สำหรับใครที่เป็นคอหนังแอคชั่นคงรู้จักนักเเสดงชื่อนี้เป็นอย่างดี 'บรูซ วิลลิส' ส่วนใครที่เคยเกิดข้อกังขาคุณภาพของหนังแอคชั่นภายใต้การนำแสดงของตัวเขา ผมอยากแนะนำให้ดูหนัง 5 เรื่องที่สามารถการันตีคุณภาพหลายๆด้านได้เป็นอย่างดี...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
5. RED (2010)
“แอคชั่น-คอมเมดี้ ที่จัดจ้านสไตล์คอมมิค”
ตัวบทถูกดัดแปลงจากคอมมิคจึงไม่น่าแปลกใจนักที่เห็นผู้กำกับ Robert Schwentke เลือกถ่ายทอดออกมาเป็นหนังแอคชั่น-คอมเมดี้ เน้นลวดลายที่จัดจ้าน ติดโอเวอร์สไตล์คอมมิค ที่สังเกตได้จากซีนแอคชั่นที่ปรากฏอยู่ในหนัง และความสนุกอีกส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับมือแคสติ้งนักแสดงมารับบทนำร่วมกับ Bruce Willis ทั้ง Morgan Freeman, Helen Mirren และ John Malkovich ซึ่งทั้งสี่คนมีเคมีที่เข้ากัน จังหวะการรับส่งมุกทำได้อย่างลื่นไหล โดยหนังเล่นพล็อตง่ายๆเกี่ยวกับอดีตซีไอเอปลดระวางที่อยู่ๆกลับโดนตามล่า ทำให้ต้องไปขอความช่วยเหลือจากอดีตเพื่อนร่วมทีมในการสืบหาผู้อยู่เบื้องหลัง
4. Live Free or Die Hard (2007)
“การกลับมาในรอบกว่า 10 ปีของตำนานคนอึดที่จัดเต็มฉากแอคชั่นมากกว่าภาคก่อนๆ”
หากตัดภาคแรกออกไปที่กลายเป็นหนึ่งในหนังแอคชั่นขึ้นหิ้งตลอดกาล มักจะเกิดข้อถกเถียงกันว่า Die Hard ภาคไหนดูกลมกล่อมที่สุดรองลงมาทั้งในแง่ของเนื้อหาและการจัดสรรฉากแอคชั่น บางส่วนก็ว่า Die Hard with a Vengeance ที่ทำเป็นหนังแอคชั่นบัดดี้ที่ลงตัว บ้างก็ Die Hard 2 ที่เน้นโชว์ปฏิภาณไหวพริบของตัวเอก แต่ทว่าหากพูดถึงความวินาศกรรมสันตะโรคงต้องยกให้ Live Free or Die Hard ที่เล่นไอเดียการโจรกรรมไซเบอร์ พร้อมจัดเต็มฉากแอคชั่น ที่ตลอดทั้งเรื่องคนดูจะรู้สึกตื่นเต้นและลุ้นระทึกไปกับมัน
3. The Fifth Element (1997)
“แอคชั่น-ไซไฟระดับมาสเตอร์พีชของลุก เบซองที่โดดเด่นด้วยไอเดีย”
อีกหนึ่งหนังแอคชั่น-ไซไฟที่โด่งดังมากในยุค 90 สร้างสรรค์ขึ้นจากไอเดียสุดล้ำของ Luc Besson ที่ถูกขนานนามว่าเป็น Steven Spielberg แห่งฝรั่งเศส ซึ่งตัวเอกของเรื่องก็นำแสดงโดย Bruce Willis ที่กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มและรับงานหนังแอคชั่นเป็นว่าเล่นอยู่ในขณะนั้น โดยหนังเซ็ทตัวอยู่ในยุคศตวรรษที่ 23 โลกที่เต็มไปด้วยแสงสี อุปกรณ์เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่แฝงไว้ด้วยอันตรายในทุกย่างก้าว กับพล็อตที่เล่าถึงนายทหารที่ผันตัวมาขับแท็กซี่เลี้ยงชีพ และต้องจับพลัดจับผูลเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการผจญภัยและแก้ปมปริศนาเพื่อหยุดหายนะของโลก
2. Looper (2012)
“ไอเดียการข้ามเวลาที่มาผสมกับพล็อตหนังไล่ล่าได้อย่างแปลกใหม่”
ความฉลาดของหนังคือการนำกลศาสตร์การข้ามเวลาที่เชื่อมโยงผลกระทบระหว่างอดีต ปัจจุบันและอนาคต มาผสมเข้ากับพล็อตหนังที่เล่นปมการไล่ล่าได้อย่างระทึกและซับซ้อน โดยพล็อตว่าด้วยชายหนุ่มที่ทำอาชีพเป็นลูปเปอร์ หรือมือสังหารคนที่มาจากอนาคต แต่ต้องมาเจอกับตัวเองที่เดินทางมาจากอนาคตจนนำไปสู่เรื่องราวอันยุ่งเหยิง ต้องยอมรับว่าหนังมีการจำลองภาพโลกที่น่าสนใจ เต็มไปด้วยอุปกรณ์ เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ รวมถึงกลวิธีการเอาตัวรอด และอาชญากรรมรูปแบบต่างๆที่คนดูจะตระหนักได้ถึงความอันตรายของโลกอนาคต
1. Die Hard (1988)
“จุดเริ่มต้นของตำนานคนอึด Bruce Willis”
จากนักแสดงที่โด่งดังจากซีรีส์ Moonlighting ก่อนได้โอกาสสำคัญจาก John McTiernan ที่กำลังควานหานักแสดงมารับบทนำในหนังแอคชั่นที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานคนอึด กับพล็อตที่ว่าด้วยนายตำรวจนิวยอร์กที่ต้องกลายเป็นส่วนสำคัญในการหยุดผู้ก่อการร้ายที่เข้ายึดตึก ซึ่งเป็นสถานที่จัดเลี้ยงและมีแขกจำนวนมากถูกจับเป็นตัวประกัน โดยจุดเด่นของหนังอย่างที่ทุกคนรู้ดีว่า Die Hard เต็มไปด้วยจังหวะลุ้นระทึก อัดแน่นด้วยฉากแอคชั่นที่ดิบและดุดัน และที่สำคัญการออกแบบคาแรคเตอร์ตัวเอกดูเป็นเรียลลิสติกที่น่าจดจำ ไม่ได้ดูเป็นแอคชั่นฮีโร่แบบอุดมคติที่ต้องเก่งรอบด้าน แพรวพราวด้วยศิลปะต่อสู้หรือลูกเล่นการใช้อาวุธ เหมือนอย่างหนังแอคชั่นหลายๆเรื่อง
+(1) หนังเเนะนำ Death Wish (2018)
(เข้าฉายในไทยฉาย 1 มีนาคม)

อีกหนึ่งหนังแอคชั่นที่ประสบความสำเร็จและนำมาซึ่งภาคต่อมากมายในช่วงยุค 70-80 จึงเป็นเรื่องน่าสนใจเมื่อมีใครสักคนนำกลับมารีเมคแล้วตีความในมุมมองสดใหม่ที่เข้ากับยุคสมัย แล้วยิ่งได้ผู้กำกับอย่าง Eli Roth ที่ลีลาการทำหนังเต็มไปด้วยความยียวน ดุดัน เลือดสาดไม่ต่างจากที่หลายคนติดภาพในฐานะนักแสดงจาก Inglourious Basterds อีกทั้งยังการันตีความมันส์ได้จากนักแสดงนำอย่าง Bruce Willis แอคชั่นสตาร์แห่งยุคที่การปรากฏตัวในหนังแต่ละเรื่องต้องจัดหนัก จัดเต็มฉากแอคชั่นอย่างแน่นอน โดยหนังเล่นพล็อตง่ายๆเกี่ยวกับศัลยแพทย์ที่ตามล้างแค้นโจรที่บุกเข้ามาทำร้ายภรรยาและลูกจนอยู่ในอาการโคม่า
ตัวอย่างซับไทย

.
.
.
.
.
.
.

ทวิตเตอร์เพจ @Review_Me_ พูดคุยหนังเเละซีรีส์
ขออนุญาตฝากเพจนะครับ
https://www.facebook.com/Criticalme
เเละขออนุญาตฝากไอจีเพจด้วยนะครับ @review_me__
เป็นพื้นที่สำหรับรีวิวหนังสือนิยายต่างๆโดยเฉพาะแนวสืบสวน
5+(1) หนังเเอคชั่นโคตรเดือดจาก'บรูซ วิลลิส'
สำหรับใครที่เป็นคอหนังแอคชั่นคงรู้จักนักเเสดงชื่อนี้เป็นอย่างดี 'บรูซ วิลลิส' ส่วนใครที่เคยเกิดข้อกังขาคุณภาพของหนังแอคชั่นภายใต้การนำแสดงของตัวเขา ผมอยากแนะนำให้ดูหนัง 5 เรื่องที่สามารถการันตีคุณภาพหลายๆด้านได้เป็นอย่างดี...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
5. RED (2010)
“แอคชั่น-คอมเมดี้ ที่จัดจ้านสไตล์คอมมิค”
ตัวบทถูกดัดแปลงจากคอมมิคจึงไม่น่าแปลกใจนักที่เห็นผู้กำกับ Robert Schwentke เลือกถ่ายทอดออกมาเป็นหนังแอคชั่น-คอมเมดี้ เน้นลวดลายที่จัดจ้าน ติดโอเวอร์สไตล์คอมมิค ที่สังเกตได้จากซีนแอคชั่นที่ปรากฏอยู่ในหนัง และความสนุกอีกส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับมือแคสติ้งนักแสดงมารับบทนำร่วมกับ Bruce Willis ทั้ง Morgan Freeman, Helen Mirren และ John Malkovich ซึ่งทั้งสี่คนมีเคมีที่เข้ากัน จังหวะการรับส่งมุกทำได้อย่างลื่นไหล โดยหนังเล่นพล็อตง่ายๆเกี่ยวกับอดีตซีไอเอปลดระวางที่อยู่ๆกลับโดนตามล่า ทำให้ต้องไปขอความช่วยเหลือจากอดีตเพื่อนร่วมทีมในการสืบหาผู้อยู่เบื้องหลัง
4. Live Free or Die Hard (2007)
“การกลับมาในรอบกว่า 10 ปีของตำนานคนอึดที่จัดเต็มฉากแอคชั่นมากกว่าภาคก่อนๆ”
หากตัดภาคแรกออกไปที่กลายเป็นหนึ่งในหนังแอคชั่นขึ้นหิ้งตลอดกาล มักจะเกิดข้อถกเถียงกันว่า Die Hard ภาคไหนดูกลมกล่อมที่สุดรองลงมาทั้งในแง่ของเนื้อหาและการจัดสรรฉากแอคชั่น บางส่วนก็ว่า Die Hard with a Vengeance ที่ทำเป็นหนังแอคชั่นบัดดี้ที่ลงตัว บ้างก็ Die Hard 2 ที่เน้นโชว์ปฏิภาณไหวพริบของตัวเอก แต่ทว่าหากพูดถึงความวินาศกรรมสันตะโรคงต้องยกให้ Live Free or Die Hard ที่เล่นไอเดียการโจรกรรมไซเบอร์ พร้อมจัดเต็มฉากแอคชั่น ที่ตลอดทั้งเรื่องคนดูจะรู้สึกตื่นเต้นและลุ้นระทึกไปกับมัน
3. The Fifth Element (1997)
“แอคชั่น-ไซไฟระดับมาสเตอร์พีชของลุก เบซองที่โดดเด่นด้วยไอเดีย”
อีกหนึ่งหนังแอคชั่น-ไซไฟที่โด่งดังมากในยุค 90 สร้างสรรค์ขึ้นจากไอเดียสุดล้ำของ Luc Besson ที่ถูกขนานนามว่าเป็น Steven Spielberg แห่งฝรั่งเศส ซึ่งตัวเอกของเรื่องก็นำแสดงโดย Bruce Willis ที่กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มและรับงานหนังแอคชั่นเป็นว่าเล่นอยู่ในขณะนั้น โดยหนังเซ็ทตัวอยู่ในยุคศตวรรษที่ 23 โลกที่เต็มไปด้วยแสงสี อุปกรณ์เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่แฝงไว้ด้วยอันตรายในทุกย่างก้าว กับพล็อตที่เล่าถึงนายทหารที่ผันตัวมาขับแท็กซี่เลี้ยงชีพ และต้องจับพลัดจับผูลเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการผจญภัยและแก้ปมปริศนาเพื่อหยุดหายนะของโลก
2. Looper (2012)
“ไอเดียการข้ามเวลาที่มาผสมกับพล็อตหนังไล่ล่าได้อย่างแปลกใหม่”
ความฉลาดของหนังคือการนำกลศาสตร์การข้ามเวลาที่เชื่อมโยงผลกระทบระหว่างอดีต ปัจจุบันและอนาคต มาผสมเข้ากับพล็อตหนังที่เล่นปมการไล่ล่าได้อย่างระทึกและซับซ้อน โดยพล็อตว่าด้วยชายหนุ่มที่ทำอาชีพเป็นลูปเปอร์ หรือมือสังหารคนที่มาจากอนาคต แต่ต้องมาเจอกับตัวเองที่เดินทางมาจากอนาคตจนนำไปสู่เรื่องราวอันยุ่งเหยิง ต้องยอมรับว่าหนังมีการจำลองภาพโลกที่น่าสนใจ เต็มไปด้วยอุปกรณ์ เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ รวมถึงกลวิธีการเอาตัวรอด และอาชญากรรมรูปแบบต่างๆที่คนดูจะตระหนักได้ถึงความอันตรายของโลกอนาคต
1. Die Hard (1988)
“จุดเริ่มต้นของตำนานคนอึด Bruce Willis”
จากนักแสดงที่โด่งดังจากซีรีส์ Moonlighting ก่อนได้โอกาสสำคัญจาก John McTiernan ที่กำลังควานหานักแสดงมารับบทนำในหนังแอคชั่นที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานคนอึด กับพล็อตที่ว่าด้วยนายตำรวจนิวยอร์กที่ต้องกลายเป็นส่วนสำคัญในการหยุดผู้ก่อการร้ายที่เข้ายึดตึก ซึ่งเป็นสถานที่จัดเลี้ยงและมีแขกจำนวนมากถูกจับเป็นตัวประกัน โดยจุดเด่นของหนังอย่างที่ทุกคนรู้ดีว่า Die Hard เต็มไปด้วยจังหวะลุ้นระทึก อัดแน่นด้วยฉากแอคชั่นที่ดิบและดุดัน และที่สำคัญการออกแบบคาแรคเตอร์ตัวเอกดูเป็นเรียลลิสติกที่น่าจดจำ ไม่ได้ดูเป็นแอคชั่นฮีโร่แบบอุดมคติที่ต้องเก่งรอบด้าน แพรวพราวด้วยศิลปะต่อสู้หรือลูกเล่นการใช้อาวุธ เหมือนอย่างหนังแอคชั่นหลายๆเรื่อง
+(1) หนังเเนะนำ Death Wish (2018)
(เข้าฉายในไทยฉาย 1 มีนาคม)
อีกหนึ่งหนังแอคชั่นที่ประสบความสำเร็จและนำมาซึ่งภาคต่อมากมายในช่วงยุค 70-80 จึงเป็นเรื่องน่าสนใจเมื่อมีใครสักคนนำกลับมารีเมคแล้วตีความในมุมมองสดใหม่ที่เข้ากับยุคสมัย แล้วยิ่งได้ผู้กำกับอย่าง Eli Roth ที่ลีลาการทำหนังเต็มไปด้วยความยียวน ดุดัน เลือดสาดไม่ต่างจากที่หลายคนติดภาพในฐานะนักแสดงจาก Inglourious Basterds อีกทั้งยังการันตีความมันส์ได้จากนักแสดงนำอย่าง Bruce Willis แอคชั่นสตาร์แห่งยุคที่การปรากฏตัวในหนังแต่ละเรื่องต้องจัดหนัก จัดเต็มฉากแอคชั่นอย่างแน่นอน โดยหนังเล่นพล็อตง่ายๆเกี่ยวกับศัลยแพทย์ที่ตามล้างแค้นโจรที่บุกเข้ามาทำร้ายภรรยาและลูกจนอยู่ในอาการโคม่า
ตัวอย่างซับไทย
.
.
.
.
.
.
.
ทวิตเตอร์เพจ @Review_Me_ พูดคุยหนังเเละซีรีส์
ขออนุญาตฝากเพจนะครับ
https://www.facebook.com/Criticalme
เเละขออนุญาตฝากไอจีเพจด้วยนะครับ @review_me__
เป็นพื้นที่สำหรับรีวิวหนังสือนิยายต่างๆโดยเฉพาะแนวสืบสวน