รวมเรื่องสั้น ผีเปิดหลุม (By Always Publishing) หลุมที่ 1 ตุ๊กตาหน้ารถ โดย ชลณภัทร
(นิลเป็นตัวแทนจากสำนักพิมพ์นำมาเผยแพร่เป็นตัวอย่าง ให้ทดลองอ่านกันค่ะ)
....................................................................................................
ถนนสี่เลนย่านนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ดในยามวิกาลค่อนข้างโล่ง นานๆ ทีจึงจะมีรถแล่นผ่านไปผ่านมาสักคัน แสงไฟเปิดสว่างลอดจากภายในโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ทั่วบริเวณสว่างไสวก็จริง แต่ก็ไม่ถึงกับสว่างมาถึงกลางถนนที่ถูกคั่นด้วยเกาะกลาง ถนนทั้งสายจึงคล้ายถูกคลี่คลุมด้วยผืนผ้ากำมะหยี่สีเทาหม่น
ที่ตั้งถัดห่างออกไปไม่ไกลรอบนิคมทั้งสองด้าน เป็นย่านสถานบันเทิงแหล่งปลดเปลื้องความเหนื่อยยากหลังจากการทำงานหนักมาทั้งวัน ที่มักจะคึกคักคลาคล่ำไปด้วยผู้ขายแรงงานจากนิคมอุตสาหกรรมอยู่เสมอ ห่างออกไปจากสถานบันเทิงจนพ้นระยะเสียงรบกวน จึงเป็นที่ตั้งของอาคารที่สร้างด้วยไม้ และคอนกรีต นับร้อยนับพันห้อง ที่ปลูกติดกันเรียงราย ราวกับกล่องไม้ขีดที่ถูกบรรจงจับมาเรียงซ้อนกันขึ้นไป คือบรรดาห้องเช่าของเหล่าแรงงานชาวนิคมอุตสาหกรรมทั้งหลาย ที่ตอนนี้เจ้าของห้องต่างพากันปิดไฟ พาตัวเองสู่การหลับใหล เก็บแรงไว้สู้กับงานในวันต่อไป
ความเงียบสงัดพาให้ยินเสียงกรนครืดคราดดังลอดออกมาตามรอยแตกของหน้าต่าง คงมีเพียงห้องเช่าห้องสุดท้ายที่ติดกับสวนสับปะรดเท่านั้นที่แสงไฟภายในห้องยังคงเปิดสว่าง ประตูด้านหน้าถูกชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผู้หนึ่งผลักให้เปิดออก ก่อนเจ้าตัวจะสาวเท้าก้าวตามบานประตูออกมา ทั้งๆ ที่เสื้อยังไม่ได้ติดกระดุมให้เรียบร้อย มืออีกข้างที่ยังไม่ได้พ้นออกมานอกประตูถูกเกาะกุมไว้ด้วยมือของหญิงสาวรูปร่างอวบอัดภายใต้เสื้อสายเดี่ยวสีเหลืองกับกางเกงขาสั้นอวดเรียวขาขาวเนียนของผู้เดินตามมาส่งเขาที่หน้าประตูอย่างอาลัยอาวรณ์
“พี่ชัย พรุ่งนี้แวะมาหาแก้วอีกนะ” น้ำเสียงหวานออดอ้อนชวนให้อยากอยู่ลิ้มลองรสสวาทให้ขาดใจไม่อยากจากไปไหนเลยจริงๆ เจือด้วยความคาดหวังให้เขากลับมาอีกอยู่ในที แต่ ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเขายังมีรถไฟที่ต้องสับรางอีกหลายขบวนไม่ให้ชนกัน
ทำยังไงได้ คนหน้าตาดีก็อย่างนี้แหละ ยิ่งมีรถขับด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีเสน่ห์เรียกสาวๆ ไม่ต่างอะไรจากดอกไม้มีกลิ่นหอมล่อแมลงนั่นแหละ
“ไม่ได้หรอก พรุ่งนี้พี่ต้องทำโอทีดึกต่อน่ะ อาทิตย์นี้ตารางโอทีมันวนมาถึงเวรพี่พอดีแล้ว” เอกชัยยกเรื่องงานมาอ้างตามเคย
“แหม... ถ้าอย่างนั้น เราคงไม่ได้เจอกันอีกหลายวันเลยนะ เพราะแก้วเองก็ต้องเข้ากะแล้วเหมือนกัน” น้ำเสียงหล่อนออดอ้อนและอกอุ่นที่เบียดชิดเสียจนเอกชัยอยากจะใจอ่อน แต่เมื่อนึกถึงความร้อนแรงของ “น้ำ” สาวโรงงานผลิตชิ้นส่วนกล้องถ่ายรูปยี่ห้อดัง คนที่เขาเพิ่งจะเจอเมื่อคืนตอนไปเที่ยวผับ ก่อนจะแลกเบอร์โทรศัพท์กันเรียบร้อย คำหวานออดอ้อนของแก้วจึง “ไม่” แม้แต่จะระคายเพียงเศษเสี้ยวหัวใจเขา
“โถๆ ๆ ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกตั้งเยอะตั้งแยะ เดี๋ยวเอาไว้อาทิตย์หน้าพี่ก็ไม่ติดตารางโอทีแล้ว จะรีบมาหาน้องแก้วทันที พี่สัญญาเลย พี่ไปก่อนนะ... พรุ่งนี้ต้องเข้างานแต่เช้า” เขาหันมาดึงร่างอวบอัดเข้ามาไว้ในอ้อมแขน แล้วจึงกดปลายจมูกลงบนผิวแก้มนวลเนียนของหล่อนเบาๆ
ก่อนจะหันหลังกลับ สาวก้าวยาวฉับๆ มาที่รถ เหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะตาม
เสียงสตาร์ทรถเบาๆ เพียงไม่กี่แชะ เครื่องยนต์ก็คำรามกระหึ่มสมกับที่เขาเลือกมาเป็นรถคู่ใจ ใช้เวลาไม่นานนัก เอกชัยก็บังคับพวงมาลัยพารถยนต์ของตนมุ่งหน้ากลับห้องเช่า เพราะความสะดวกที่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง เขาจึงเลือกห้องซึ่งอยู่ไกลจากห้องเช่าของคนอื่นๆ ในนิคมพอสมควร และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อสะดวกแก่การสับราง เปลี่ยนตุ๊กตาหน้ารถด้วยนั่นเอง
นี่ขนาดเขาเป็นแค่นายช่างหนุ่มโรงงานผลิตถุงพลาสติกใส่ตู้คอนเทนเนอร์ เงินเดือนรวมค่ากะ เบี้ยขยันไม่กี่หมื่น ยังมีสาวๆ มาติดบ่วงเยอะแยะขนาดนี้ ชายหนุ่มมองถนนโล่งรอบรถพรางคิดเล่นๆ ว่า ถ้าวันหนึ่งเขาเกิดถูกล็อตเตอรี่ รวยไม่รู้เรื่องขึ้นมาละก็ เขามิต้องเปลี่ยนจากเปลี่ยนตุ๊กตาหน้ารถเดือนละคน มาเป็นอาทิตย์ละคน หรือไม่อย่างนั้นก็วันละคนเลยกระมัง นี่แหละ... ความสุขของผู้ชายลัลลาอย่างเขา ชายหนุ่มคิดพรางก็ขยับโยกตัวตามจังหวะเสียงเพลงในรถอย่างอารมณ์ดี
เพลงมันๆ ถนนโล่งๆ เอกชัยเหยียบจนแทบจะมิดไมล์ ชะลอเล็กน้อยก็เพียงแค่โค้งหักศอกที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายที่สุดในแถบนี้เท่านั้น หนังตาชายหนุ่มเขม่นยิก เมื่อถึงทางโค้ง พัดลมแอร์เป่าลมเย็นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนขนสุกซู่แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปเล็กน้อยเมื่อตอนหัวค่ำแทบจะสิ้นฤทธิ์ไปถึง 8 ใน 10 ส่วน เมื่อเห็นกระทงใบตองเก่าๆ ข้างถนน และผ้าแพรหลากสีที่ถูกผูกติดไว้ตามต้นไม้ข้างทางพลิ้วไสวอยู่ท่ามกลางสายลมกลางคืน เขาไม่ค่อยชอบโค้งนี้เลย แต่ไม่ผ่านก็ไม่ได้เมื่อมันดันตัดตั้งขวางทางกลับบ้านของเขาอยู่เช่นนี้
ในตอนเช้าหน้านิคมอุตสาหกรรมคึกคักคลาคล่ำไปด้วยเหล่าพนักงานเช่นเคย เอกชัยผิวปากอย่างอารมณ์ดี ขณะถอยรถเข้าจอดในช่องทางสำหรับจอดรถ วันนี้โชคดี ปกติรถของพนักงานในนิคมแห่งนี้จะเยอะมาก จนต้องแย่งที่จอดกันถึงขั้นหลายครั้งถึงกับมีการทะเลาะวิวาท แต่วันนี้เขากลับได้ที่จอดในช่องสำหรับจอดรถ ไม่ต้องเอารถไปจอดริมฟุตบาทเหมือนเช่นเคย จึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“ไง!” พอลงจากรถได้ ก็เจอแมนกับเปี๊ยกสองเพื่อนสนิทที่เดินมาจากลานจอดจักรยานยนต์ทันที
“แหมๆ ๆ คนมีรถมันโก้หร่า สาวหลง อย่างนี้นี่เอง” เปี๊ยกร้องแซวทันทีที่ได้ยินเสียงเขาทัก
“เมื่อคืนเห็นว่ากลับดึกนิ ระวังนา... กลับมืดๆ ค่ำๆ เดี๋ยวก็โดนผีแม่ม่ายลากไปอยู่ด้วยหรอก” ว่าแล้วเปี๊ยกก็หัวเราะเอิกอากชอบอกชอบใจ
“ผีแม่ม่ายไม่กลัว กลัวแต่จะเป็นผียายแก่น่ะสิ” เอกชัยโต้คารมกลับ แล้วก็หัวเราะตาม
“เออๆ เอากันเข้าไป เรื่องผีเรื่องสางอย่ามาทำเป็นล้อกันเล่น” แมนสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เขาเป็นคนเดียวที่มีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว เอกชัยรู้ดีว่า เรื่องเดียวที่ทำให้แมนอารมณ์ไม่ดีแต่เช้าได้อย่างนี้ ก็น่าจะโดนเมียด่าเรื่องอะไรสักอย่างมาตั้งแต่เมื่อคืน
“โอ๋ๆ ๆ ไม่เอาน่า ผีไม่ใช่เมียมันจะน่ากลัวขนาดไหนกันเชียว” เขาโอบไหล่กระเซ้าเพื่อน ในขณะที่อีกฝ่ายค้อนประหลับประเหลือก
“เออๆ เอ็งเก่ง ยังไงก็ระวังตัวหน่อยละกัน กลางคืนมืดๆ มันอันตราย ไม่กลัวผี ก็กลัวอุบัติเหตุบ้าง ถ้าจะให้ดีละก็ อย่ามัวแต่ไปคั่วสาว แล้วกลับดึกนัก อีกอย่างผู้หญิงไม่ใช่ของเล่น เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระวังรถไฟชนกันแล้วจะหาว่าข้าไม่เตือนไม่ได้นะโว้ย” แมนเทศนาเป็นชุด เขาเป็นประเภทรักเดียวใจเดียวจึงไม่ค่อยเห็นด้วยกับพฤติกรรมเจ้าชู้ของเพื่อนนัก แต่เพื่อนกัน ยังไงก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“ข้ารู้ๆ แต่ ข้าว่า... เรื่องผี กับเรื่องหญิงมันไม่เกี่ยวกันเลยนะโว้ย” เอกชัยหัวเราะชอบอกชอบใจ ก็รู้ดีว่าเพื่อนพูดด้วยความเป็นห่วง แต่ก็อดพูดจากวนๆ เพื่อนกลับไปไม่ได้
“เออ ข้ากะไอ้เปี๊ยกก็รู้ว่าเตือนเอ็งหลายครั้งแล้วเหมือนกัน ทั้งที่ก็รู้ว่าเอ็งไม่มีวันเชื่อข้า ยังเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นอยู่ดี” แมนบ่นตามประสาผู้ชายมีเมียเดียว ที่สำคัญนางดุยังกะเสือ คนฟังอย่างเอกชัยจึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา แล้วเปลี่ยนเรื่องไปว่า
“เอาน่าๆ พรุ่งนี้หยุด คืนนี้ไปกินเหล้ากันหน่อยไหมวะ?”
แมน กับเปี๊ยกหันมามองหน้ากันครู่หนึ่ง แม้คติการใช้ชีวิตจะแตกต่างกัน ก็มีแต่เรื่องตั้งวงเหล้านี่แหละที่พวกเขาไม่เคยจะขัดกัน ที่เป็นเพื่อนกันมาได้ตั้งขนาดนี้ก็เพราะว่าชวนเป็นไปนี่แหละ ว่าแล้ว ทั้งคู่จึงพยักหน้าให้แทนคำตอบว่าตกลง
หลังเลิกจากโอที เอกชัยนัดทั้งสองคน ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งกลางเมืองระยอง และสิ่งที่เอกชัยมักจะทำเป็นประจำก็คือ เรียกสาวนุ่งสั้นเผยผิวเนื้อขาวนวลเนียนมานั่งชงเหล้าเอาใจ ส่วนเขาก็ล้วงโน่นควักนี่ตามใจชอบ สาวชงเหล้าหน้าสวยเองก็ไม่ได้คิดจะปัดป้องหรือแสดงอาการโกรธเกรี้ยวอะไร เพราะหล่อนเองก็ต้องการเงินของเอกชัยเช่นกัน แมนกับเปี๊ยกสนใจแต่เหล้าเท่านั้น ปล่อยให้เพื่อนทำตัวเป็นป๋าไป ส่วนพวกตนเองก็ได้แต่นั่งชงเหล้ากันเอง จิบไป คุยไป กระทั่งบนหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาใกล้จะเที่ยงคืนเต็มทีแล้ว หนุ่มโรงงานทั้งสามที่สะสมแอลกอฮอล์ในเลือดจนสูงกว่าค่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้ฤกษ์พาออกมาจากร้าน
สายลมยามดึกพัดแรง พาเอาเศษฝุ่น เศษใบไม้บนพื้นคอนกรีตปลิวตามแรงลม แสงฟ้าแลบแปลบปลาบจากเบื้องบนทำให้เห็นว่า ท้องฟ้าถูกคลี่คลุมด้วยเมฆดำทะมึนคล้อยต่ำลง
“เฮ้ย! ขับรถกันให้ดีๆ นะพวกเอ็ง” สามคนร่ำลากันเสียงอ้อแอ้ ก่อนที่เอกชัยจะเข้ามานั่งประจำที่คนขับหลังพวงมาลัย บิดกุญแจ สตาร์ทรถ พารถยนต์คู่ใจเคลื่อนออกมาจากร้านเหล้าแห่งนั้น มุ่งหน้าสู่ห้องเช่า เพียงแค่รถยนต์บ่ายหน้าสู่ถนนใหญ่ สายฝนก็กระหน่ำหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา แข่งกับเสียงฟ้าคำรนก้อง
“เชี่ย มาตกอะไรตอนนี้วะ” เขาสบถ เปิดที่ปัดน้ำฝนกวาดม่านน้ำออกจากกระจกเป็นแพ ท้องถนนเบื้องหน้าภายใต้แสงไฟหน้ารถที่แล่นสวนกันไปมาเจิ่งนองไปด้วยน้ำ
หนุ่มโรงงานที่มีสายตาไว้เพียงแค่คอยมองหาแต่สาวๆ สวยๆ อย่างเอกชัยย่อมไม่เคยคิดจะสังเกตเลยว่า บนถนนเส้นเดียวกันนี้นั้น ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างใช้ชีวิตตามวิถีของตนผ่านไปผ่านมาอยู่บนนั้นเช่นเดียวกันกับเขาเช่นกัน และในคืน
นี้ ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของถนนที่เขาเพิ่งเลี้ยวรถที่ส่ายเป็นงูลงมา “เง็ก” สาวโรงงานอาหารทะเลแช่แข็งเองก็เพิ่งจะกลับจากฉลองวันเกิดให้ผู้จัดการแผนกของโรงงานของเธอ หญิงสาวฝืนขับมอเตอร์ไซค์ฝ่าสายฝนกระหน่ำเพื่อมุ่งหน้ากลับห้องเช่า ร่างเล็กบางในชุดพนักงานเปียกปอนจนผิวผ้าแนบเนื้อ ความเย็นยะเยือกจากสายฝนทำเอาฟันบนและล่างกระทบกันกึกๆ น้ำไหลผ่านกระจกหมวกกันน็อกที่สวม ทำให้แทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า เธอจึงต้องขับรถด้วยความเร็วไม่มากนัก พอแค่ให้รถเคลื่อนผ่านไปได้ นึกถึงแม่ที่คงกำลังรอเปิดประตูให้เธออยู่อย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ต้องเป็นห่วง แต่จะให้เร่งเครื่องฮ่อตะบึงกลับห้องเช่า ก็เกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ
“ให้ผมไปส่งดีกว่า” ในใจพลันนึกย้อนกลับไปถึงตอนก่อนจะขับรถออกจากงานเลี้ยงมา รู้สึกเสียใจนิดๆ ที่เธอดันไปปฏิเสธกมลเพื่อนหนุ่มในที่ทำงานเดียวกัน ตอนเขาออกปากขอตามมาส่งอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอก ฝนจะตกแล้ว เธอเองก็ควรจะรีบกลับได้แล้ว” เง็กหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก ไม่ได้เพิ่งมาเขินเอาตอนนี้ แต่ทั้งเขาและเธอทั้งคู่โดนแซวมาตั้งแต่ในงานเลี้ยงของผู้จัดการแล้ว
เมื่อกล่องของขวัญกล่องหนึ่งที่เขาแอบส่งให้เธออย่างลับๆ ถูกเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งแอบเห็นเข้าจนได้ มันเป็นตุ๊กตาที่เคยเผลอออกปากว่าอยากได้เมื่อคราวที่ไปเที่ยวกันคราวก่อน ไม่นึกว่าเขาจะถึงกับซื้อมาให้จริงๆ
“นั่นแน่! สองคนนี้ สวีทกันจริงนะ งานวันเกิดผู้จัดการแท้ๆ ไม่สนใจคนอื่นเลย” คุณแก้วตาเลขาผู้จัดการออกปากแซวเป็นคนแรก จากนั้นก็ตามด้วยผู้จัดการที่พูดทีเล่นทีจริงว่า งานวันเกิดเขาปีนี้ เขาขอเป็นกามเทพยกให้เป็นงานเลี้ยงฉลองการคบกันของทั้งคู่ดีกว่า แล้วจึงตามด้วยเสียงหัวเราะครืนจากคนทั้งงาน
เขินก็เขิน อายก็อาย ดีใจก็ดีใจ เง็กเม้มริมฝีปากแน่น สายฝนเย็นเยียบปะทะเข้ากับตัวบาดผิวจนหนาวสั่น แต่ในใจกลับอุ่นร้อนอย่างประหลาดยามนึกถึงเรื่อง
ในงานเลี้ยงที่ผ่านมา... ม่านฝนกางกั้นท้องถนนเบื้องหน้าทำให้ทัศนียภาพไม่แจ่มชัดนัก แต่กระนั้นก็พอจะรู้ได้ว่าตอนนี้เธอขับมาจนถึงแนวหญ้ารกสูงท่วมหัวแล้ว
ระหว่างทางจากร้านของสถานบันเทิงที่พวกเธอไปงานเลี้ยงกันนั้น ห่างจากห้องพักไม่ไกลนัก แต่ก็ไม่ได้ใกล้ๆ เช่นกัน ดังนั้นนอกจากเขตชุมชนแล้ว ยังมีถนนบางช่วงบางตอนเป็นที่รกร้าง บ้างก็เป็นทุ่งนาเรียบโล่ง บ้างก็เป็นแนวต้นหญ้ารกทึบสูงท่วมหัว ที่สำคัญ หญิงสาวก็รู้สึกหนาวยะเยือกในหัวอก เมื่อรู้ตัวว่า พอพ้นจากแนวหญ้ารกนี้แล้วก็จะเป็นโค้งอันตรายหักศอกโค้งนั้นแล้ว...
แค่โค้งอันตรายธรรมดาเพียงแค่ขับอย่างระมัดระวังก็ย่อมไม่มีอะไรน่ากลัว แต่... ที่เสียวสันหลังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก็เพราะโค้งนี้ พนักงานในนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ต่างก็รู้กันดีว่ามันไม่ธรรมดา...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
รวมเรื่องสั้นผีเปิดหลุม หลุมที่ 1 ตุ๊กตาหน้ารถ
รวมเรื่องสั้น ผีเปิดหลุม (By Always Publishing) หลุมที่ 1 ตุ๊กตาหน้ารถ โดย ชลณภัทร
(นิลเป็นตัวแทนจากสำนักพิมพ์นำมาเผยแพร่เป็นตัวอย่าง ให้ทดลองอ่านกันค่ะ)
....................................................................................................
ถนนสี่เลนย่านนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ดในยามวิกาลค่อนข้างโล่ง นานๆ ทีจึงจะมีรถแล่นผ่านไปผ่านมาสักคัน แสงไฟเปิดสว่างลอดจากภายในโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ทั่วบริเวณสว่างไสวก็จริง แต่ก็ไม่ถึงกับสว่างมาถึงกลางถนนที่ถูกคั่นด้วยเกาะกลาง ถนนทั้งสายจึงคล้ายถูกคลี่คลุมด้วยผืนผ้ากำมะหยี่สีเทาหม่น
ที่ตั้งถัดห่างออกไปไม่ไกลรอบนิคมทั้งสองด้าน เป็นย่านสถานบันเทิงแหล่งปลดเปลื้องความเหนื่อยยากหลังจากการทำงานหนักมาทั้งวัน ที่มักจะคึกคักคลาคล่ำไปด้วยผู้ขายแรงงานจากนิคมอุตสาหกรรมอยู่เสมอ ห่างออกไปจากสถานบันเทิงจนพ้นระยะเสียงรบกวน จึงเป็นที่ตั้งของอาคารที่สร้างด้วยไม้ และคอนกรีต นับร้อยนับพันห้อง ที่ปลูกติดกันเรียงราย ราวกับกล่องไม้ขีดที่ถูกบรรจงจับมาเรียงซ้อนกันขึ้นไป คือบรรดาห้องเช่าของเหล่าแรงงานชาวนิคมอุตสาหกรรมทั้งหลาย ที่ตอนนี้เจ้าของห้องต่างพากันปิดไฟ พาตัวเองสู่การหลับใหล เก็บแรงไว้สู้กับงานในวันต่อไป
ความเงียบสงัดพาให้ยินเสียงกรนครืดคราดดังลอดออกมาตามรอยแตกของหน้าต่าง คงมีเพียงห้องเช่าห้องสุดท้ายที่ติดกับสวนสับปะรดเท่านั้นที่แสงไฟภายในห้องยังคงเปิดสว่าง ประตูด้านหน้าถูกชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผู้หนึ่งผลักให้เปิดออก ก่อนเจ้าตัวจะสาวเท้าก้าวตามบานประตูออกมา ทั้งๆ ที่เสื้อยังไม่ได้ติดกระดุมให้เรียบร้อย มืออีกข้างที่ยังไม่ได้พ้นออกมานอกประตูถูกเกาะกุมไว้ด้วยมือของหญิงสาวรูปร่างอวบอัดภายใต้เสื้อสายเดี่ยวสีเหลืองกับกางเกงขาสั้นอวดเรียวขาขาวเนียนของผู้เดินตามมาส่งเขาที่หน้าประตูอย่างอาลัยอาวรณ์
“พี่ชัย พรุ่งนี้แวะมาหาแก้วอีกนะ” น้ำเสียงหวานออดอ้อนชวนให้อยากอยู่ลิ้มลองรสสวาทให้ขาดใจไม่อยากจากไปไหนเลยจริงๆ เจือด้วยความคาดหวังให้เขากลับมาอีกอยู่ในที แต่ ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเขายังมีรถไฟที่ต้องสับรางอีกหลายขบวนไม่ให้ชนกัน
ทำยังไงได้ คนหน้าตาดีก็อย่างนี้แหละ ยิ่งมีรถขับด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีเสน่ห์เรียกสาวๆ ไม่ต่างอะไรจากดอกไม้มีกลิ่นหอมล่อแมลงนั่นแหละ
“ไม่ได้หรอก พรุ่งนี้พี่ต้องทำโอทีดึกต่อน่ะ อาทิตย์นี้ตารางโอทีมันวนมาถึงเวรพี่พอดีแล้ว” เอกชัยยกเรื่องงานมาอ้างตามเคย
“แหม... ถ้าอย่างนั้น เราคงไม่ได้เจอกันอีกหลายวันเลยนะ เพราะแก้วเองก็ต้องเข้ากะแล้วเหมือนกัน” น้ำเสียงหล่อนออดอ้อนและอกอุ่นที่เบียดชิดเสียจนเอกชัยอยากจะใจอ่อน แต่เมื่อนึกถึงความร้อนแรงของ “น้ำ” สาวโรงงานผลิตชิ้นส่วนกล้องถ่ายรูปยี่ห้อดัง คนที่เขาเพิ่งจะเจอเมื่อคืนตอนไปเที่ยวผับ ก่อนจะแลกเบอร์โทรศัพท์กันเรียบร้อย คำหวานออดอ้อนของแก้วจึง “ไม่” แม้แต่จะระคายเพียงเศษเสี้ยวหัวใจเขา
“โถๆ ๆ ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกตั้งเยอะตั้งแยะ เดี๋ยวเอาไว้อาทิตย์หน้าพี่ก็ไม่ติดตารางโอทีแล้ว จะรีบมาหาน้องแก้วทันที พี่สัญญาเลย พี่ไปก่อนนะ... พรุ่งนี้ต้องเข้างานแต่เช้า” เขาหันมาดึงร่างอวบอัดเข้ามาไว้ในอ้อมแขน แล้วจึงกดปลายจมูกลงบนผิวแก้มนวลเนียนของหล่อนเบาๆ
ก่อนจะหันหลังกลับ สาวก้าวยาวฉับๆ มาที่รถ เหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะตาม
เสียงสตาร์ทรถเบาๆ เพียงไม่กี่แชะ เครื่องยนต์ก็คำรามกระหึ่มสมกับที่เขาเลือกมาเป็นรถคู่ใจ ใช้เวลาไม่นานนัก เอกชัยก็บังคับพวงมาลัยพารถยนต์ของตนมุ่งหน้ากลับห้องเช่า เพราะความสะดวกที่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง เขาจึงเลือกห้องซึ่งอยู่ไกลจากห้องเช่าของคนอื่นๆ ในนิคมพอสมควร และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อสะดวกแก่การสับราง เปลี่ยนตุ๊กตาหน้ารถด้วยนั่นเอง
นี่ขนาดเขาเป็นแค่นายช่างหนุ่มโรงงานผลิตถุงพลาสติกใส่ตู้คอนเทนเนอร์ เงินเดือนรวมค่ากะ เบี้ยขยันไม่กี่หมื่น ยังมีสาวๆ มาติดบ่วงเยอะแยะขนาดนี้ ชายหนุ่มมองถนนโล่งรอบรถพรางคิดเล่นๆ ว่า ถ้าวันหนึ่งเขาเกิดถูกล็อตเตอรี่ รวยไม่รู้เรื่องขึ้นมาละก็ เขามิต้องเปลี่ยนจากเปลี่ยนตุ๊กตาหน้ารถเดือนละคน มาเป็นอาทิตย์ละคน หรือไม่อย่างนั้นก็วันละคนเลยกระมัง นี่แหละ... ความสุขของผู้ชายลัลลาอย่างเขา ชายหนุ่มคิดพรางก็ขยับโยกตัวตามจังหวะเสียงเพลงในรถอย่างอารมณ์ดี
เพลงมันๆ ถนนโล่งๆ เอกชัยเหยียบจนแทบจะมิดไมล์ ชะลอเล็กน้อยก็เพียงแค่โค้งหักศอกที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายที่สุดในแถบนี้เท่านั้น หนังตาชายหนุ่มเขม่นยิก เมื่อถึงทางโค้ง พัดลมแอร์เป่าลมเย็นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนขนสุกซู่แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปเล็กน้อยเมื่อตอนหัวค่ำแทบจะสิ้นฤทธิ์ไปถึง 8 ใน 10 ส่วน เมื่อเห็นกระทงใบตองเก่าๆ ข้างถนน และผ้าแพรหลากสีที่ถูกผูกติดไว้ตามต้นไม้ข้างทางพลิ้วไสวอยู่ท่ามกลางสายลมกลางคืน เขาไม่ค่อยชอบโค้งนี้เลย แต่ไม่ผ่านก็ไม่ได้เมื่อมันดันตัดตั้งขวางทางกลับบ้านของเขาอยู่เช่นนี้
ในตอนเช้าหน้านิคมอุตสาหกรรมคึกคักคลาคล่ำไปด้วยเหล่าพนักงานเช่นเคย เอกชัยผิวปากอย่างอารมณ์ดี ขณะถอยรถเข้าจอดในช่องทางสำหรับจอดรถ วันนี้โชคดี ปกติรถของพนักงานในนิคมแห่งนี้จะเยอะมาก จนต้องแย่งที่จอดกันถึงขั้นหลายครั้งถึงกับมีการทะเลาะวิวาท แต่วันนี้เขากลับได้ที่จอดในช่องสำหรับจอดรถ ไม่ต้องเอารถไปจอดริมฟุตบาทเหมือนเช่นเคย จึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“ไง!” พอลงจากรถได้ ก็เจอแมนกับเปี๊ยกสองเพื่อนสนิทที่เดินมาจากลานจอดจักรยานยนต์ทันที
“แหมๆ ๆ คนมีรถมันโก้หร่า สาวหลง อย่างนี้นี่เอง” เปี๊ยกร้องแซวทันทีที่ได้ยินเสียงเขาทัก
“เมื่อคืนเห็นว่ากลับดึกนิ ระวังนา... กลับมืดๆ ค่ำๆ เดี๋ยวก็โดนผีแม่ม่ายลากไปอยู่ด้วยหรอก” ว่าแล้วเปี๊ยกก็หัวเราะเอิกอากชอบอกชอบใจ
“ผีแม่ม่ายไม่กลัว กลัวแต่จะเป็นผียายแก่น่ะสิ” เอกชัยโต้คารมกลับ แล้วก็หัวเราะตาม
“เออๆ เอากันเข้าไป เรื่องผีเรื่องสางอย่ามาทำเป็นล้อกันเล่น” แมนสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เขาเป็นคนเดียวที่มีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว เอกชัยรู้ดีว่า เรื่องเดียวที่ทำให้แมนอารมณ์ไม่ดีแต่เช้าได้อย่างนี้ ก็น่าจะโดนเมียด่าเรื่องอะไรสักอย่างมาตั้งแต่เมื่อคืน
“โอ๋ๆ ๆ ไม่เอาน่า ผีไม่ใช่เมียมันจะน่ากลัวขนาดไหนกันเชียว” เขาโอบไหล่กระเซ้าเพื่อน ในขณะที่อีกฝ่ายค้อนประหลับประเหลือก
“เออๆ เอ็งเก่ง ยังไงก็ระวังตัวหน่อยละกัน กลางคืนมืดๆ มันอันตราย ไม่กลัวผี ก็กลัวอุบัติเหตุบ้าง ถ้าจะให้ดีละก็ อย่ามัวแต่ไปคั่วสาว แล้วกลับดึกนัก อีกอย่างผู้หญิงไม่ใช่ของเล่น เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระวังรถไฟชนกันแล้วจะหาว่าข้าไม่เตือนไม่ได้นะโว้ย” แมนเทศนาเป็นชุด เขาเป็นประเภทรักเดียวใจเดียวจึงไม่ค่อยเห็นด้วยกับพฤติกรรมเจ้าชู้ของเพื่อนนัก แต่เพื่อนกัน ยังไงก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“ข้ารู้ๆ แต่ ข้าว่า... เรื่องผี กับเรื่องหญิงมันไม่เกี่ยวกันเลยนะโว้ย” เอกชัยหัวเราะชอบอกชอบใจ ก็รู้ดีว่าเพื่อนพูดด้วยความเป็นห่วง แต่ก็อดพูดจากวนๆ เพื่อนกลับไปไม่ได้
“เออ ข้ากะไอ้เปี๊ยกก็รู้ว่าเตือนเอ็งหลายครั้งแล้วเหมือนกัน ทั้งที่ก็รู้ว่าเอ็งไม่มีวันเชื่อข้า ยังเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นอยู่ดี” แมนบ่นตามประสาผู้ชายมีเมียเดียว ที่สำคัญนางดุยังกะเสือ คนฟังอย่างเอกชัยจึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา แล้วเปลี่ยนเรื่องไปว่า
“เอาน่าๆ พรุ่งนี้หยุด คืนนี้ไปกินเหล้ากันหน่อยไหมวะ?”
แมน กับเปี๊ยกหันมามองหน้ากันครู่หนึ่ง แม้คติการใช้ชีวิตจะแตกต่างกัน ก็มีแต่เรื่องตั้งวงเหล้านี่แหละที่พวกเขาไม่เคยจะขัดกัน ที่เป็นเพื่อนกันมาได้ตั้งขนาดนี้ก็เพราะว่าชวนเป็นไปนี่แหละ ว่าแล้ว ทั้งคู่จึงพยักหน้าให้แทนคำตอบว่าตกลง
หลังเลิกจากโอที เอกชัยนัดทั้งสองคน ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งกลางเมืองระยอง และสิ่งที่เอกชัยมักจะทำเป็นประจำก็คือ เรียกสาวนุ่งสั้นเผยผิวเนื้อขาวนวลเนียนมานั่งชงเหล้าเอาใจ ส่วนเขาก็ล้วงโน่นควักนี่ตามใจชอบ สาวชงเหล้าหน้าสวยเองก็ไม่ได้คิดจะปัดป้องหรือแสดงอาการโกรธเกรี้ยวอะไร เพราะหล่อนเองก็ต้องการเงินของเอกชัยเช่นกัน แมนกับเปี๊ยกสนใจแต่เหล้าเท่านั้น ปล่อยให้เพื่อนทำตัวเป็นป๋าไป ส่วนพวกตนเองก็ได้แต่นั่งชงเหล้ากันเอง จิบไป คุยไป กระทั่งบนหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาใกล้จะเที่ยงคืนเต็มทีแล้ว หนุ่มโรงงานทั้งสามที่สะสมแอลกอฮอล์ในเลือดจนสูงกว่าค่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้ฤกษ์พาออกมาจากร้าน
สายลมยามดึกพัดแรง พาเอาเศษฝุ่น เศษใบไม้บนพื้นคอนกรีตปลิวตามแรงลม แสงฟ้าแลบแปลบปลาบจากเบื้องบนทำให้เห็นว่า ท้องฟ้าถูกคลี่คลุมด้วยเมฆดำทะมึนคล้อยต่ำลง
“เฮ้ย! ขับรถกันให้ดีๆ นะพวกเอ็ง” สามคนร่ำลากันเสียงอ้อแอ้ ก่อนที่เอกชัยจะเข้ามานั่งประจำที่คนขับหลังพวงมาลัย บิดกุญแจ สตาร์ทรถ พารถยนต์คู่ใจเคลื่อนออกมาจากร้านเหล้าแห่งนั้น มุ่งหน้าสู่ห้องเช่า เพียงแค่รถยนต์บ่ายหน้าสู่ถนนใหญ่ สายฝนก็กระหน่ำหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา แข่งกับเสียงฟ้าคำรนก้อง
“เชี่ย มาตกอะไรตอนนี้วะ” เขาสบถ เปิดที่ปัดน้ำฝนกวาดม่านน้ำออกจากกระจกเป็นแพ ท้องถนนเบื้องหน้าภายใต้แสงไฟหน้ารถที่แล่นสวนกันไปมาเจิ่งนองไปด้วยน้ำ
หนุ่มโรงงานที่มีสายตาไว้เพียงแค่คอยมองหาแต่สาวๆ สวยๆ อย่างเอกชัยย่อมไม่เคยคิดจะสังเกตเลยว่า บนถนนเส้นเดียวกันนี้นั้น ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างใช้ชีวิตตามวิถีของตนผ่านไปผ่านมาอยู่บนนั้นเช่นเดียวกันกับเขาเช่นกัน และในคืน
นี้ ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของถนนที่เขาเพิ่งเลี้ยวรถที่ส่ายเป็นงูลงมา “เง็ก” สาวโรงงานอาหารทะเลแช่แข็งเองก็เพิ่งจะกลับจากฉลองวันเกิดให้ผู้จัดการแผนกของโรงงานของเธอ หญิงสาวฝืนขับมอเตอร์ไซค์ฝ่าสายฝนกระหน่ำเพื่อมุ่งหน้ากลับห้องเช่า ร่างเล็กบางในชุดพนักงานเปียกปอนจนผิวผ้าแนบเนื้อ ความเย็นยะเยือกจากสายฝนทำเอาฟันบนและล่างกระทบกันกึกๆ น้ำไหลผ่านกระจกหมวกกันน็อกที่สวม ทำให้แทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า เธอจึงต้องขับรถด้วยความเร็วไม่มากนัก พอแค่ให้รถเคลื่อนผ่านไปได้ นึกถึงแม่ที่คงกำลังรอเปิดประตูให้เธออยู่อย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ต้องเป็นห่วง แต่จะให้เร่งเครื่องฮ่อตะบึงกลับห้องเช่า ก็เกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ
“ให้ผมไปส่งดีกว่า” ในใจพลันนึกย้อนกลับไปถึงตอนก่อนจะขับรถออกจากงานเลี้ยงมา รู้สึกเสียใจนิดๆ ที่เธอดันไปปฏิเสธกมลเพื่อนหนุ่มในที่ทำงานเดียวกัน ตอนเขาออกปากขอตามมาส่งอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอก ฝนจะตกแล้ว เธอเองก็ควรจะรีบกลับได้แล้ว” เง็กหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก ไม่ได้เพิ่งมาเขินเอาตอนนี้ แต่ทั้งเขาและเธอทั้งคู่โดนแซวมาตั้งแต่ในงานเลี้ยงของผู้จัดการแล้ว
เมื่อกล่องของขวัญกล่องหนึ่งที่เขาแอบส่งให้เธออย่างลับๆ ถูกเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งแอบเห็นเข้าจนได้ มันเป็นตุ๊กตาที่เคยเผลอออกปากว่าอยากได้เมื่อคราวที่ไปเที่ยวกันคราวก่อน ไม่นึกว่าเขาจะถึงกับซื้อมาให้จริงๆ
“นั่นแน่! สองคนนี้ สวีทกันจริงนะ งานวันเกิดผู้จัดการแท้ๆ ไม่สนใจคนอื่นเลย” คุณแก้วตาเลขาผู้จัดการออกปากแซวเป็นคนแรก จากนั้นก็ตามด้วยผู้จัดการที่พูดทีเล่นทีจริงว่า งานวันเกิดเขาปีนี้ เขาขอเป็นกามเทพยกให้เป็นงานเลี้ยงฉลองการคบกันของทั้งคู่ดีกว่า แล้วจึงตามด้วยเสียงหัวเราะครืนจากคนทั้งงาน
เขินก็เขิน อายก็อาย ดีใจก็ดีใจ เง็กเม้มริมฝีปากแน่น สายฝนเย็นเยียบปะทะเข้ากับตัวบาดผิวจนหนาวสั่น แต่ในใจกลับอุ่นร้อนอย่างประหลาดยามนึกถึงเรื่อง
ในงานเลี้ยงที่ผ่านมา... ม่านฝนกางกั้นท้องถนนเบื้องหน้าทำให้ทัศนียภาพไม่แจ่มชัดนัก แต่กระนั้นก็พอจะรู้ได้ว่าตอนนี้เธอขับมาจนถึงแนวหญ้ารกสูงท่วมหัวแล้ว
ระหว่างทางจากร้านของสถานบันเทิงที่พวกเธอไปงานเลี้ยงกันนั้น ห่างจากห้องพักไม่ไกลนัก แต่ก็ไม่ได้ใกล้ๆ เช่นกัน ดังนั้นนอกจากเขตชุมชนแล้ว ยังมีถนนบางช่วงบางตอนเป็นที่รกร้าง บ้างก็เป็นทุ่งนาเรียบโล่ง บ้างก็เป็นแนวต้นหญ้ารกทึบสูงท่วมหัว ที่สำคัญ หญิงสาวก็รู้สึกหนาวยะเยือกในหัวอก เมื่อรู้ตัวว่า พอพ้นจากแนวหญ้ารกนี้แล้วก็จะเป็นโค้งอันตรายหักศอกโค้งนั้นแล้ว...
แค่โค้งอันตรายธรรมดาเพียงแค่ขับอย่างระมัดระวังก็ย่อมไม่มีอะไรน่ากลัว แต่... ที่เสียวสันหลังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก็เพราะโค้งนี้ พนักงานในนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ต่างก็รู้กันดีว่ามันไม่ธรรมดา...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)