สยองไพร

สยองไพร



โดย...ล. วิลิศมาหรา


ปัง ปัง ปัง ปัง...

เสียงคำรามของปืนไรเฟิลขนาดความแรงและความเร็วสามารถล้มช้างดุร้ายได้ภายในไม่กี่อึดใจ กับเสียงปืนอีกหลายกระบอกดังรัวไล่หลังมา ชายหนุ่มอ้าปากหอบหายใจหนักหน่วง พยายามสูดอากาศถี่เร็ว เร่งตะบึงฝีเท้าหนีภัยที่กำลังเข้ามาใกล้สุดชีวิต

เสียงย่ำกิ่งไม้ใบไม้แตกหักของคนกลุ่มหนึ่ง กับเสียงคำรามของปืนยังดังตามมาไม่ขาดสาย ร่างในชุดเดินป่าพุ่งตัวไปข้างหน้า ก่อนสะดุดขาตัวเองล้มโครมลง!

บ้าเอ้ย!...เขาสบถ

ไม่นานนี้เอง ก่อนจะนำทางพาพวกมันเข้ามาในป่าแห่งนี้ เขายังฝันหวานถึงค่าจ้างแสนแพงที่ตนเองเรียกร้องเอาจากเสี่ยใหญ่คนดัง ผู้มีชื่อเสียงว่ารวยล้นฟ้าจากธุรกิจหลากหลาย ถูกจัดความรวยอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ

เจ้าของร่างที่แสดงถึงความอยู่ดีกินดี ส่งสายตายิบหยีมองมาทางเขาอย่างพึงพอใจ ใบหน้าอวบอูมยิ้มแฉ่ง มันตอบรับข้อเสนอของเขาโดยไม่ต่อรองสักคำ

แน่ละ...เพราะหากเขาสามารถนำทางพาพวกมันมาจนถึงกลางป่าที่ตัวเองชำนาญทางได้ เจ้าคนว่าจ้างก็ย่อมได้รับความหฤหรรษ์เป็นสิ่งตอบแทนกลับไปอย่างคุ้มค่า

ในตอนนั้นเขายังอดคิดอย่างหมั่นไส้ไม่ได้ว่า คนรวยทำอะไรมักไม่ค่อยมีใครถือสา เสียงแห่งเงินตราดังกว่าความถูกต้องเสมอ  และแม้จะถูกกล่าวหาว่าทำผิด แต่ด้วยพลังแห่งอำนาจเงิน ก็อาจพลิกผิดให้กลายเป็นถูกได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ ไม่แน่ บางทีอำนาจเงินยังอาจพลิกฟ้าคว่ำดินเลยก็ได้ นับประสาอะไรกับอีแค่ลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ในป่าสงวน

ของสะสมกับของเล่นเพื่อความสนุกเพลิดเพลินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถยี่ห้อหรู กับพวกเครื่องประดับประเภทสร้อยแหวนนาฬิการาคาโคตรแพง ที่เอาไปสร้างบ้านคนจนได้เป็นร้อยหลัง ก็คงน่าเบื่อเกินไปสำหรับพวกอภิมหาเศรษฐีเหล่านั้น ของเล่นสวยๆ อย่างน้องๆ หนูๆ ที่เลือกได้ไม่มีอั้น สุรายาเมาแทบทุกชนิด หรือแม้แต่เครื่องเล่นสมรรถภาพสูงด้วยเทคโนโลยีขั้นเทพแบบไหน พวกเขาก็คงเล่นกันจนเบื่อ มันคงขาดความตื่นเต้นเสียแล้วกระมัง กระทั่งต้องหันมาหาความสนุกรูปแบบใหม่ที่เร้าใจกว่า อย่างเกมล่าสัตว์ในป่าลึก

ไอ้คนสารเลว...

เขาก่นด่าเคียดแค้นผู้จ้างวานตัวเองในใจ ขณะนั่งกองกับพื้นป่าอย่างอ่อนแรง อาศัยพิงลำต้นของไม้ใหญ่ช่วยพยุงกายไว้ พยายามเบียดตัวเองแนบกับต้นไม้ให้มากที่สุด เพื่อบดบังจากสายตานักล่าร่างอ้วนกับบรรดาลูกสมุนของมัน ประสาทสัมผัสทั้งห้าทำงานแยกแยะความคลื่อนไหวซึ่งแปลกแยกกว่าการเคลื่อนไหวของพงไพรอย่างเต็มที่

ใครจะไปคาดคิดว่าเจ้าเสี่ยใหญ่ไม่ได้ต้องการแค่เล่นเกมล่าสัตว์ในป่า...แต่มันกำลังล่ามนุษย์เล่น

มือขวากำด้ามปืนพกสั้นที่เหลือลูกกระสุนเพียงนัดเดียวไว้มั่น ขณะมือซ้ายกุมบาดแผลที่ต้นแขนขวา เลือดไหลโกรกจากปากแผลย้อมมือจนแดงฉาน บ่งบอกถึงอาการบาดเจ็บของตัวเองซึ่งคงสาหัสไม่น้อย เขาบดกรามกรอด แหงนมองแสงตะวันที่ส่องลอดดงไม้หนาทึบลงมาบางเบา หากพระเจ้าทรงเข้าข้าง ก็อาจซ่อนตัวพ้นจากสายตาพวกมันจนกว่าราตรีจะมาถึง และนั่นคือหนทางรอด

ป่าพญายมเป็นชื่อที่คนท้องถิ่นเรียกขานตามลักษณะผืนป่าที่ทึบแน่นไปด้วยพรรณไม้น้อยใหญ่ เต็มไปด้วยหุบเหวและหลืบถ้ำมากมาย

เล่าลือกันว่าหากผู้ใดล่วงล้ำเข้ามาก็มักไม่เหลือรอดชีวิตกลับออกไป พรานป่าฝีมือดีหลายต่อหลายคนเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ ไม่มีแม้แต่ซากร่างให้นำกลับไปทำพิธีส่งวิญญาณเพื่อขึ้นสวรรค์หรือลงนรกตามแต่บุญกรรมความเชื่อ

กิติศัพท์อาถรรพ์ของป่าเป็นที่เลื่องลือไปไกล จนไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไปในป่าพญายมแห่งนี้นานแล้ว และนั่นจึงทำให้ป่าอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้กับสัตว์ป่านานาชนิด จนนำไปสู่การอนุรักษ์ให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ

แต่กลับกันอีกด้านหนึ่ง มันก็เป็นสิ่งยั่วยุให้นักนิยมผจญไพรอยากเข้าไปสัมผัสลิ้มลองรสชาติหฤโหดของป่าลึก ปลุกสัญชาตญาณเถื่อนดิบของตัวเองให้ลุกโชน

“โอ้ยยย!”

เสร็จไปอีกหนึ่งแล้ว

เสียงร้องโหยหวนของลูกหาบที่วิ่งแยกตัวไปคนละทิศละทาง หลังเจ้าอ้วนอำมหิตอนุญาตให้หนีได้ดังก้องขึ้นคนแล้วคนเล่า พวกเขาเป็นคนจรไร้บ้านที่ถูกจ้างมาเป็นลูกหาบด้วยค่าตัวแพงๆ เช่นเดียวกับเขา เสี่ยใหญ่อ้างว่า เพราะชาวบ้านซึ่งชำนาญการเดินป่าไม่มีใครยอมมารับจ้างมันเลยสักคน ขณะนั้นเขายังไม่ทันเอะใจ เพิ่งมาเข้าใจก็ในตอนนี้ ตอนที่ถูกเอาปืนจ่อหัวบังคับปลดเอาปืนตัวเองไป แล้วมันก็ส่งคืนให้ใหม่พร้อมด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว

กวาดตามองสภาพแวดล้อมรกครึ้มไปด้วยกิ่งก้านร่มใบของต้นไม้และพุ่มไม้หนา แต่มันก็ไม่ใช่ที่ซึ่งสามารถหลบซ่อนได้ดีนัก มองไปข้างหน้าไม่ไกลเท่าใดเขาเห็นเป็นหุบเหวลึก ซึ่งลาดลงไปน่าจะมีโพรงถ้ำอยู่บ้าง ที่รู้ดีเพราะทำมาหากินเป็นพรานป่ามาหลายปี  หากตัวเองยังว่องไวพอ แล้วกัดฟันวิ่งไปจนถึงที่นั่นได้ ก็อาจมีที่ให้หลบซ่อนได้ดีกว่านี้

ปัง ปัง ปัง!

โอ้ย!

เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของลูกหาบชะตาขาดซึ่งถูกบังคับให้เล่นเกมซ่อนหาในป่าเปลี่ยวดังขึ้น และน่าจะเป็นเสียงสุดท้ายแล้วด้วย พวกมันปล่อยให้เขากับคนเคราะห์ร้ายเหล่านั้นมีโอกาสซมซานหาทางหนี แกล้งให้มีความหวังว่าจะรอด จากนั้นจึงหาความสนุกจากการออกตามไล่ล่าทีละคนๆ อย่างเลือดเย็น มันทำกับพวกเขาเหมือนเป็นเพียงสัตว์ชนิดหนึ่งเท่านั้น เสียงปืนและเสียงร้องดังต่อเนื่องขึ้นกลางป่าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ถึงเวลาต้องหนีอีกแล้ว...พรานหนุ่มนึกอย่างร้อนใจ รีบยันตัวกับต้นไม้ลุกขึ้นยืน เขาก้มลงมองบาดแผลตัวเอง สูดหายใจลึก ขบกรามแน่นข่มความเจ็บปวด รวบรวมกำลังที่เหลือขยับจะพาร่างอันบอบช้ำไปข้างหน้า แต่ฉับพลันนั้น ร่างเล็กร่างหนึ่งก็พุ่งออกจากพุ่มไม้ด้านข้างคว้าท่อนแขนเขาไว้

“มาทางนี้”

เขาวาดปืนเข้าหาร่างนั้นทันควัน แต่เดชะบุญที่ไม่ทันได้ลั่นกระสุนออกไป เพราะร่างที่โผนเข้าคว้าแขนเขาไว้เป็นเพียงเด็กผู้ชายผิวคล้ำคนหนึ่ง

เขาจ้องมองเด็กชายสวมกางเกงสามส่วนเก่าๆ เปลือยร่างท่อนบนอย่างคาดไม่ถึง เด็กที่ไหนกล้าเข้ามาอยู่ในป่าลึกขนาดนี้...คะเนด้วยสายตาน่าจะอายุแค่ประมาณสิบสองปี มือเล็กๆ ดึงแขนเขาให้กลับไปพิงหลังต้นไม้ใหญ่ใหม่ เอานิ้วชี้แตะริมฝีปากแล้วกระซิบบอก

“ไปทางนั้นมันโล่ง พี่ชายไม่รอดสายตาพวกนั้นหรอก ตามหนูมา หนูจะพาไปหลบในที่ปลอดภัย”

เสียงสวบสาบดังเข้ามาใกล้ทำเอาหัวใจเต้นถี่ แม้ยังนึกสงสัยในตัวเด็กน้อยแต่ก็ไม่มีทางเลือก ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน เขาเลือกที่จะเชื่อเด็กชายลึกลับคนนี้เอาไว้ก่อน พรานหนุ่มจึงก้มตัวลงต่ำวิ่งเหยาะๆ เลาะพุ่มไม้ ตามหลังเด็กชายที่วิ่งนำหน้าไปติดๆ


(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่