[CR] [Movie Review] Lady Bird (8/10) ...ชีวิตวัยรุ่นมันยาก แต่ไม่ได้โดดเดี่ยวลำพัง

Lady Bird (2017)
กำกับโดย Greta Gerwig
8/10



หนังวัยรุ่นดีๆมีหลายเรื่อง แต่น้อยเรื่องที่มักให้ความรู้สึกรวมเป็นเนื้อหนึ่งเดียวกันเรียบเนียน ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเพราะคนทำหนังชอบโดนพลังงานพลุ่งพล่านจากตัวละครวัยรุ่น พาให้หนังวุ่นวาย (อย่างที่ยังสนุกอยู่) ตามไปด้วย โดยเฉพาะยิ่งช่วงท้ายๆหลายเรื่อง แต่เมื่อดู Lady Bird จบ รู้สึกว่า ผกก. เกรต้า เกอร์วิก มีวิสัยทัศน์ชัดมาก ในการเล่าประสบการณ์ตัวเองสมัยวัยรุ่นที่อยู่ในเมืองซาคราเมนโตของรัฐแคลิฟอร์เนีย แบบตัดฉับๆรวดเร็ว แต่ค่อยๆสะสมและสั่งสมเหตุการณ์ เป็นภาพหนึ่งปีในชีวิตวัยรุ่นก่อนเข้ามหาลัยที่มีเรื่องราวมากมาย โครงสร้างหนังของเกอร์วิกวางไว้แน่น แต่ก็สามารถให้ความวุ่นวายในชีวิตช่วงนั้นโลดแล่นได้เต็มที่

หลายคนได้ชื่นชมการเล่าความสัมพันธ์แม่ลูก (แม่ มาเรียน กับลูก คริสตีน ที่รับบทโดย ลอรี่ เมตคาล์ฟ กับ เซียช่า โรแนน) ไปแล้ว ซึ่งหนังก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม ซาบซึ้ง และไม่ประนีประนอมจริงๆในความแตกต่างระหว่างมุมมองผู้ใหญ่ผ่านโลกกับวัยรุ่นพุ่งจะไป แต่ส่วนตัว คิดว่าฉากที่บรรยายความดีงามในการเขียนบทของเกอร์วิกได้ดีที่สุด คือฉากใหญ่ของตัวละครแฟนคนหนึ่งนางเอก แดนนี่ ที่รับบทโดย ลูคัส เฮดจส์ (ที่หลายคนอาจคุ้นหน้าจากบทหลานชายพระเอกในเรื่อง Manchester by the Sea นั่นเอง) คริสตีนกับเขาต้องเผชิญหน้ากันข้างหลังร้านกาแฟที่เธอทำงานอยู่ ฉากนี้ จากตอนแรกๆที่ดูเต็มไปด้วยความตลก awkward มากมาย (ทั้งจากความโกรธของคริสตีน และการพูดคุยถึงความน่าเกรงขามของมาเรียน) กลับกลายเป็นการเปิดโลกอีกใบให้กับคริสตีน เมื่อเธอฟังคำขอร้องอย่างเปิดเผยตนเอง ที่อ่อนไหวมากขึ้นเรื่อยๆของแดนนี่ ให้เธอได้ตระหนักว่าเบื้องหลังคนที่เธอเคยคิดไว้ว่ามีพื้นฐานครอบครัวมีฐานะ ที่แตกต่างและดีกว่า กลับสามารถจะมีความทุกข์ระทมที่เกิดจากพื้นฐานที่เธออิจฉานั้นได้อย่างไร



นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ รุ่มรวยไปดราม่าชั้นดีจริงๆ โลกในหนังของคริสตีนกว้าง มีหลายคนล้อมรอบมาก ไม่ว่าจะพ่อแม่ เพื่อนสนิท ไปจนถึงตัวละครเล็กๆน้อยๆแทบทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่ง ผกก. เกรต้า เกอร์วิกได้เขียนให้ตัวละครเหล่านี้ได้มีจังหวะมุมมองส่วนตัวชวนคิดตามของพวกเขาเอง ที่บางทีก็เป็นมุมมองตลก แต่ทุกครั้งมักสื่อถึงความเป็นมนุษย์ของพวกเขาเสมอ เช่น ครูสอนละครเวที ที่ความเศร้าหดหู่ของเขา (ซึ่งมาหลังจากฉากใหญ่เปิดมุมมองของแดนนี่ฉากนั้นพอดี) รู้สึกได้ลึกซึ้งเสียดแทงใจ แต่ไม่ได้ถูกพูดออกมาตรงๆ (มากไปกว่าการซุบซิบในกลุ่มเพื่อนคริสตีนก่อนหน้านี้ในหนัง) เพราะมันอยู่นอกเหนือการรับรู้ของคริสตีน แม้แต่ตัวละคร ไคล์ (รับบทโดย ทิโมธี ชาลาเม จาก Call Me By Your Name) ที่ถูกวางให้เป็นอีกหนึ่งแฟนนางเอก ขั้วตรงข้ามกับแดนนี่ คือนิสัยเท่แต่แย่ ก็ยังมีโมเม้นมุมมองของเขาเอง โมเม้นนั้น -- เมื่อคริสตีนได้เห็นพ่อที่ป่วยอยู่ของไคล์แว่บหนึ่ง ที่เขาเคยเล่าให้ฟัง -- ไม่ได้ช่วยแก้ตัวแทนนิสัยไม่ดีของไคล์ แต่มันก็ทำให้ความรู้สึกไม่ดีต่อเขาในใจเธอ (และคนดู) มีความซับซ้อนขึ้น

โครงเรื่องตระกูล “ก้าวพ้นผ่านวัย” (coming-of-age) ของ Lady Bird อาจจะชวนให้รู้สึกซ้ำเมื่อฟังแบบผ่านๆ แต่ตัวเนื้อเรื่องของมันเองเต็มไปด้วยรายละเอียดละอันพันละน้อย ที่เปี่ยมมุมมองสังเกตชวนคิดและความเป็นมนุษย์แบบข้างต้นมากมาย ซึ่งความเข้าอกเข้าใจของเกอร์วิกว่า การที่เนื้อเรื่องโฟกัสที่คนๆหนึ่ง ไม่ได้หมายความทุกคนรอบตัวคนๆนั้นต่างไม่ได้มีโลกของตนเอง มันช่วยเป็นบริบทที่รายล้อมและส่งเสริมให้ทุกความสุข ความใจสลาย ในหนึ่งปีวัยรุ่นของ คริสตีน มีความอบอุ่นงดงามขึ้นมากมายทีเดียว



ติดตามรีวิวหนังและข่าวน่าสนใจในโลกภาพยนตร์อื่นๆของผมได้ที่  www.facebook.com/themoviemood ครับ
ชื่อสินค้า:   Lady Bird (2017)
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่