นักการเมือง เกิดจากผลผลิตของการเลือกตั้ง หากจะปฏิเสธความรับผิดชอบ ด้วยการถวิลหาการเลือกตั้ง ผมว่า คนไทยส่วนใหญ่ขาดความรับผิดชอบ
ผมไม่ได้เชียร์ คสช แต่อยากให้ใช้โอกาสนี้ทบทวนสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาทางการเมืองในปัจจุบัน
สิ่งที่ผมเห็นแล้วเบื่อมากก็คือ เอาคำตัดต่อ หรือทำคลิปตัดต่อความคิดเห็นของอดีตรัฐบาลต่างๆ มาชี้ว่า วันก่อนดีกว่าวันนี้ ผมว่า เรามองแบบคนสิ้นคิดมากๆ
จะดีกว่าไหมล่ะ หากเราจะเรียกพรรคการเมืองว่าครอบครัว ภายในครอบครัวย่อมีความรักใคร่กลมเกลียวกัน แต่ในเรื่องประเทศชาติ ถูกความรัก และครอบครัว เข้ามาแย่งชิงทรัพยากรกัน แล้วก็อ้างว่า ทุจริตได้ขอแค่ทำงานเป็น ซึ่งคำพูดแบบนี้ ไม่ใช่คนทำงานเป็น โดยผมขอชี้ไปที่พรรคประชาธิปัตย์ก่อน
-การมีผู้นำพรรคปชป ที่เก่งด้านเศรษฐศาสตร์ แต่ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์มาเป็นผู้นำ โดยไม่สามารถบริหารจัดการความต้องการทั้งฝั่งผู้ผลิต ผู้บริโภค ให้สมดุลย์กันได้ แต่กลับใช้วิธีต่อรองอำนาจกับพรรคร่วมรัฐบาล จนกลายเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใช้วิธีการแบบคนรุ่นเก่าสมัยคณะราษฏร์เรืออำนาจ
-การมีผู้นำพรรคเพื่อไทย ที่เก่งในการทำธุรกิจ คิดว่าประเทศชาติเป็นบริษัท ไม่สนใจใคร คิดอะไร ปั่นกระแสให้ราคาของขึ้นได้ เสกกระดาษให้เป็นเงินได้ ซึ่งนั้นสุดท้ายเราก็ต้องกลับมายืนบนความจริงก็คือ เราเพิ่มราคาสินค้าจากการปั่นกระแส แต่เราไม่ได้เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า โดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตร
วิธีที่จะทำให้การทุจริตเป็นเรื่องที่มองได้เด่นชัด จนใครจะทำก็จับตัวได้นั้นก็คือ การสร้างความเชื่อมั่นในการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกาตร การส่งเสริมการตลาดให้กับสินค้าแปรรูป การเชื่อมโยงระหว่างผลผลิตทางการเกษตรกับการแปรูปให้เข้าถึงกัน และเพิ่มศักยภาพในการกระจายสินค้า ส่งเสริมการตลาดในเชิงชี้ให้เห็นคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร และการปรรูปจากถิ่นกำเนิด เพื่อสร้างสะพานเชื่อมไปสู่การท่องเที่ยว ซึ่งเหตุและปัจจัยที่สำคัญนี้ ไม่ค่อยมีคนให้ความสำคัญ แต่กลับให้ความสำคัญในเรื่องการเลือกตั้ง ซึ่งก็เหมือนเอาเรื่องครอบครัวมาอยู่เหนือเรื่องส่วนรวมนั้นเอง
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะให้ความสำคัญในเรื่องประเทศชาติผ่านความรับผิดชอบ ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และร่วมกันพัฒนาให้ทุกสาขาอาชีพสุจริตมีความแข็งแกร่ง เชื่อมโยงกันได้ และส่งเสริมการพัฒนาองค์กรภาคประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ควบคุ่กันไปด้วย เพื่อใช้เป็นรากฐานของคนดีที่จะทำหน้าที่ในสนามการเมือง ในการประสานประโยชน์ของคนทุกสาขาอาชีพ ทุกเพศ ทุกวัย ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศนี้ไปด้วยกันอย่างผาสุก
ในเรื่องครอบครัวใช้ความรัก ในเรื่องส่วนรวมใช้ความรับผิดชอบ บ้านเมืองคงไม่ต้องปฏิรูป
ผมไม่ได้เชียร์ คสช แต่อยากให้ใช้โอกาสนี้ทบทวนสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาทางการเมืองในปัจจุบัน
สิ่งที่ผมเห็นแล้วเบื่อมากก็คือ เอาคำตัดต่อ หรือทำคลิปตัดต่อความคิดเห็นของอดีตรัฐบาลต่างๆ มาชี้ว่า วันก่อนดีกว่าวันนี้ ผมว่า เรามองแบบคนสิ้นคิดมากๆ
จะดีกว่าไหมล่ะ หากเราจะเรียกพรรคการเมืองว่าครอบครัว ภายในครอบครัวย่อมีความรักใคร่กลมเกลียวกัน แต่ในเรื่องประเทศชาติ ถูกความรัก และครอบครัว เข้ามาแย่งชิงทรัพยากรกัน แล้วก็อ้างว่า ทุจริตได้ขอแค่ทำงานเป็น ซึ่งคำพูดแบบนี้ ไม่ใช่คนทำงานเป็น โดยผมขอชี้ไปที่พรรคประชาธิปัตย์ก่อน
-การมีผู้นำพรรคปชป ที่เก่งด้านเศรษฐศาสตร์ แต่ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์มาเป็นผู้นำ โดยไม่สามารถบริหารจัดการความต้องการทั้งฝั่งผู้ผลิต ผู้บริโภค ให้สมดุลย์กันได้ แต่กลับใช้วิธีต่อรองอำนาจกับพรรคร่วมรัฐบาล จนกลายเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใช้วิธีการแบบคนรุ่นเก่าสมัยคณะราษฏร์เรืออำนาจ
-การมีผู้นำพรรคเพื่อไทย ที่เก่งในการทำธุรกิจ คิดว่าประเทศชาติเป็นบริษัท ไม่สนใจใคร คิดอะไร ปั่นกระแสให้ราคาของขึ้นได้ เสกกระดาษให้เป็นเงินได้ ซึ่งนั้นสุดท้ายเราก็ต้องกลับมายืนบนความจริงก็คือ เราเพิ่มราคาสินค้าจากการปั่นกระแส แต่เราไม่ได้เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า โดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตร
วิธีที่จะทำให้การทุจริตเป็นเรื่องที่มองได้เด่นชัด จนใครจะทำก็จับตัวได้นั้นก็คือ การสร้างความเชื่อมั่นในการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกาตร การส่งเสริมการตลาดให้กับสินค้าแปรรูป การเชื่อมโยงระหว่างผลผลิตทางการเกษตรกับการแปรูปให้เข้าถึงกัน และเพิ่มศักยภาพในการกระจายสินค้า ส่งเสริมการตลาดในเชิงชี้ให้เห็นคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร และการปรรูปจากถิ่นกำเนิด เพื่อสร้างสะพานเชื่อมไปสู่การท่องเที่ยว ซึ่งเหตุและปัจจัยที่สำคัญนี้ ไม่ค่อยมีคนให้ความสำคัญ แต่กลับให้ความสำคัญในเรื่องการเลือกตั้ง ซึ่งก็เหมือนเอาเรื่องครอบครัวมาอยู่เหนือเรื่องส่วนรวมนั้นเอง
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะให้ความสำคัญในเรื่องประเทศชาติผ่านความรับผิดชอบ ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และร่วมกันพัฒนาให้ทุกสาขาอาชีพสุจริตมีความแข็งแกร่ง เชื่อมโยงกันได้ และส่งเสริมการพัฒนาองค์กรภาคประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ควบคุ่กันไปด้วย เพื่อใช้เป็นรากฐานของคนดีที่จะทำหน้าที่ในสนามการเมือง ในการประสานประโยชน์ของคนทุกสาขาอาชีพ ทุกเพศ ทุกวัย ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศนี้ไปด้วยกันอย่างผาสุก