ทำไงดีเมื่อความชรามาเยือน ?
ใช่ค่ะ ไม่มีใครอยากจะแก่ แม้ความแก่จะเป็นหนึ่งในสัจธรรมความจริง พระท่านบอกว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตหลีกเลี่ยงไม่ได้ (แม้พระไม่บอกทุกคนก็ทราบดี) อันนี้พูดถึงหลักปกติทั่วไปนะคะ ไม่ได้รวมถึงบุคคลหรืออะไรที่มีเหตุให้ถึงแก่ชีวิตก่อนวัย
วันก่อน จขกท. ไปเดินซื้อของในตลาด เจอแม่ค้าถามว่า
“ซื้อส้มมั๊ยพี่ ส้มหวานๆ ราคาถูกๆ” พอสายตาเหลือบมองหน้าแม่ค้าแว่บหนึ่ง เจ๊ย ! คุณแม่ค้าแลดูสูงวัยระดับคุณป้า แล้วมาเรียกเราว่าพี่เนี่ยนะ แง๊! เสียเซลฟ์มากเลยค่ะ ไม่เอาไม่ซื้อดีกว่าป้ายหน้ายังมี ชิ!
อีกตัวอย่างหนึ่ง มีพี่คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เห็นน้องนักศึกษามาทำกิจกรรมและขอร่วมบริจาคสมทบทุนเพื่อการศึกษา พี่เค้าเป็นคนใจดีมีเมตตาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็กำลังจะควักกระเป๋าหยิบเงินเพื่อร่วมสมทบทุนแต่แล้วก็เปลี่ยนใจกระทันหัน
“ทำไมล่ะพี่”
“มานเรียกตรูลุง” (ฮา)
คิดว่าหลายๆคนคงจะเป็นเหมือน จขกท. และลุง เอ๊ย พี่คนนั้นนะคะ คือยังไม่อยากถูกเรียกว่า” พี่”หรือ”ลุง” สรุปง่ายๆคือ ยังไม่อยากแก่นั่นล่ะ
อันที่จริง สังขาร รูปร่างลักษณะภายนอกนั้นก็เป็นส่วนประกอบสำคัญของชีวิตเราล่ะ ไม่มีร่างกายก็ไม่มีชีวิต แต่ก็เป็นเพียงส่วนประกอบภายนอกที่นับวันจะเสื่อมถอยลงไปทุกๆนาทีตามวัฏจักร ถ้าหากเราไปยึดมั่น ถือมั่น หลงมั่น มากจนเกินความพอดี ก็จะทำให้เราเครียด กังวล แล้วก็จะคอยเสาะหาครีมทาหน้าทาผิวยี่ห้อแพงๆมาใช้ ต้องไปทำศัลยกรรมใบหน้า (แต่คอยาน) ต้องไปเสาะแสวงหาอาหารเสริมมารับประทานเม็ดละ 10 กว่าบาทหรือคอลลาเจน + กลูต้า ซองละ 60 บาทมาชงกินทุกวันเป็นการสิ้นเปลืองเงินทองคราวละมากๆ
โอเค ถ้าใครมีเงินทองมากไม่เดือดร้อนที่จะซื้อความสุขให้ชีวิต ซื้อความมั่นใจให้ตัวเองโดยไม่เบียดเบียนใคร ก็ทำไปเถอะค่ะ แต่ก็ต้องระวังเรื่องอันตรายด้วยนะคะ มีคนใกล้ตัว จขกท. อยากหน้าตึงก็ไปฉีดโบท็อกซ์ ไปฉีดฟีลเลอร์ ซะหน้าตาบวมฉึ่งบิดเบี้ยว แทนที่จะสวยใสวัยกระเตาะ กลับต้องไปนอนโรงพยาบาลเพราะต้องให้หมอแก้ไข เจ็บตัว แถมเสียเงินหนักเข้าไปอีก
หรือหากใครที่หลงยึดติดในรูปลักษณ์ภายนอกมากๆ ก็จะคอยเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เพื่ออยากได้ชื่อว่า ตัวเองสวยกว่า สาวกว่า หนุ่มกว่า หล่อกว่า แล้วถ้าเมื่อไหร่ที่คิดว่าตัวเองสู้คนที่เปรียบเทียบไม่ได้ ก็จะเกิดอาการหมั่นไส้ เกิดความอิจฉาริษยา เกิดอคติความเกลียดชังตามมา ซึ่งก็คือบ่อเกิดของความทุกข์ หรือบาปนั่นเอง อันนี้รึป่าวที่พระท่านว่า "กิเลส"
ความจริง จขกท.เองก็ยอมรับว่ายังละซึ่ง “กิเลส” ไม่ได้หรอกค่ะ ยังครบถ้วนเหมือนปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป รัก โลภ โกรธ หลง ยังมีอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา เพียงแต่ว่า ตอนนี้เริ่มที่จะหันมาคิดถึงหลักสัจธรรมและพยายามพัฒนายกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ลดซึ่งอะไรที่จะเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ให้น้อยลง พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้นำเหตุผล ทำให้พบว่า “จิตใจ” ความรู้สึกนึกคิดต่างหากที่สำคัญที่สุด และเป็นผู้นำตัวเราไปสู่ความสุข
หากเราคิดดี เราก็จะทำสิ่งดีๆ หากเราคิดชั่ว เราก็จะทำสิ่งที่เลวร้าย และเมื่อไหร่ที่เราคิดดี ทำดี เราก็จะมีความสุข สบายใจ เมื่อเรามีความสุข กลไกทางวิทยาศาสตร์ ในร่างกายก็จะทำงาน สมองจะผลิตสารเอนโดรฟิน (สารแห่งความสุข)ออกมา เพื่อทลายความตึงเครียดของเซลล์ ทำให้เซลล์มีความยืดหยุ่น เม็ดเลือดขาวก็จะเข้าไปต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ทำให้เลือดไหลเวียนดีนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงและสร้างเซลล์ใหม่ๆให้แข็งแรง ต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงส่งผลให้หน้าตา ผิวพรรณของเราสดใส อิ่มเอิบ โดยไม่ต้องพึ่งพาเคมีภายนอกใดๆทั้งสิ้น
ในทางตรงกันข้าม หากเราคิดไม่ดี เราก็จะกระทำสิ่งที่ไม่ดี ก็จะทำให้เราเกิดความเครียดเพราะจะทำให้เราหวาดระแวงหรือวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลานั่นก็คือความทุกข์ เมื่อเรามีความทุกข์ ร่างกายก็จะเกิดอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก อนุมูลอิสระก็คือ โมเลกุลหรืออะตอมของเซลล์ที่ไม่เสถียรเพราะมีอีเลคตรอนเดี่ยว ซึ่งโดยปกติเซลล์ในร่างกายของคนเราจะมีอะตอมที่มีอีเลคตรอนจับเป็นคู่ ดังนั้นเมื่อเซลล์ใดที่อะตอมต้องสูญเสียอิเลคตรอนให้กับอนุมูลอิสระ เซลล์นั้นก็จะเสื่อมสภาพ ก็จะส่งผลให้ผิวหนังหย่อนยาน มีริ้วรอยเหี่ยวย่น หรือ แก่ นั่นเอง
เห็นไหมล่ะคะ ความสวยความสาวหรือความแก่เหี่ยวย่นของคนเรา มันอยู่ที่จิตใจของเราเป็นหลักสำคัญ เมื่อเรามีความสุขเราก็จะไม่แก่ เมื่อไม่อยากแก่ก็ต้องคิดดีทำดี แค่นี้ก็สวยกว่าใครไปกว่าครึ่งแล้ว ... ไม่ยากเลยใช่ไหม ? ที่เหลือก็ไปซื้ออาหารเสริมมาบำรุงอีกนิดหน่อย เท่าเนี่ยะ .... หน้าก็จะสวยใสเอ๊าะๆ จนใครๆก็ต้องประหลาดใจ
ด้วยความปรารถนาดี จาก : แก๊งค์นางฟ้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เพชรน้ำนิล : Miyuki Chan
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ นพนครพิงค์ : Pinko Chan
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ปะแป้ง :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ งามตายามบ่าย :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ชุนเทียน : Haru Chan
+ + + ใครเข้ากระทู้นี้ จะไม่แก่ (กระทู้ชะลอริ้วรอยแห่งวัย) by **Angels Gang** + + +
ทำไงดีเมื่อความชรามาเยือน ?
ใช่ค่ะ ไม่มีใครอยากจะแก่ แม้ความแก่จะเป็นหนึ่งในสัจธรรมความจริง พระท่านบอกว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตหลีกเลี่ยงไม่ได้ (แม้พระไม่บอกทุกคนก็ทราบดี) อันนี้พูดถึงหลักปกติทั่วไปนะคะ ไม่ได้รวมถึงบุคคลหรืออะไรที่มีเหตุให้ถึงแก่ชีวิตก่อนวัย
วันก่อน จขกท. ไปเดินซื้อของในตลาด เจอแม่ค้าถามว่า
“ซื้อส้มมั๊ยพี่ ส้มหวานๆ ราคาถูกๆ” พอสายตาเหลือบมองหน้าแม่ค้าแว่บหนึ่ง เจ๊ย ! คุณแม่ค้าแลดูสูงวัยระดับคุณป้า แล้วมาเรียกเราว่าพี่เนี่ยนะ แง๊! เสียเซลฟ์มากเลยค่ะ ไม่เอาไม่ซื้อดีกว่าป้ายหน้ายังมี ชิ!
อีกตัวอย่างหนึ่ง มีพี่คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เห็นน้องนักศึกษามาทำกิจกรรมและขอร่วมบริจาคสมทบทุนเพื่อการศึกษา พี่เค้าเป็นคนใจดีมีเมตตาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็กำลังจะควักกระเป๋าหยิบเงินเพื่อร่วมสมทบทุนแต่แล้วก็เปลี่ยนใจกระทันหัน
“ทำไมล่ะพี่”
“มานเรียกตรูลุง” (ฮา)
คิดว่าหลายๆคนคงจะเป็นเหมือน จขกท. และลุง เอ๊ย พี่คนนั้นนะคะ คือยังไม่อยากถูกเรียกว่า” พี่”หรือ”ลุง” สรุปง่ายๆคือ ยังไม่อยากแก่นั่นล่ะ
อันที่จริง สังขาร รูปร่างลักษณะภายนอกนั้นก็เป็นส่วนประกอบสำคัญของชีวิตเราล่ะ ไม่มีร่างกายก็ไม่มีชีวิต แต่ก็เป็นเพียงส่วนประกอบภายนอกที่นับวันจะเสื่อมถอยลงไปทุกๆนาทีตามวัฏจักร ถ้าหากเราไปยึดมั่น ถือมั่น หลงมั่น มากจนเกินความพอดี ก็จะทำให้เราเครียด กังวล แล้วก็จะคอยเสาะหาครีมทาหน้าทาผิวยี่ห้อแพงๆมาใช้ ต้องไปทำศัลยกรรมใบหน้า (แต่คอยาน) ต้องไปเสาะแสวงหาอาหารเสริมมารับประทานเม็ดละ 10 กว่าบาทหรือคอลลาเจน + กลูต้า ซองละ 60 บาทมาชงกินทุกวันเป็นการสิ้นเปลืองเงินทองคราวละมากๆ
โอเค ถ้าใครมีเงินทองมากไม่เดือดร้อนที่จะซื้อความสุขให้ชีวิต ซื้อความมั่นใจให้ตัวเองโดยไม่เบียดเบียนใคร ก็ทำไปเถอะค่ะ แต่ก็ต้องระวังเรื่องอันตรายด้วยนะคะ มีคนใกล้ตัว จขกท. อยากหน้าตึงก็ไปฉีดโบท็อกซ์ ไปฉีดฟีลเลอร์ ซะหน้าตาบวมฉึ่งบิดเบี้ยว แทนที่จะสวยใสวัยกระเตาะ กลับต้องไปนอนโรงพยาบาลเพราะต้องให้หมอแก้ไข เจ็บตัว แถมเสียเงินหนักเข้าไปอีก
หรือหากใครที่หลงยึดติดในรูปลักษณ์ภายนอกมากๆ ก็จะคอยเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เพื่ออยากได้ชื่อว่า ตัวเองสวยกว่า สาวกว่า หนุ่มกว่า หล่อกว่า แล้วถ้าเมื่อไหร่ที่คิดว่าตัวเองสู้คนที่เปรียบเทียบไม่ได้ ก็จะเกิดอาการหมั่นไส้ เกิดความอิจฉาริษยา เกิดอคติความเกลียดชังตามมา ซึ่งก็คือบ่อเกิดของความทุกข์ หรือบาปนั่นเอง อันนี้รึป่าวที่พระท่านว่า "กิเลส"
ความจริง จขกท.เองก็ยอมรับว่ายังละซึ่ง “กิเลส” ไม่ได้หรอกค่ะ ยังครบถ้วนเหมือนปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป รัก โลภ โกรธ หลง ยังมีอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา เพียงแต่ว่า ตอนนี้เริ่มที่จะหันมาคิดถึงหลักสัจธรรมและพยายามพัฒนายกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ลดซึ่งอะไรที่จะเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ให้น้อยลง พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้นำเหตุผล ทำให้พบว่า “จิตใจ” ความรู้สึกนึกคิดต่างหากที่สำคัญที่สุด และเป็นผู้นำตัวเราไปสู่ความสุข
หากเราคิดดี เราก็จะทำสิ่งดีๆ หากเราคิดชั่ว เราก็จะทำสิ่งที่เลวร้าย และเมื่อไหร่ที่เราคิดดี ทำดี เราก็จะมีความสุข สบายใจ เมื่อเรามีความสุข กลไกทางวิทยาศาสตร์ ในร่างกายก็จะทำงาน สมองจะผลิตสารเอนโดรฟิน (สารแห่งความสุข)ออกมา เพื่อทลายความตึงเครียดของเซลล์ ทำให้เซลล์มีความยืดหยุ่น เม็ดเลือดขาวก็จะเข้าไปต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ทำให้เลือดไหลเวียนดีนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงและสร้างเซลล์ใหม่ๆให้แข็งแรง ต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงส่งผลให้หน้าตา ผิวพรรณของเราสดใส อิ่มเอิบ โดยไม่ต้องพึ่งพาเคมีภายนอกใดๆทั้งสิ้น
ในทางตรงกันข้าม หากเราคิดไม่ดี เราก็จะกระทำสิ่งที่ไม่ดี ก็จะทำให้เราเกิดความเครียดเพราะจะทำให้เราหวาดระแวงหรือวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลานั่นก็คือความทุกข์ เมื่อเรามีความทุกข์ ร่างกายก็จะเกิดอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก อนุมูลอิสระก็คือ โมเลกุลหรืออะตอมของเซลล์ที่ไม่เสถียรเพราะมีอีเลคตรอนเดี่ยว ซึ่งโดยปกติเซลล์ในร่างกายของคนเราจะมีอะตอมที่มีอีเลคตรอนจับเป็นคู่ ดังนั้นเมื่อเซลล์ใดที่อะตอมต้องสูญเสียอิเลคตรอนให้กับอนุมูลอิสระ เซลล์นั้นก็จะเสื่อมสภาพ ก็จะส่งผลให้ผิวหนังหย่อนยาน มีริ้วรอยเหี่ยวย่น หรือ แก่ นั่นเอง
เห็นไหมล่ะคะ ความสวยความสาวหรือความแก่เหี่ยวย่นของคนเรา มันอยู่ที่จิตใจของเราเป็นหลักสำคัญ เมื่อเรามีความสุขเราก็จะไม่แก่ เมื่อไม่อยากแก่ก็ต้องคิดดีทำดี แค่นี้ก็สวยกว่าใครไปกว่าครึ่งแล้ว ... ไม่ยากเลยใช่ไหม ? ที่เหลือก็ไปซื้ออาหารเสริมมาบำรุงอีกนิดหน่อย เท่าเนี่ยะ .... หน้าก็จะสวยใสเอ๊าะๆ จนใครๆก็ต้องประหลาดใจ
ด้วยความปรารถนาดี จาก : แก๊งค์นางฟ้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้