ากตัญญูกตเวที เป็นบุคคลที่หาได้ยาก ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ”
ที่มา facebook สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช