ทรรศนะของอุดมการณ์และอำนาจ

เริ่มต้นเดิมทีสังคมที่มีแต่ความสงบสุข มักจะปรากฏในนิยายปรัมปราไปทั่วโลกเสมอ แต่ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ หลายประเทศเมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตมักจะพบเจอกับเรื่องความเลวร้ายของการปกครองอยู่เสมอ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าอุดมการณ์ของคนชนชั้นปกครองเป็นเพียงขั้นบันไดของพวกเขาให้ก้าวขึ้นไปในฐานะที่สูงขึ้นต่างหาก หาได้มีใครคิดถึงความทุกข์ร้อนของประชาชนอย่างจริงจัง
    อำนาจ เป็นเพียงเชื้อโรคร้ายที่คอยกัดกินความดีของผู้คนชั้นปกครอง หากฝืนพยายามรักษาธำรงไว้ซึ่งอุดมการของตัวเองสิ่งที่เกิดขึ้นก็จะเป็นความเสียหายในทรัพย์สินของตน คุณภาพชีวิตและชีวิตของคนผู้นั้นเอง ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกที่คนโดยส่วนมากจะเสียความดีไปเมืออยู่ในอำนาจนานเกิน
    เมื่อพูดถึงอุดมการณ์ อำนาจ และการปกครองแล้วเราลองมาแปรความตามความหมายโดยประวัติศาสตร์ของหลายประเทศที่พบเจอกันก็จะได้ออกมาว่า อุดมการณ์เกิดขึ้นจากความสูญเสีย ทั้งอิสรภาพ คุณภาพชีวิต อำนาจและชีวิตของคนที่รัก จริงๆแล้วอาจมีปัจจัยมากมายกว่าที่ยกมาข้างต้นแต่ถึงอย่างไร อุดมการณ์ทั้งหมดก็พยายามอย่างมากในการร้องเรียกสิ่งที่พวกเขาโหยหา และนำไปสู่การอยากได้อำนาจมาเปลี่ยนแปลงสิ่งที่พวกเขาปักใจเชื่อว่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง และนั้นเป็นเหตุผลของอุดมการ์ในแง่ที่เรียกว่าอุดมคติ โดยที่ไม่มีความหมายของผลประโยชน์เรียกร้องเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ความเป็นจริงการที่คนมีอุดมการณ์ต้องการซึ่งอำนาจนั้นได้นำพวกเขาไปทำความรู้จักกับกลุ่มคนที่มีกำลังเพียงพอต่อการโค่นอำนาจและเรียกร้องอำนาจมาอยู่ในมือ กลุ่มคนเหล่านั้นคือ “นายทุน” พวกนายทุนโดยส่วนมากแล้วนั้นมีวัตุประสงค์เพียงชัยชนะของเกมส์การเมืองและความมั่งคั้งแก่พวกตนเองเท่านั้นหาได้มีอย่างอื่น ด้วยเหตุนี้แม้ว่าผู้มีอุดมการณ์ทั้งหลายจะสามารถโค่นล้มความทรามของชนชั้นปกครองก่อนออกไปได้พวกเขาก็ต้องผูกมิตรกับมหาภัยใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้นข้างๆพวกเขาเสมอ
    ด้วยความจริงที่เป็นแบบนี้จึงเห็นได้ชัดว่าการปฎิรูปทางการเมืองจึงเหมือนวัฏจักรที่เกิดขึ้น สะสม แล้วประทุขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน สร้างความเสื่อมและรุ่งเรืองให้กับสังคมในหลายๆประเทศอย่างเป็นระรอกๆ แล้วความสุขของคนเราจะเกิดขึ้นเมื่อใด ?
    ยากนักที่จะถามกับตัวของเราเอง ในเมื่อเรายังเอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยวเป็นกลไกเล็กๆที่คอยขับเคลื่อนเกมส์ของชนชั้นปกครองอยู่เสมอตลอดชีวิตของเราเอง ถ้ามนุษย์ผู้รักอิสระจริงจะมีความสุขได้ ก็คงไม่พ้นการก้าวเดินออกมาจากการช่วงขิงอำนาจด้วยสติปัญญา

สิ่งที่เขียนเป็นเพียงความคิดเห็นของผมในมุมมอง อำนาจ การปกครอง และอุดมการณ์เท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานะการณ์ทางการเมืองของประเทศในในโลกในขณะปัจจุบันเป็นเพียงการพูดวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเท่านั้น
ขอบคุณครับ ท่านใดที่มีหลักการวิเคราะห์ที่แตกต่างและเป็นประโยชน์ก็สามารถบอกเล่าเป็นความรู้ให้ผมด้วยนะครับ

นครา โยธาทัพ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่