คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 20

ถอดความจากคลิป
" นิทานเรื่องซ้ำๆซากๆ ปิศาจครองเมือง ตัวละครมี2ฝ่ายครับ ฝ่ายแรกชื่อว่า ประชาชน
ฝ่ายที่ 2 ชื่อว่า ผู้รับใช้ประชาชน เรื่องราวจะเป็นเช่นไร ขอเชิญท่านรับฟังได้ ณ บัดนี้ "...
เกิดเป็นคน เป็นคนโดยธรรมชาติ
ความคิด จิตใจยังสามารถ รู้ขาดรู้สู้รู้ซึ้ง
ชั่วชีวิต คิดหวังตั้งใจไว้มาก
ประชาธิปไตย ในไทยชาติ เต็มใบเต็มที่เต็มร้อย
จึงออกตามหา ประชาธิปไตยดังว่า
เพื่อน ร่วมอุดมการณ์หลายหลาก สิบร้อยพันหมื่นแสนล้าน
(ดนตรี...)
มี มือปีศาจ เข่นฆ่าให้ล้มหายตายจาก
แย่งชิงสิ่งหวังอันสูงค่า กระชากลงอเวจี
ความรู้สึก คับแค้นนั้นไปถึงข้างใน
คืบคลานเข้ามารุม สุมใจ เห็นเพื่อนล้มตายลงอย่างนี้
ผู้บริสุทธิ์ สองมือสองแขนว่างเปล่า
ร่วง กราวลงกองแทบสองบาท ปีศาจร้ายนั่งบนเก้าอี้...
ไม่เป็นธรรมทุกสิ่ง หรอก มันไม่ เป็นธรรมทุกอย่างหรอก
คนตาย คนตายลงไป คนอยู่ ก็สู้ต่อไป
ประชาชน อย่างเรา ถึงหัวใจเป็นของเรา
แต่ความเป็นธรรมเป็นจริง มันมีสิทธิ์ได้แค่บางคน
ไม่เป็นธรรมทุกสิ่งหรอก มันไม่ เป็นธรรมทุกอย่างหรอก
คนตาย คนตายลงไป คนอยู่ ก็สู้ต่อไป
ประชาชน อย่างเรา ถึงหัวใจเป็นของเรา
แต่ความเป็นธรรมเป็นจริง มันมีสิทธิ์ได้แค่บางคน...
" ท่านพูดได้อย่างไรว่าเป็นผู้รับใช้ประชาชน
ในเมื่อท่านหันปากกระบอกปืนพ่นกระสุนใส่ประชาชนอย่างไม่ขาด
ท่านและลูกหลานญาติมิตรของท่านกัดกินทรัพยากรกัดกินพื้นแผ่นดินนี้อย่างไม่เหลืออะไรแล้ว
และเมื่อไดที่ประชาชนลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิเสรีภาพต่อต้านอำนาจผูกขาดของท่าน ท่านก็ฆ่า
เมื่อท่านฆ่าแล้วท่านบอกประชาชนอีกว่า ลืมมันเสียเถิดประชาชนที่รัก
พวกเรานั้นเป็นชาวพุทธใยเจ้าไม่รู้จักคำว่าการให้อภัย... ท่านครับ ศพแล้วศพเล่าที่ทอดร่าง
ให้ท่านเหยียบย่ำขึ้นไปเสวยอำนาจ ช่างไร้ค่าต่อท่านนัก เพียงเพราะเขาไม่ใช่ลูกหลาน
ญาติมิตร ของท่าน เท่านั้นหรือ..!!? "
** มี มือปีศาจ เข่นฆ่าให้ล้มหายตายจาก
แย่งชิงสิ่งหวังอันสูงค่า กระชากลงอเวจี
ความรู้สึก คับแค้นนั้นไปถึงข้างใน
คืบคลานเข้ามารุม สุมใจ เห็นเพื่อนล้มตายลงอย่างนี้
ผู้บริสุทธิ์ สองมือสองแขนว่างเปล่า
ร่วง กราวลงกองแทบสองบาท ปีศาจร้ายนั่งบนเก้าอี้...
สวัสดี MC พี่แอ๊ดและเพื่อนๆทุกคนครับ ข้างบนนี้คือเพลงหวัง ของศิลปินเพื่อชีวิต อัลบั้มที่ 2 ของ พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ซึ่งออกอัลบั้มนี้มาในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
ในยุคนั้นเป็นยุคที่ทั้งบทเพลงและประชาชนล้วนไขว่คว้าโหยหาสิทธิเสรีภาพ โหยหาประชาธิปไตย โหยหาผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งกันแทบจะทุกฝ่าย
สมัยชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ดำรงค์ตำแหน่งอยู่ได้ประมาณ 2 ปีครึ่ง ก่อนถูก รสช เข้าทำการยึดอำนาจ สมัยนั้นเศรษฐกิจดีมาก โดยส่วนตัวตั้งแต่เกิดมาก็คิดว่ายุคนี้แหละที่ดีที่สุดเพราะที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ดินด้วย ซื้อวันนี้อีกห้าวันขายได้กำไรเต็มๆก็มี บุคลิกนายกฯชาติชายก็จะง่ายๆสบายๆ และมีคำพูดติดปากว่า "No Problem" มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคพื้นอินโดจีนที่ได้ผลเป็นรูปธรรมนั่นคือ "เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า" จึงไม่คิดว่าจะมีการเข้ายึดอำนาจแต่อย่างใด แต่มันก็เกิดขึ้นจนได้
คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. (National Peace Keeping Council - NPKC) เป็นคณะนายทหารที่ก่อการรัฐประหาร ยึดอำนาจจากพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 นำโดย พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอกสุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารบก, พลเอกอิสระพงศ์ หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารบก และพลอากาศเอกเกษตร โรจนนิล ผู้บัญชาการทหารอากาศ
คณะ รสช. ให้เหตุผลในการยึดอำนาจว่า
พฤติการณ์การฉ้อราษฎร์บังหลวง รัฐมนตรีในรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ฉ้อราษฎร์บังหลวง เป็นรัฐบาล บุฟเฟ่ต์คาบิเนต ร่ำรวยผิดปกติ
ข้าราชการการเมืองใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงข้าราชการประจำผู้ซื่อสัตย์สุจริต
รัฐบาลเป็นเผด็จการทางรัฐสภา
การทำลายสถาบันทางทหาร
การบิดเบือนคดีล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อขจัดภยันตรายที่มีต่อประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องจากรัฐบาลละเลยคดีลอบสังหารเชื้อพระวงศ์ โดยอ้างอิงคำสารภาพของ พันเอกบุลศักดิ์ โพธิเจริญ ส.ส. พรรคพลังธรรม จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งให้การซัดทอด พลตรีมนูญ รูปขจร (พลตรีมนูญกฤต รูปขจร


หลังจากนั้น ก็ได้คลอดรัฐธรรมนูญ ปี 2534 ออกมา ท่ามกลางข้อครหาเรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตย และการสืบทอดอำนาจของ รสช จนพลเอกสุจินดา คราประยูร ต้องออกมาพูดเพื่อลดกระแสว่าตนเองและคณะจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ภาพเมื่อครั้งพลเอกสุจินดาประกาศไม่ขอรับตำแหน่งนายกฯ

รัฐธรรมนูญ 2534 ที่มีปัญหา

แต่แล้วในที่สุดหลังจากการเลือกตั้งครั้งที่ 18 ของประเทศไทย หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม คือ นายณรงค์ วงศ์วรรณ พรรคสามัคคีธรรมถูกตั้งขึ้น เพื่อสนับสนุนแกนนำของคณะ รสช. และอาจจะกล่าวได้ว่าแกนนำของ คณะ รสช. บางคน มีส่วนสนับสนุนพรรคนี้ เพื่อเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ หลังการเลือกตั้ง นาย ณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมในฐานะหัวหน้าพรรคที่มีผู้แทนมากที่สุด ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่า ทางโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา นางมาร์กาเร็ต แท็ตไวเลอร์ ได้ออกมาประกาศว่า นายณรงค์ นั้นเป็นผู้หนึ่งที่ไม่สามารถขอวีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับนักค้ายาเสพติด ในที่สุด จึงมีการเสนอชื่อ พล.อ. สุจินดา คราประยูร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน
พลเอกสุจินดารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกับวาทกรรมประจำตัว "เสียสัตย์เพื่อชาติ"

วันแรกในการแถลงการณ์คณะ รมต. หุ้นตกวูบทันที 43 จุด

7 พ.ค. 2535 พลเอกสุจินดาชี้แจงพูดถึงเหตุผลที่เข้ารับตำแหน่งว่า เพราะ หนึ่ง รัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามไว้สอง กล่าวพาดพิงถึง พล.อ. ชวลิต ว่าเลื่อมใสในระบอบประชาธิปไตยแบบสภาเปรซิเดียมและ กลุ่มที่เคลื่อนไหวนอกสภาก็เพื่อนำประเทศไทยไปสู่การปกครองแบบนี้ สาม ได้รับการขอร้องจากชาวพุทธที่กำลังถูกกลุ่มหนึ่งก่อตั้งศาสนาใหม่ และ สี่ การที่นายกฯ เป็นคนกลางจะทำให้ควบคุมการคอรัปชันได้ดีที่สุด ในขณะที่นายกฯ ชี้แจงอยู่นั้น ได้มีเสียงตะโกนและเสียงโห่แสดงความไม่พอใจของ ส.ส. ฝ่ายค้านตลอดเวลา หลังจากชี้แจงแล้ว ประธานรัฐสภาได้กล่าวปิดการประชุมทันที

จนเป็นที่มาของเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อ ปี 2535
ดังคลิปนี้ "พฤษภาทมิฬ 2535 บันทึกสีดำ" ขออนุญาตไม่ถ่ายทอดเรื่องราวในคลิปเป็นตัวหนังสือเพราะมันเยอะ หลากหลายเรื่องราว

ลำดับเหตุการณ์คร่าวๆในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
ลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ถึง พ.ศ. 2535
· 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 - คณะ รสช.ยึดอำนาจจากรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
· 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 - มีการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ พรรคสามัคคีธรรม ของนายณรงค์ วงศ์วรรณ ได้รับเลือกตั้งมาเป็นลำดับหนึ่ง แต่ถูกขึ้นบัญชีดำผู้ค้ายาเสพย์ติดจากสหรัฐอเมริกา
· 7 เมษายน - พล.อ.สุจินดา คราประยูร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
· 8 เมษายน - ร.ต.ฉลาด วรฉัตร เริ่มอดอาหารประท้วงวันแรก
· 17 เมษายน - มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
· 20 เมษายน - พรรคฝ่ายค้านเริ่มการปราศรัยที่ลานพระบรมรูปทรงม้า
· 4 พฤษภาคม - พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เริ่มอดอาหารประท้วงวันแรก
· 6 พฤษภาคม - พล.อ.สุจินดา แถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่พรรคฝ่ายค้านไม่เข้าร่วม ขณะเดียวกันบริเวณหน้ารัฐสภามีผู้ชุมนุมร่วมประท้วง จนต้องมีการปิดประชุมโดยกระทันหัน
· 8 พฤษภาคม - พล.อ.สุจินดา แถลงถึงเหตุผลที่ต้องมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
· 9 พฤษภาคม - นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานรัฐสภาประสานให้พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านร่วมกันตกลงว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญบางประการ และ พล.ต.จำลอง ประกาศเลิกอดอาหาร แต่ต่อมาพรรคร่วมรัฐบาลได้ปฏิเสธการแก้ไขรัฐธรรมนูญในภายหลัง
· 11 พฤษภาคม - พล.ต.จำลอง ประกาศสลายการชุมนุมและประกาศชุมนุมใหม่อีกครั้งในวันที่ 17 พฤษภาคม
· 17 พฤษภาคม - รัฐบาลจัดคอนเสิร์ตต้านภัยแล้งสกัดม็อบที่สนามกีฬากองทัพบกและวงเวียนใหญ่ โดยขนรถสุขาของกรุงเทพ ฯ มาไว้ที่นี่หมด ช่วงเที่ยงคืนเริ่มเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับทหาร ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 18 พฤษภาคม
· 18 พฤษภาคม - ก่อนรุ่งสาง รัฐบาลเริ่มจัดการกับผู้ชุมนุมอย่างรุนแรงและประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เวลาบ่าย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และผู้ชุมนุมบางส่วนถูกจับกุม
· 19 พฤษภาคม - กลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่ได้ถูกจับกุมย้ายสถานที่ชุมนุมไปที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
· 20 พฤษภาคม - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งให้ผู้นำทั้งสองฝ่าย คือ พล.อ.สุจินดา และ พล.ต.จำลอง เข้าเฝ้า โดยผู้ที่นำเข้าเฝ้าคือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
· 24 พฤษภาคม - พล.อ.สุจินดา และ พล.ต.จำลอง แถลงการณ์ร่วมกันผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยและ พล.อ.สุจินดาได้ลาออกและประกาศยุบสภา
· 10 มิถุนายน - นายอานันท์ ปันยารชุน กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
· 13 กันยายน - มีการเลือกตั้งใหญ่ทั่วทั้งประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ได้รับคะแนนเสียงมาเป็นลำดับหนึ่ง นายชวน หลีกภัย ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
เก็บตก ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬนี้นอกจากเสียสัตย์เพื่อชาติแล้ว ยังเป็นที่มาของฉายาในสภา มีดโกนอาบน้ำผึ้งของคุณชวน หลีกภัย มีเรื่องราวมากมายเช่นไอ้แหลมวิทยุป่วนทหาร พรรคเทพ-พรรคมาร ม็อบมือถือ ม็อบมอเตอร์ไซค์ รวมไปถึงศิลปะข้างกำแพงที่พ่นต่อต้านรัฐบาลขณะนั้นมากมาย ยุคนั้นเป็นยุคที่ทุกคนล้วนโหยหาประชาธิปไตยแม้ว่าตามหน้าสื่อโทรทัศน์กับวิทยุถูกรัฐบาลควบคุมไว้ได้หมด แต่สื่อทางหน้าหนังสือพิมพ์กลับรายงานโดยไม่กลัวการคุกคามจากรัฐแต่อย่างใด ตามร้านขายวีดีโอในเขตชุมชนต่างๆเปิดคลิปเหตุการณ์การชุมนุมให้ผู้คนสัญจรได้ดู ไทยมุงยืนดูให้ความสนใจเป็นจำนวนมากเพราะหาดูไม่ได้จากสื่อช่องหลัก นักศึกษาประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมืองอย่างสูง มีการปราศรัยตามเวทีต่างๆในมหาวิทยาลัยดังๆ เป็นยุคที่บทเพลงแห่งเสรีภาพเบ่งบานมากที่สุดครับผม
ขอบพระคุณ
https://www.youtube.com/watch?v=H2AMkgADlbY
Free4thai news Station
https://th-th.facebook.com/free4thai/posts/401877753333090
http://www.soccersuck.com/boards/topic/937914

ถอดความจากคลิป
" นิทานเรื่องซ้ำๆซากๆ ปิศาจครองเมือง ตัวละครมี2ฝ่ายครับ ฝ่ายแรกชื่อว่า ประชาชน
ฝ่ายที่ 2 ชื่อว่า ผู้รับใช้ประชาชน เรื่องราวจะเป็นเช่นไร ขอเชิญท่านรับฟังได้ ณ บัดนี้ "...
เกิดเป็นคน เป็นคนโดยธรรมชาติ
ความคิด จิตใจยังสามารถ รู้ขาดรู้สู้รู้ซึ้ง
ชั่วชีวิต คิดหวังตั้งใจไว้มาก
ประชาธิปไตย ในไทยชาติ เต็มใบเต็มที่เต็มร้อย
จึงออกตามหา ประชาธิปไตยดังว่า
เพื่อน ร่วมอุดมการณ์หลายหลาก สิบร้อยพันหมื่นแสนล้าน
(ดนตรี...)
มี มือปีศาจ เข่นฆ่าให้ล้มหายตายจาก
แย่งชิงสิ่งหวังอันสูงค่า กระชากลงอเวจี
ความรู้สึก คับแค้นนั้นไปถึงข้างใน
คืบคลานเข้ามารุม สุมใจ เห็นเพื่อนล้มตายลงอย่างนี้
ผู้บริสุทธิ์ สองมือสองแขนว่างเปล่า
ร่วง กราวลงกองแทบสองบาท ปีศาจร้ายนั่งบนเก้าอี้...
ไม่เป็นธรรมทุกสิ่ง หรอก มันไม่ เป็นธรรมทุกอย่างหรอก
คนตาย คนตายลงไป คนอยู่ ก็สู้ต่อไป
ประชาชน อย่างเรา ถึงหัวใจเป็นของเรา
แต่ความเป็นธรรมเป็นจริง มันมีสิทธิ์ได้แค่บางคน
ไม่เป็นธรรมทุกสิ่งหรอก มันไม่ เป็นธรรมทุกอย่างหรอก
คนตาย คนตายลงไป คนอยู่ ก็สู้ต่อไป
ประชาชน อย่างเรา ถึงหัวใจเป็นของเรา
แต่ความเป็นธรรมเป็นจริง มันมีสิทธิ์ได้แค่บางคน...
" ท่านพูดได้อย่างไรว่าเป็นผู้รับใช้ประชาชน
ในเมื่อท่านหันปากกระบอกปืนพ่นกระสุนใส่ประชาชนอย่างไม่ขาด
ท่านและลูกหลานญาติมิตรของท่านกัดกินทรัพยากรกัดกินพื้นแผ่นดินนี้อย่างไม่เหลืออะไรแล้ว
และเมื่อไดที่ประชาชนลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิเสรีภาพต่อต้านอำนาจผูกขาดของท่าน ท่านก็ฆ่า
เมื่อท่านฆ่าแล้วท่านบอกประชาชนอีกว่า ลืมมันเสียเถิดประชาชนที่รัก
พวกเรานั้นเป็นชาวพุทธใยเจ้าไม่รู้จักคำว่าการให้อภัย... ท่านครับ ศพแล้วศพเล่าที่ทอดร่าง
ให้ท่านเหยียบย่ำขึ้นไปเสวยอำนาจ ช่างไร้ค่าต่อท่านนัก เพียงเพราะเขาไม่ใช่ลูกหลาน
ญาติมิตร ของท่าน เท่านั้นหรือ..!!? "
** มี มือปีศาจ เข่นฆ่าให้ล้มหายตายจาก
แย่งชิงสิ่งหวังอันสูงค่า กระชากลงอเวจี
ความรู้สึก คับแค้นนั้นไปถึงข้างใน
คืบคลานเข้ามารุม สุมใจ เห็นเพื่อนล้มตายลงอย่างนี้
ผู้บริสุทธิ์ สองมือสองแขนว่างเปล่า
ร่วง กราวลงกองแทบสองบาท ปีศาจร้ายนั่งบนเก้าอี้...

ในยุคนั้นเป็นยุคที่ทั้งบทเพลงและประชาชนล้วนไขว่คว้าโหยหาสิทธิเสรีภาพ โหยหาประชาธิปไตย โหยหาผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งกันแทบจะทุกฝ่าย
สมัยชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ดำรงค์ตำแหน่งอยู่ได้ประมาณ 2 ปีครึ่ง ก่อนถูก รสช เข้าทำการยึดอำนาจ สมัยนั้นเศรษฐกิจดีมาก โดยส่วนตัวตั้งแต่เกิดมาก็คิดว่ายุคนี้แหละที่ดีที่สุดเพราะที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ดินด้วย ซื้อวันนี้อีกห้าวันขายได้กำไรเต็มๆก็มี บุคลิกนายกฯชาติชายก็จะง่ายๆสบายๆ และมีคำพูดติดปากว่า "No Problem" มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคพื้นอินโดจีนที่ได้ผลเป็นรูปธรรมนั่นคือ "เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า" จึงไม่คิดว่าจะมีการเข้ายึดอำนาจแต่อย่างใด แต่มันก็เกิดขึ้นจนได้
คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. (National Peace Keeping Council - NPKC) เป็นคณะนายทหารที่ก่อการรัฐประหาร ยึดอำนาจจากพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 นำโดย พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอกสุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารบก, พลเอกอิสระพงศ์ หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารบก และพลอากาศเอกเกษตร โรจนนิล ผู้บัญชาการทหารอากาศ
คณะ รสช. ให้เหตุผลในการยึดอำนาจว่า
พฤติการณ์การฉ้อราษฎร์บังหลวง รัฐมนตรีในรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ฉ้อราษฎร์บังหลวง เป็นรัฐบาล บุฟเฟ่ต์คาบิเนต ร่ำรวยผิดปกติ
ข้าราชการการเมืองใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงข้าราชการประจำผู้ซื่อสัตย์สุจริต
รัฐบาลเป็นเผด็จการทางรัฐสภา
การทำลายสถาบันทางทหาร
การบิดเบือนคดีล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อขจัดภยันตรายที่มีต่อประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องจากรัฐบาลละเลยคดีลอบสังหารเชื้อพระวงศ์ โดยอ้างอิงคำสารภาพของ พันเอกบุลศักดิ์ โพธิเจริญ ส.ส. พรรคพลังธรรม จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งให้การซัดทอด พลตรีมนูญ รูปขจร (พลตรีมนูญกฤต รูปขจร


หลังจากนั้น ก็ได้คลอดรัฐธรรมนูญ ปี 2534 ออกมา ท่ามกลางข้อครหาเรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตย และการสืบทอดอำนาจของ รสช จนพลเอกสุจินดา คราประยูร ต้องออกมาพูดเพื่อลดกระแสว่าตนเองและคณะจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ภาพเมื่อครั้งพลเอกสุจินดาประกาศไม่ขอรับตำแหน่งนายกฯ

รัฐธรรมนูญ 2534 ที่มีปัญหา

แต่แล้วในที่สุดหลังจากการเลือกตั้งครั้งที่ 18 ของประเทศไทย หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม คือ นายณรงค์ วงศ์วรรณ พรรคสามัคคีธรรมถูกตั้งขึ้น เพื่อสนับสนุนแกนนำของคณะ รสช. และอาจจะกล่าวได้ว่าแกนนำของ คณะ รสช. บางคน มีส่วนสนับสนุนพรรคนี้ เพื่อเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ หลังการเลือกตั้ง นาย ณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมในฐานะหัวหน้าพรรคที่มีผู้แทนมากที่สุด ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่า ทางโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา นางมาร์กาเร็ต แท็ตไวเลอร์ ได้ออกมาประกาศว่า นายณรงค์ นั้นเป็นผู้หนึ่งที่ไม่สามารถขอวีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับนักค้ายาเสพติด ในที่สุด จึงมีการเสนอชื่อ พล.อ. สุจินดา คราประยูร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน
พลเอกสุจินดารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกับวาทกรรมประจำตัว "เสียสัตย์เพื่อชาติ"

วันแรกในการแถลงการณ์คณะ รมต. หุ้นตกวูบทันที 43 จุด

7 พ.ค. 2535 พลเอกสุจินดาชี้แจงพูดถึงเหตุผลที่เข้ารับตำแหน่งว่า เพราะ หนึ่ง รัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามไว้สอง กล่าวพาดพิงถึง พล.อ. ชวลิต ว่าเลื่อมใสในระบอบประชาธิปไตยแบบสภาเปรซิเดียมและ กลุ่มที่เคลื่อนไหวนอกสภาก็เพื่อนำประเทศไทยไปสู่การปกครองแบบนี้ สาม ได้รับการขอร้องจากชาวพุทธที่กำลังถูกกลุ่มหนึ่งก่อตั้งศาสนาใหม่ และ สี่ การที่นายกฯ เป็นคนกลางจะทำให้ควบคุมการคอรัปชันได้ดีที่สุด ในขณะที่นายกฯ ชี้แจงอยู่นั้น ได้มีเสียงตะโกนและเสียงโห่แสดงความไม่พอใจของ ส.ส. ฝ่ายค้านตลอดเวลา หลังจากชี้แจงแล้ว ประธานรัฐสภาได้กล่าวปิดการประชุมทันที

จนเป็นที่มาของเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อ ปี 2535
ดังคลิปนี้ "พฤษภาทมิฬ 2535 บันทึกสีดำ" ขออนุญาตไม่ถ่ายทอดเรื่องราวในคลิปเป็นตัวหนังสือเพราะมันเยอะ หลากหลายเรื่องราว

ลำดับเหตุการณ์คร่าวๆในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
ลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ถึง พ.ศ. 2535
· 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 - คณะ รสช.ยึดอำนาจจากรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
· 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 - มีการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ พรรคสามัคคีธรรม ของนายณรงค์ วงศ์วรรณ ได้รับเลือกตั้งมาเป็นลำดับหนึ่ง แต่ถูกขึ้นบัญชีดำผู้ค้ายาเสพย์ติดจากสหรัฐอเมริกา
· 7 เมษายน - พล.อ.สุจินดา คราประยูร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
· 8 เมษายน - ร.ต.ฉลาด วรฉัตร เริ่มอดอาหารประท้วงวันแรก
· 17 เมษายน - มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
· 20 เมษายน - พรรคฝ่ายค้านเริ่มการปราศรัยที่ลานพระบรมรูปทรงม้า
· 4 พฤษภาคม - พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เริ่มอดอาหารประท้วงวันแรก
· 6 พฤษภาคม - พล.อ.สุจินดา แถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่พรรคฝ่ายค้านไม่เข้าร่วม ขณะเดียวกันบริเวณหน้ารัฐสภามีผู้ชุมนุมร่วมประท้วง จนต้องมีการปิดประชุมโดยกระทันหัน
· 8 พฤษภาคม - พล.อ.สุจินดา แถลงถึงเหตุผลที่ต้องมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
· 9 พฤษภาคม - นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานรัฐสภาประสานให้พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านร่วมกันตกลงว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญบางประการ และ พล.ต.จำลอง ประกาศเลิกอดอาหาร แต่ต่อมาพรรคร่วมรัฐบาลได้ปฏิเสธการแก้ไขรัฐธรรมนูญในภายหลัง
· 11 พฤษภาคม - พล.ต.จำลอง ประกาศสลายการชุมนุมและประกาศชุมนุมใหม่อีกครั้งในวันที่ 17 พฤษภาคม
· 17 พฤษภาคม - รัฐบาลจัดคอนเสิร์ตต้านภัยแล้งสกัดม็อบที่สนามกีฬากองทัพบกและวงเวียนใหญ่ โดยขนรถสุขาของกรุงเทพ ฯ มาไว้ที่นี่หมด ช่วงเที่ยงคืนเริ่มเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับทหาร ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 18 พฤษภาคม
· 18 พฤษภาคม - ก่อนรุ่งสาง รัฐบาลเริ่มจัดการกับผู้ชุมนุมอย่างรุนแรงและประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เวลาบ่าย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และผู้ชุมนุมบางส่วนถูกจับกุม
· 19 พฤษภาคม - กลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่ได้ถูกจับกุมย้ายสถานที่ชุมนุมไปที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
· 20 พฤษภาคม - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งให้ผู้นำทั้งสองฝ่าย คือ พล.อ.สุจินดา และ พล.ต.จำลอง เข้าเฝ้า โดยผู้ที่นำเข้าเฝ้าคือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
· 24 พฤษภาคม - พล.อ.สุจินดา และ พล.ต.จำลอง แถลงการณ์ร่วมกันผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยและ พล.อ.สุจินดาได้ลาออกและประกาศยุบสภา
· 10 มิถุนายน - นายอานันท์ ปันยารชุน กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
· 13 กันยายน - มีการเลือกตั้งใหญ่ทั่วทั้งประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ได้รับคะแนนเสียงมาเป็นลำดับหนึ่ง นายชวน หลีกภัย ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
เก็บตก ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬนี้นอกจากเสียสัตย์เพื่อชาติแล้ว ยังเป็นที่มาของฉายาในสภา มีดโกนอาบน้ำผึ้งของคุณชวน หลีกภัย มีเรื่องราวมากมายเช่นไอ้แหลมวิทยุป่วนทหาร พรรคเทพ-พรรคมาร ม็อบมือถือ ม็อบมอเตอร์ไซค์ รวมไปถึงศิลปะข้างกำแพงที่พ่นต่อต้านรัฐบาลขณะนั้นมากมาย ยุคนั้นเป็นยุคที่ทุกคนล้วนโหยหาประชาธิปไตยแม้ว่าตามหน้าสื่อโทรทัศน์กับวิทยุถูกรัฐบาลควบคุมไว้ได้หมด แต่สื่อทางหน้าหนังสือพิมพ์กลับรายงานโดยไม่กลัวการคุกคามจากรัฐแต่อย่างใด ตามร้านขายวีดีโอในเขตชุมชนต่างๆเปิดคลิปเหตุการณ์การชุมนุมให้ผู้คนสัญจรได้ดู ไทยมุงยืนดูให้ความสนใจเป็นจำนวนมากเพราะหาดูไม่ได้จากสื่อช่องหลัก นักศึกษาประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมืองอย่างสูง มีการปราศรัยตามเวทีต่างๆในมหาวิทยาลัยดังๆ เป็นยุคที่บทเพลงแห่งเสรีภาพเบ่งบานมากที่สุดครับผม
ขอบพระคุณ
https://www.youtube.com/watch?v=H2AMkgADlbY
Free4thai news Station
https://th-th.facebook.com/free4thai/posts/401877753333090
http://www.soccersuck.com/boards/topic/937914
แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 24/2/2561- ครั้งหนึ่งวันนี้ 27 ปีก่อน
สวัสดีครับ
ก่อนหน้าจะลงมือเขียนข้อเขียนสำหรับวันนี้ ผมไล่อ่านดูสารพัดเรื่อง หูก็ฟังวิทยุออนไลน์ไปด้วย จริงๆก็คิดเรื่องๆหนึ่งไว้แล้ว แต่ก็พลันเปลี่ยนใจหักเลี้ยวกระทันหัน เมื่อสะดุดหูกับการรายงานข่าวจากสถานีหนึ่ง...เขากล่าวถึง เหตุการณ์สำคัญซึ่งเกิดขึ้นในประเทศไทย วันนี้ เมื่อ 27 ปีที่แล้ว...ครับ ผมกำลังจะพูดถึง "กุ๊ป เดต้า" (coup d'état) หรือ การปฏิวัติรัฐประหารครั้งสำคัญของคณะ รสช. ครับ
รัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 บางครั้งเรียกว่า เหตุการณ์ รสช. เกิดเมื่อ วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ในเวลา 11.30 น. โดย คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. (National Peace Keeping Council - NPKC) ยึดอำนาจจากรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
ใครเป็นคนร่วมสมัยเหมือน MC บ้างครับ ? เวลานั้น ท่านกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน ?
สำหรับตัว MC เอง ตอนนั้น ชีวิตกำลังอยู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และเหมือนช่วงเวลามหาวินาศจริงๆ เพราะการงานล้มเหลว จนต้องออกจากงานกลางคัน แถมยังต้องหนี "ภัยมืด" จากผู้มีอิทธิพลอีกต่างหาก (นอกเรื่องนิดนึง) วันนั้น กำลังดูทีวีอยู่เพลินๆครับ แล้วจู่ๆ อย่างคาดไม่ถึง "โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ" ก็ตัดฉับมาเลยพร้อมด้วยเพลงฮิตอมตะนิรันดรกาล "สามัคคีสี่เหล่า" !!
ก่อนเกิดการรัฐประหาร พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศจะนำ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก อดีตผู้บัญชาการทหารบก และ รองนายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีก1 ตำแหน่ง ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 กำหนดเวลาคือ 13.00 น.
คืนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ห้องใกล้กับที่ พลเอกสุจินดา คราประยูร และนายทหารระดับสูงจำนวนหนึ่งรับประทานกันอยู่ ในขณะที่ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ พักผ่อนอยู่ที่บ้านพักในซอยราชครู (พหลโยธินซอย 5)
ต่อมาเวลาประมาณ 24.00 น. วิทยุข่ายสามยอดของกองปราบรายงานว่า "ป.๑" อันหมายถึง พลตำรวจตรี เสรี เตมียเวส ผู้บังคับการกองปราบ ได้เดินทางถึงหน่วยคอมมานโด ที่ซอยโชคชัย 4 ลาดพร้าว และสั่งให้กองปราบ "เตรียมพร้อม" เพราะมีข่าวว่าอาจจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น
04.30 น. นายเวรของ พลตำรวจตรี เสรี เตมียเวส ได้แจ้งยกเลิกการเตรียมดังกล่าว ภายหลังจากที่มีการตรวจสอบแล้วว่า ไม่มีการเคลื่อนกำลังของหน่วยใดๆ
การเคลื่อนไหวของบุคคลต่างๆ ในคืนนั้น นอกจาก พลอากาศเอกเกษตร โรจนนิล ผู้บัญชาการทหารอากาศที่เดินทางกลับจากราชการที่ประเทศเกาหลีแล้ว ล้วนอยู่ในสภาพปกติทั้งสิ้น
กระทั่งเวลา 06.00 น. ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ทุกอย่างก็ยังอยู่ในความสงบ
Coup d'état
เดิมที ทหารได้เตรียมการจะจับตัว พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ และ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ที่สนามบินกองทัพอากาศ (บน.6) ในเวลา 19.30 น. หลังจากการเข้าเฝ้า พร้อมกับการเคลื่อนกำลังทหารเข้ายึดจุดสำคัญทั่วกรุงเทพมหานคร แต่แผนกลับเปลี่ยนแปลงในเช้าวันนั้น ซึ่งนายทหารที่ร่วมปฏิบัติการส่วนใหญ่เป็นทหารอากาศ
เวลา 11.00 น. พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก เดินทางถึงห้องรับรองพร้อมหน่วยรักษาความปลอดภัยประมาณ 20 นาย ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบิน ซี 130 ที่จอดพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรี พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก นายอนันต์ อนันตกูล เลขาธิการคณะรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงมหาดไทยนั่งบริเวณที่นั่งวีไอพี ส่วนหน่วย รปภ. ถูกแยกไปอยู่ตอนท้ายของเครื่อง
ทันทีที่เครื่องซี 130 เคลื่อนตัว ทหารสองนายในชุดซาฟารีสีน้ำตาลก็กระชากปืนจากเอวควบคุมรปภ. ทั้ง 20 คนเอาไว้ พร้อมๆ กับที่เครื่องบินลดความเร็วลงและ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ก็ถูกควบคุมตัวทันที และ "น้องๆ รสช." ได้กล่าวขออภัยต่อ พล.อ.ชาติชายว่า "พี่ครับ ผมขอโทษ"
ขณะที่การปฏิบัติการเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทหารบกจำนวนสองพันก็เคลื่อนออกประจำจุดต่างๆ ที่กำหนดไว้
พลอากาศเอกเกษตร โรจนนิล ออกจากกองทัพอากาศ สมทบกับ พลเอกสุจินดา คราประยูร พลเรือเอกประพัฒน์ กฤษณจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ออกแถลงการณ์กับประชาชนสดๆทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจโดยทันที!
คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ อ้างเหตุผลการทำรัฐประหารในครั้งนั้น ดังต่อไปนี้
ประการที่ 1 พฤติการณ์ฉ้อราษฎร์บังหลวง คณะผู้บริหารประเทศได้ฉวยโอกาสอาศัยอำนาจตามตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองแสวงหาประโยชน์ให้แก่ตนเองและพรรคพวก อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน จนเป็นเรื่องปรกติธรรมดาของรัฐมนตรีเกือบทุกคนที่ต้องแสวงหาเงินเพื่อสร้างฐานะความร่ำรวยเป็นฐานอำนาจทางการเมือง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจมีการฉ้อราษฏร์บังหลวงอย่างกว้างขวางในหมู่รัฐมนตรีรวมทั้งข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจระดับสูงบางคนก็ตาม แต่นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลกลับไม่เอาใส่ที่แก้ไขอย่างจริงจัง กลับแสดงความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา ด้วยการยืนยันว่า หากพบผู้ใดประพฤติมิชอบให้เอาใบเสร็จมายืนยันด้วย
ประการที่ 2 ข้าราชการการเมือง ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงราชการประจำผู้ซื่อสัตย์สุจริต ผู้ไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือนักการเมือง รับราชการไม่เจริญก้าวหน้า ถูกข่มเหงรังแก หากไม่ยินยอมเป็นพรรคพวก หลายท่านต้องลาออกราชการ
ประการที่ 3 รัฐบาลเป็นเผด็จการทางรัฐสภา (ข้อนี้ ยอดนิยมตลอดกาล!) นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรครัฐบาลได้ร่วมมือพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล รวมทั้งคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีบ้านพิษณุโลก ใช้อุบายอันแยบยลทางการเมืองสร้างภาพลวงตาประชาชนว่าเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แล้วพลิกแพลงหาประโยชน์เป็นที่ประจักษ์ชัดโดยทั่วไป แท้จริงแล้วใช้ผลประโยชน์เป็นตัวนำการเมือง ระดับรัฐมนตรีที่ทำหน้าที่บริหาร รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ นำประเทศไปสู่การปกครองระบอบเผด็จการทางรัฐสภาเมื่อเป็นเช่นนี้ การวางตัวบุคคลในตำแหน่งสำคัญทั้งทางการเมืองและข้าราชการประจำจึงตกอยู่กับพรรคพวกนายกรัฐมนตรีทั้งสิ้น เป็นช่องทางที่ก่อให้เกิดการกอบโกยผลประโยชน์ จึงนับว่าเป็นภัยอันตรายอย่างยิ่งต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ประการที่ 4 การทำลายสถาบันทางทหาร ทหารเป็นสถาบันข้าราชการประจำเพียงสถาบันเดียวที่ไม่ยอมตกอยู่ใต้อิทธิพลทางการเมืองของนักการเมือง จากสภาพโดยส่วนรวมทั่วไปจะเห็นว่า รัฐบาลได้เผชิญหน้ากับฝ่ายทหารมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นกรณีลิตเติลดั๊ก รถวิทยุสื่อสารเคลื่อนที่ การไม่ปลด ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง จากการเป็นรัฐมนตรีตามสัญญาสุภาพบุรุษ
ประการที่ 5 การบิดเบือนคดีล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อปี 2525 ประมาณ 9 ปีเศษที่ผ่านมา พลตรีมนูญ รูปขจร และพรรคพวกได้บังอาจคบคิดวางแผนทำลายล้างราชวงศ์จักรีเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศไปสู่แบบที่ตนเองและคณะได้กำหนดไว้ การวางแผนการชั่วร้ายดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ พลตรีมนูญ รูปขจรและพรรคพวกถึง 43 คนถูกจับกุมในที่สุดและได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มคณะบุคคลที่มีอิทธิพลทางการเมืองให้ได้รับการประกันตัวจนสามารถก่อการปฏิวัติได้อีกสามครั้ง
จากเหตุผลและความจำเป็นทั้งห้าประการ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติไม่สามารถที่จะปล่อยให้ภาวะระส่ำระสายของชาติบ้านเมืองเกิดขึ้นรุนแรงต่อไปอีกได้ เพื่อดำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ และคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติจะดำเนินการจัดระบอบการบริหารราชการแผ่นดินให้กลับสุ่สภาพปรกติโดยเร็วที่สุด
ตามมาด้วยมาตรการ "ยึดทรัพย์" โดย รสช. กล่าวว่า “เราเห็นว่า ระบอบนี้ ถ้าจะดำเนินการต่อไปนั้น บ้านเมืองก็จะมีแต่ความล่มจม เพราะว่าทุกพรรคหรือนักการเมืองที่เข้ามา ต่างคนต่างฝ่ายก็มุ่งหน้าหาเงินเข้าพรรค เพื่อจะใช้ในการเลือกตั้ง เพื่อจะเอาชนะในการเลือกตั้ง จนมีคำกล่าวกันว่าคณะรัฐมนตรีแบบที่เป็นอยู่นั้น เขาเรียกว่า "บุฟเฟต์ คาบิเน็ต" คือเข้ามาเพื่อแย่งกันกิน” พลเอกสุจินดา คราประยูรซึ่งเป็นผู้มีบทบาทมากที่สุดในครั้งนั้นกล่าวกับบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเช้าวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534
รุ่งขึ้น "ประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติฉบับที่ 26" ลงนามโดย พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ก็ปรากฏออกมา แต่งตั้ง ให้ พลเอกสิทธิ จิรโรจน์ อดีตรัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทยเป็นประธานกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน มีนายสุธี อากาศฤกษ์ นายมงคล เปาอินทร์ นายไพศาล กุมาลย์วิสัย นายสุชาติ ไตรประสิทธิ์ พลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์ และนายชัยเชต สุนทรพิพิธ ร่วมเป็นกรรมการ ให้อำนาจในการอายัดและห้ามจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินของนักการเมืองที่มีพฤติกรรมอันอาจส่อแสดงว่ามีทรัพย์สินร่ำรวยผิดปรกติ มีนักการเมืองเป็นจำนวนมากถูกยึดทรัพย์ในครั้งนี้
พร้อมๆ กันนั้น มีความเคลื่อนไหวทาง นาวาอากาศตรีฐิติ นาครทรรพ อดีตนายทหารอากาศที่สนิทสนมกับ พลอากาศเอกเกษตร โรจนนิล ประกาศจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ในช่วงแรกเรียกกันติดปากว่า “พรรคทหาร” กระทั่งได้ชื่อว่า “พรรคสามัคคีธรรม” ในที่สุด ทันทีที่นายณรงค์ วงศ์วรรณ พ้นจากการถูกอายัดทรัพย์ ก็ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม
ไม่เพียงแต่พรรคเอกภาพเท่านั้นที่สูญเสียหัวหน้าพรรค ในส่วนของพรรคชาติไทย พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ก็ลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน และโดยการดำเนินการทางการเมือง พลอากาศเอกสมบุญ ระหงษ์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานฯ อดีตนายทหารอากาศก็ได้รับเชิญให้ดำรงตำแหน่งแทน ขณะที่พรรคกิจสังคมเปิดตำแหน่งเลขาธิการพรรคให้แก่ พลโทเขษม ไกรสรรณ์ เพื่อนร่วมโรงเรียนอำนวยศิลป์ของ พลเอกสุจินดา คราประยูร และรัฐมนตรีที่ได้รับการปล่อยตัวจากประกาศยึดทรัพย์ก็สมัครเป็นสมาชิกพรรคสามัคคีธรรมโดยพร้อมเพียง ทั้งนายประมวล สภาวสุ นายไชยศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ์และนายสันติ ชัยวิรัตนะ ส่วนนักการเมืองซึ่งยังติดคดี “ร่ำรวยผิดปกติ” อยู่ในระหว่างการพิจารณาในครั้งนั้น (ซึ่งมีผลทำให้ลงเลือกตั้งต่อไปไม่ได้ด้วย) มี 10 คน คือ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ นายเสนาะ เทียนทอง นายวัฒนา อัศวเหม พลตำรวจเอกประมาณ อดิเรกสาร นายภิญญา ช่วยปลอด นายสุบิน ปิ่นขยัน นายมนตรี พงษ์พานิช นายประมวล สภาวสุ และ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง
และเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ปี 2534 ก็เกิดวาทกรรมอันลือลั่น "เสียสัตย์เพื่อชาติ" พลเอกสุจินดา คราประยูร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่เคย "ให้คำสัตย์" ไว้แล้วก่อนหน้า ว่าจะไม่รับตำแหน่ง และจากจุดนี้ จึงขยายผลลุกลามกลายเป็นเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ" ในที่สุด
(เรื่อง "พฤษภาทมิฬ" ห้องเพลงเคยตั้งกระทู้แล้ว อ่านได้จากลิ้งค์นี้=https://pantip.com/topic/37340367 )
ขอบคุณ ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย,ข้อมูลภาพจาก นสพ.ไทยรัฐ และกูเกิ้ล
พบกันวันพรุ่งนี้ อีก 1 วันครับ