ลุยเดี่ยว - เดินเที่ยวปารีส 2 วัน 1 คืน

เอาจริงๆทริปนี้เวลาไม่เพียงพอต่อการเห็นปารีสในแบบที่ควรจะเป็น
แต่เมื่อเวลาจำกัด เราก็เลือกที่หลักๆที่เราอยากไปคร่าวๆ และใช้การเดินเป็นการค้นพบระหว่างทาง
ซึ่งเมื่อเดินทางในช่วงหน้าหนาว อากาศก็ไม่ค่อยจะเป็นใจมากสักเท่าไหร่
เคยมาปารีสเมื่อนานมาแล้ว ความทรงจำเกี่ยวกับการไปแต่ละสถานที่เลือนลางมาก
จำได้ขึ้นใจแต่ว่า ไกด์คอยบอกว่าให้ระวังโจรล้วงกระเป๋า
จนกระทั่งวางแผนจะมาทริปนี้ ก็มีคนเตือนตลอดเวลาเรื่องขโมยเรื่องโจร เรื่องความอันตราย จนเราเริ่มหงุดหงิด
ต้องเตรียมตัวให้พร้อม นี่เราจะไปเที่ยวหรือไปออกรบบบบ!!!

ต่อจากกระทู้ที่แล้ว ที่รีวิวไว้เรื่องการเดินทางด้วยรถไฟ Euro Star จากลอนดอน-ปารีส
https://pantip.com/topic/37404232
ตั้งใจว่าจะพูดถึงการเดินทางคนเดียวในปารีสให้ฟัง ถ้าใครยังไม่เบื่อมาตามกันต่อเลย

Paris along the way

พูดถึงสถานี Gare Du Nord ที่จอดเทียบท่าของรถไฟ Euro Star
ก่อนมาทุกคนพูดเตือนว่าสถานีนี้ขโมยเยอะมากให้ระวัง อธิบายสั้นๆว่ามันคือสถานีรถไฟใหญ่ทั่วไป
เหมือนกับหัวลำโพงบ้านเรา หรือสถานี paddington ที่ลอนดอน [อันนั้นเราเข้าไปก็งง]
มีคนมากหน้าหลายตา มีความวุ่นวาย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะกังวลว่าจะเดินไปทางไหน อย่างไร
บางทีก็ไม่ได้ใส่ใจกับสัมภาระที่ถือมา ซึ่งเป็นช่องว่างที่จะโดนขโมยสิ่งของได้
[เรื่องโดนขโมยนี่อย่าชะล่าใจ คิดว่าวางไว้ตรงนี้แปบนึง ไม่เป็นไร วินาทีนึงของก็หายได้ ถ้ามีขโมยแฝงตัวอยู่ในที่นั้นแล้ว
อย่าลืมว่านั่นคืออาชีพของเขา วินาทีหนึ่งของเรานั้นคือจังหวะของเขาที่จะสร้างรายได้]

เกริ่นไว้ก่อนว่าเราพูดถึงปารีสในฐานะที่มาเที่ยวครั้งแรก [ไม่นับรวมตอนเด็กที่มากับครอบครัวมีรถพาไปเที่ยว และจำรายละเอียดไม่ค่อยได้]
มุมมองต่างๆในเบื้องต้นเมื่อมาที่นี่คือมาจากคนอื่นบอกมา ซึ่งเราคิดว่าหลายคนที่ยังไม่เคยมาและวางแผนจะมาก็ต้องกังวลในเรื่องนี้
ซึ่งเราจะอธิบายหลังจบทริปว่าเราคิดเห็นอย่างไร เมื่อได้เดินทางในปารีสด้วยตัวเองจริงๆ

พอรถไฟ Euro Star จอดเทียบสถานี Gare Du Nord
เราก็ออกจากรถไฟมองหาป้ายตัว M เพื่อหาสถานี Metro เพื่อต่อไปโรงแรมทันที
ในใจคือไม่อยากเปิดจังหวะให้ใครเข้ามาหา กลัวเป็นขโมย 555

เราใช้ซื้อตั๋วเดินทางจากตู้ แบบเที่ยวเดียว ราคา 1.90 Euro
สามารถซื้อแบบบัตรเติมเงินได้ด้วย แต่โรงแรมเราอยู่แถว Champs-Élysées
สามารถเดินไปหลายสถานที่ได้โดยไม่ต้องพึ่ง Metro มากนัก เลยใช้แบบ เที่ยวต่อเที่ยว

เมื่อซื้อตั๋วที่ตู้แล้ว ก็จะได้เป็นกระดาษแข็งใบเล็กๆมา เสียบเข้าช่องทางเข้า
มองหาสายรถไฟที่จะขึ้น ถ้าจำไม่ผิด Metro ตรง  Gare Du Nord มีสองสาย คือสาย M4 กับ M5
ให้ดูปลายทางดีๆว่าสายที่เราไปปลายทางอยู่ทางไหน
เช่นสาย M4 ที่เราต้องขึ้นมีสองฝั่ง ของเราต้องไปฝั่งที่ปลายสายเขียนว่า Mairie De Montrouge
แต่สถานีจริงๆที่เราต้องเปลี่ยนรถคือ Strasbourg-Saint-Denis ซึ่งเป็นสถานีระหว่างทางของสายนั้น
[ส่วนใหญ่ป้ายจะบอกเลขสายประกอบกับชื่อปลายสถานีของสายรถไฟนั้น ตอนนั้นเราหาป้ายที่เขียนแจงว่าสายนี้จอดสถานีไหนบ้างไม่เจอในสถานี]

เราถึงช่วงเวลาบ่ายรถไฟจึงไม่มีคนเยอะมาก ถ้าใครกังวลเรื่องการเดินทางด้วย Metro
แบบที่เขาว่าเรื่องขโมยล้วงกระเป๋าอีกนั่นแหละ ไม่แนะนำให้เดินทางช่วง peak time คือตอนคนไปทำงานกับเลิกงาน
เพราะรถแน่นมากจริงๆ ถ้ามีกระเป๋าเดินทางยิ่งจะไม่สะดวก แล้วอีกอย่างอย่างที่หลายคนบอก สถานี Metro ที่ฝรั่งเศส
ไม่มีลิฟท์ บันไดล้วนๆ เดินทางด้วยกระเป๋าน้อยใบได้จะดีที่สุด หรือไม่ก็เลือกพักใกล้สถานี Gare du NOrd เอา
เก็บกระเป๋าแล้วเดินทางเที่ยวด้วย Metro ทีหลัง

ในรถไฟบางคันจะมีป้ายไฟกระพริบข้างบนประตูคอยบอกว่าถึงสถานีไหนแล้ว
อย่าหวังพึ่งฟังประกาศจากในรถไฟ เพราะถ้าใครฟังภาษาฝรั่งเศสไม่ออก จะบอกว่าเขาออกเสียงไม่เหมือนกับภาษาอังกฤษที่เขียนไว้
เราแบบ ฮ้ะ อะไรนะ! คือ งง ตกลงใช่สถานีนี้รึเปล่า? พอเห็นป้ายสถานีถึงเข้าใจว่าการอ่านออกเสียงสำเนียงไม่เหมือนกัน ฮ่าาา

การเดินทางในช่วงแรกของเราคือ เขียนจดเป็นกระดาษไว้ในมือ ว่าต้องขึ้นรถสายอะไร นับไปกี่ป้ายไปเปลี่ยนที่สถานีไหน
ออก exit อะไร เดินลงถนนเส้นไหน เลี้ยวเส้นไหนแล้วจะถึงโรงแรม คลาสสิคมากกก
ประเด็นคือเราไม่กล้าเอามือถือออกมาดู google map กลัวหาย และไม่อยากกางแผนที่เพราะจะดูเป็นนักท่องเที่ยวเกินไป คิดไปเรื่อย
แต่สรุปคือเราชอบวิธีจดการเดินทางในกระดาษนะ นึกถึงสมัยก่อนที่ไม่มี GPS นำทางก็ใช้วิธีนี้ เดินไปเรื่อย ผิดบ้างถูกบ้าง
ทำให้เราได้มองรอบๆตัว คุยกับคนรอบข้างถามทาง มันท้าทาย สนุกดี ว่าจะเจอปลายทางไหม

ออกจาก Metro เดินออกประตูอัตโนมัติ ไม่ต้องเสียบบัตรออก เดินระหว่างทางมาโรงแรมค่อนข้างเงียบ
เราก็นึกว่าวันอาทิตย์คนเขาไม่ค่อยออกมาข้างนอกกัน ไลน์คุยกับน้องว่าไหนว่าถนนแถวนี้คนเดินเยอะแยะ แหล่งชอปปิ้ง
ปรากฎคือเดินออกมาจากตรอกโรงแรม แล้วเลี้ยวอีกทางถัดไปหนึ่ง Block มันคือถนน Champs-Élysées
คนเพียบเลย ไม่น่ากลัว โรงแรมเราดีมาก ตอนแรกจะพัก hostel แต่ส่วนใหญ่อยู่แถว Montmartre ไม่ก็ไกลไป เสียเวลาในการเดินทาง
โรงแรมในปารีสมีหลายที่ที่มีห้องพักสำหรับคนเดินทางคนเดียว ราคาจะถูกกว่าห้อง double room
ที่เราพักราคาไม่ได้ถือว่าแพงมากถ้าเทียบกับโลเคชั่น บริการ และความสะอาด

เราถึงปารีสเกือบบ่ายสอง กว่าจะจัดการเชคอินและออกมาจากโรงแรมก็ประมาณสามโมงครึ่ง
เส้นทางคร่าวๆที่เราเดินวันแรก
Hotel - Pont Alexandre III - Angelina - Louvre Museum - Angelina - Champs-Élysées - Arc de Triomphe

วันแรกจริงๆคือตั้งใจไปสองที่ คือ ร้าน Angelina กับ Louve  Museum ที่เหลือคือเดินดูไปเรื่อยๆ  แล้วแต่ว่าจะคิดอะไรออก

มาช่วงหน้าหนาวข้อเสียอย่างนึงคือมืดเร็ว โชคดีที่อากาศวันนั้นแดดออก ก็เลยมีโอกาสได้เก็บภาพมาอยู่บ้าง
รูปเที่ยวที่ปารีสบอกตามตรงว่าไม่ค่อยสวย เพราะกังวลมากไป ไม่มีใครคอยดูซ้ายดูขวาให้
เราใช้กล้องdigital compact ถ่ายแทนมือถือเวลาอยู่ข้างนอก เอาจริงๆ นักท่องเที่ยวเดินสะพายกล้องตัวใหญ่เดินไปมาถ่ายรูปกันทั้งนั้น
มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นควรระวังตัวให้เป็นนิสัยเวลาอยู่ในสถานที่ต่างๆเท่านั้นเอง

ออกจากโรงแรมเดินเส้น Champs-Élysées เห็นตึกสวยๆก็แวะถ่ายรูป
มารู้ตอนหลังว่าตึกนี้คือ Petit Palais เป็น Musuem of Fine Arts

เห็นสะพาน Pont Alexandre III อยู่ข้างหน้า สะพานข้ามแม่น้ำ Seine ที่มีชื่อทางด้านสถาปัตยกรรมและความงดงาม

ตอนแรกอยู่ในแพลนวันพรุ่งนี้ แต่วันนี้แดดออกเลยเดินไปถ่ายรูป


เดินไปอ้าวเห็นไอเฟลจากมุมนี้ด้วย จริงๆเดินเลาะแม่น้ำ Seine ก็สามารถเห็นหอไอเฟลได้ตลอดทาง


หลังจากนั้นเราก็เลยเดินเลาะทางเดินเลียบแม่น้ำ และเดินผ่านสวนสาธารณะ


วันนี้ถึงแม้จะอากาศหนาวแต่แดดออกคนเลยออกมานั่งตากแดดกันเยอะมาก

พอเราไปถึงร้าน Angelina คนต่อแถวยาวมาก เริ่มหิวข้าว แต่กลัว Lourve จะปิดก่อน เพราะเป็นวันอาทิตย์
ที่นั่นจะปิดหกโมงเย็น เราเลยเดินไป Louvre ก่อน

สัญลักษณ์เด่นของทางเข้า Louvre Museum
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่