เคยมั้ยครับ โดนอาจารย์ว่าหนัก ๆ ซะจนเสียศูนย์ และทำให้กลายเป็นโรค "กลัวญี่ปุ่น" ไปเลย

เรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับผมเมื่อนานมาแล้วครับ ตอนผมอยู่ ม.6 (ปี 2553) ถึงมันจะนานแล้ว แต่มันยังคงชัดเจนในหัวสมองของผม เพราะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมโดนอาจารย์ว่าแบบหนัก ๆ จนผมเสียศูนย์ไปเลย

อย่าหาว่าผมอวดตัวเองเลยนะครับ ที่ผ่านมาคือผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะประพฤติตัวตามกฎระเบียบของโรงเรียน คือไม่ค่อยมีอะไรให้อาจารย์ต้องบ่นต้องว่านักอ่ะครับ ตั้งแต่ ม.1 ที่เข้าโรงเรียนนั้นก็ไม่เคยมีประวัติเสียหายมาก่อนเลย แต่ก็ดันมาโดนเอาในปีสุดท้ายจนได้

เรื่องมันเริ่มในช่วงปิดเทอมก่อนครับ ผมกับเพื่อนก็ไปช่วยงานมอบตัว ม.1 กับ ม.4 ที่เข้าใหม่ปีนั้น แล้วก็ได้เจออาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่นที่จะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาตอน ม.6 อาจารย์เขาสอนภาษาญี่ปุ่น แล้วเขาก็มีทุนที่จะให้ไปทัศนศึกษาที่ญี่ปุ่น 2 สัปดาห์มาแนะนำให้ผม ซึ่งมันก็จะต้องสอบทั้งเขียนเรียงความ สอบข้อเขียน และสอบสัมภาษณ์ ซึ่งผมก็สนใจและตอบตกลงอาจารย์ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการเขียนเรียงความอะไรต่าง ๆ

ก่อนจะเปิดเทอม ม.6 ไม่กี่วันผมก็รู้ว่าเรียงความของผมผ่านแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่ต้องทำคือการสอบข้อเขียน หากสอบข้อเขียนผ่านก็จะสอบสัมภาษณ์ หากผ่านสัมภาษณ์อีกก็จะได้ไปญี่ปุ่น โดยการสอบทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์จะมีในวันเสาร์ที่จะถึงนั้น แต่ปรากฏว่าตอนนั้นมีเหตุชุมนุมทางการเมือง ทำให้สำนักงานแถวนั้น รวมถึงสำนักงานที่จัดเรื่องทุนไปทัศนศึกษานี่ถูกปิดหมด การสอบข้อเขียนจึงถูกยกเลิกไป และจะเหลือแค่การสอบสัมภาษณ์ และจะเป็นการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในวันศุกร์นั้น คือเลื่อนมาเร็วขึ้นจากที่เดิมเป็นวันเสาร์

ทีนี้ตอนสัมภาษณ์เขาก็จะให้ผมใช้มือถือตัวเองนี่แหละในการสัมภาษณ์ แต่ปรากฏว่าวันนั้นผมไม่ได้เอามือถือไป ลืมไว้บ้าน  (จริง ๆ เอาไป แต่หาไม่ดี
มาเจอเอาทีหลัง) อาจารย์ก็เลยให้ผมยืมมือถือ ก่อนที่ตัวอาจารย์จะไปประชุมที่ห้องอื่น จนผมสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อย อาจารย์ก็ยังประชุมไม่เสร็จ ซึ่งผมก็คิดว่ามันคงจะอีกนาน อีกทั้งตอนนั้นก็ถึงเวลาพักกลางวันแล้วด้วย ผมก็เลยตัดสินใจไปกินข้าวก่อนดีกว่า โดยผมเอามือถืออาจารย์ใส่กระเป๋านักเรียนไว้ด้วย เพราะกลัวว่าถ้าใส่กระเป๋ากางเกงมันจะหล่นหาย พอมีสายเข้าผมก็เลยไม่ได้ยิน คืออาจารย์คนนี้จะเป็นคนที่มีธุระ มีคนติดต่อเข้ามาตลอดเวลา

หมดเวลาพักกลางวันก็กลับขึ้นไปเรียนคาบบ่าย ซึ่งก็เป็นคาบของอาจารย์คนนี้นี่แหละ ปรากฏว่าพอผมเอามือถือไปคืน อาจารย์ก็วีนผมใหญ่ ว่าผมว่าไม่มีสามัญสำนึก ถือดียังไงเอามือถือของเขาไปเก็บไว้กับตัว ทำไมไม่รู้จักเอามือถือไปฝากไว้กับอาจารย์คนอื่นในห้องของเขา คือตอนโดนจริงมันเยอะและยาวกว่านี้นะครับ แต่มันก็ทำให้ผมที่ไม่เคยโดนอาจารย์ว่ามาก่อนเสียศูนย์และคิดมากแบบมาก ๆ คิดว่าเป็นเพราะตัวผมไม่ดีเอง พอดีกับที่ว่าตอนนั้นการชุมนุมหนักขึ้น รัฐบาลเลยให้ทุกโรงเรียนหยุดไปเลยสัปดาห์หนึ่ง ก็เลยทำให้ผมได้มีเวลาเลียแผลใจไป 1 สัปดาห์ ตอนนั้นผมกลายเป็นโรคกลัวญี่ปุ่น หรือ Japanophobia ไปเลยนะ คือพอผมเห็นอะไรก็ตามที่มันเป็นญี่ปุ่น หรือเปิดไปเจอหน้าของอาจารย์คนนั้นในวารสารโรงเรียน เหตุการณ์วันนั้นมันก็จะย้อนกลับมาทำร้ายผมตลอด

มีต่อด้านล่างนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่