สำหรับหลายๆคนคงชอบฉากเปิด ฉากเฉลยอาชีพผู้กองมิเลอร์ ฉากจบพร้อมประโยค "ใช้ชีวิตให้คุ้ม"
แต่สำหรับผม กลับชอบฉากที่ดูธรรมดาแต่มันกลับติดตาและจำรายละเอียดได้แม่นยำ
ฉากที่หมู่ของผู้กองมิลเลอร์ เดินผ่านทุ่งหญ้าแล้วก็เริ่มมีการบ่นกันว่าทำไมต้องไปช่วยไอ้หนุ่มไรอันด้วย มันช่างงี่เง่าสิ้นดีที่เอาเรนเจอร์ทั้งหมู่มาเสี่ยงชีวิตหลังแนวข้าศึกเพื่อคนๆเดียว
ไรเบน : ผู้กอง ไม่เห็นผู้กองบ่นบ้างเลย
ผู้กองมิลเลอร์ : ฉันเป็นผู้กอง ผู้กองไม่บ่นกับลูกน้อง เราบ่นกันผู้บังคับบัญชาที่อยู่เหนือขึ้นไปและขึ้นไป นายก็รู้นี่ไรเบน เราเป็นเรนเจอร์ เราไม่บ่นกับลูกน้อง
ไรเบน : งั้น ถ้าสมมติ ว่าผมเป็น ผู้พัน ผู้กองจะพูดกับผมว่ายังไง
ผู้กองมิลเลอร์ : งั้น ฉันก็จะบอกว่า มันเป็นภารกิจที่ยอดเยี่ยมครับท่าน เป็นเป้าหมายที่สูงส่งที่ผมจะทุ่มเทสุดกำลัง อีกทั้งผมยังรู้สึกสะเทือนใจไปกับแม่พลทหารไรอันและพร้อมจะสละชีวิตตัวเองและลูกทีม โดยเฉพาะนาย ไรเบน เพื่อบรรเทาความทุกข์แสนสาหัสนั้นลง
คาปาโซ่ : ฉันรักเขาว่ะ
คือมันเหมือนฉากที่ทำเล่นๆขำๆแต่ผมกลับชอบมาก เนื่องด้วยมันเป็นการแสดงตัวอย่างของผู้นำชั้นเลิศ โดย ในตอนที่เข้าไปรับภารกิจนั้นผู้กองมิลเลอร์ไม่ได้เห็นด้วยกับผู้บังคับบัญชาเท่าไรนัก แต่เมื่อการโต้เถียงจบลง และเขาตัดสินใจรับภารกิจแล้ว เขาก็รับหน้าที่"นำ"ทีมเพื่อทำภารกิจให้ลุล่วง
การที่ทีมมีความหวั่นไหวต่อเป้าหมายและสงสัยในภารกิจ ผู้กองมิลเลอร์ได้แสดงออกถึงภาวะผู้นำที่จะรักษาความมั่นคงและขวัญกำลังใจของทีมต่อภารกิจเอาไว้ พร้อมทั้งตอกย้ำทีมถึงความเชื่อมั่นต่อเป้าหมายของตัวเองในฐานะผู้นำได้โดยทีมไม่รู้สึกต่อต้านเลย
ยิ่งอ่านบทวิเคราะห์ในเวบต่างประเทศ ยิ่งทำให้เรียนรู้เรื่องภาวะผู้นำที่แทรกอยู่
การบ่นหัวหน้าให้ลูกทีมฟัง นั้นส่งผลเสียต่อทีม นั่นแสดงให้ลูกน้องเห็นว่าตนเองก็สามารถตั้งคำถามต่อเป้าหมายขององค์กรและผลเสียก็จะเกิดขึ้นเมื่อลูกทีมจะเริ่มใส่ใจกับเป้าหมายน้อยลง หรือขาดความเชื่อมั่นต่อเป้าหมายขององค์กร ทำให้การทำงานไม่ประสบผลสำเร็จในที่สุด
ในขณะเดียวกัน การที่ผู้กอง กล่าวย้ำถึงความสำคัญของภารกิจในเชิงกึ่งเสียดสี ก็เป็นการย้ำกับทีมและบ่นโดยไม่บ่น ไปในตัว ในขณะที่ทีมก็ยังคงรักษาความเชื่อมั่นต่อภารกิจไว้ได้ นั่นแหล่ะทำให้ผมชอบฉากนี้ที่สุดครับ
แล้วทุกท่านล่ะ ชอบฉากไหนกัน มาแชร์กันครับ
ฉากที่ชอบที่สุดใน Saving Private Ryan
แต่สำหรับผม กลับชอบฉากที่ดูธรรมดาแต่มันกลับติดตาและจำรายละเอียดได้แม่นยำ
ฉากที่หมู่ของผู้กองมิลเลอร์ เดินผ่านทุ่งหญ้าแล้วก็เริ่มมีการบ่นกันว่าทำไมต้องไปช่วยไอ้หนุ่มไรอันด้วย มันช่างงี่เง่าสิ้นดีที่เอาเรนเจอร์ทั้งหมู่มาเสี่ยงชีวิตหลังแนวข้าศึกเพื่อคนๆเดียว
ไรเบน : ผู้กอง ไม่เห็นผู้กองบ่นบ้างเลย
ผู้กองมิลเลอร์ : ฉันเป็นผู้กอง ผู้กองไม่บ่นกับลูกน้อง เราบ่นกันผู้บังคับบัญชาที่อยู่เหนือขึ้นไปและขึ้นไป นายก็รู้นี่ไรเบน เราเป็นเรนเจอร์ เราไม่บ่นกับลูกน้อง
ไรเบน : งั้น ถ้าสมมติ ว่าผมเป็น ผู้พัน ผู้กองจะพูดกับผมว่ายังไง
ผู้กองมิลเลอร์ : งั้น ฉันก็จะบอกว่า มันเป็นภารกิจที่ยอดเยี่ยมครับท่าน เป็นเป้าหมายที่สูงส่งที่ผมจะทุ่มเทสุดกำลัง อีกทั้งผมยังรู้สึกสะเทือนใจไปกับแม่พลทหารไรอันและพร้อมจะสละชีวิตตัวเองและลูกทีม โดยเฉพาะนาย ไรเบน เพื่อบรรเทาความทุกข์แสนสาหัสนั้นลง
คาปาโซ่ : ฉันรักเขาว่ะ
คือมันเหมือนฉากที่ทำเล่นๆขำๆแต่ผมกลับชอบมาก เนื่องด้วยมันเป็นการแสดงตัวอย่างของผู้นำชั้นเลิศ โดย ในตอนที่เข้าไปรับภารกิจนั้นผู้กองมิลเลอร์ไม่ได้เห็นด้วยกับผู้บังคับบัญชาเท่าไรนัก แต่เมื่อการโต้เถียงจบลง และเขาตัดสินใจรับภารกิจแล้ว เขาก็รับหน้าที่"นำ"ทีมเพื่อทำภารกิจให้ลุล่วง
การที่ทีมมีความหวั่นไหวต่อเป้าหมายและสงสัยในภารกิจ ผู้กองมิลเลอร์ได้แสดงออกถึงภาวะผู้นำที่จะรักษาความมั่นคงและขวัญกำลังใจของทีมต่อภารกิจเอาไว้ พร้อมทั้งตอกย้ำทีมถึงความเชื่อมั่นต่อเป้าหมายของตัวเองในฐานะผู้นำได้โดยทีมไม่รู้สึกต่อต้านเลย
ยิ่งอ่านบทวิเคราะห์ในเวบต่างประเทศ ยิ่งทำให้เรียนรู้เรื่องภาวะผู้นำที่แทรกอยู่
การบ่นหัวหน้าให้ลูกทีมฟัง นั้นส่งผลเสียต่อทีม นั่นแสดงให้ลูกน้องเห็นว่าตนเองก็สามารถตั้งคำถามต่อเป้าหมายขององค์กรและผลเสียก็จะเกิดขึ้นเมื่อลูกทีมจะเริ่มใส่ใจกับเป้าหมายน้อยลง หรือขาดความเชื่อมั่นต่อเป้าหมายขององค์กร ทำให้การทำงานไม่ประสบผลสำเร็จในที่สุด
ในขณะเดียวกัน การที่ผู้กอง กล่าวย้ำถึงความสำคัญของภารกิจในเชิงกึ่งเสียดสี ก็เป็นการย้ำกับทีมและบ่นโดยไม่บ่น ไปในตัว ในขณะที่ทีมก็ยังคงรักษาความเชื่อมั่นต่อภารกิจไว้ได้ นั่นแหล่ะทำให้ผมชอบฉากนี้ที่สุดครับ
แล้วทุกท่านล่ะ ชอบฉากไหนกัน มาแชร์กันครับ