วีซ่า J-1 ขอครั้งแรก (ด้วยตัวเองและเจ้าเพื่อนตัวป่วนอีกคน) 02/13/2018

ด้วยความดีใจที่ได้มีโอกาสไปฝึกงานต่างประเทศ(ในกรณีของผมไปทำงานวิจัย+การฝึกงานในแลป) หัวข้อวิจัยของผมคือ Power System Protection(เกี่ยวกับการป้องกันระบบไฟฟ้าแรงสูง) ผมก็เลยอยากเขียนบันทึกเก็บไว้อ่าน และแชร์ประสบการณ์เล็กๆน้อยๆของผม จึงทำให้ผมมีความคิดที่จะเริ่มเขียนหรือตั้งกระทู้ลงใน Pantip (จะบอกว่าเป็นกระทู้แรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ 555+) ถ้าผิดพลาดประการใดผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
    "ผมไม่ได้เป็นคนที่เรียนเก่ง(เกรดก็แค่สองนิดๆ) แต่สิ่งเดียวที่ผมมีคือ ผมไม่เคยทิ้งความพยายาม "
         "เหนือสิ่งอื่นใดต้องขอบพระคุณครอบครัวที่คอยผลักดัน ให้กำลังใจ และให้โอกาสผมเรื่อยมา"
    ก่อนอื่นเลย ผมขอเล่าประวัติส่วนตัวเล็กน้อยๆของผมให้เพื่อนๆ ได้รู้ก่อนเผื่ออาจจะทำให้เพื่อนๆหลายท่านได้มีกำลังใจที่จะต่อสู้กับอุปสรรคที่เข้ามาในชีวิตขึ้นมาบ้าง "ผมก็เป็นแค่เด็กต่างจังหวัดหนึ่งคนที่ไม่เคยทิ้งฝันของผม...ด้วยความเกเรของผมทำให้ผมใช้เวลาในการเรียนเยอะ และหลายสถาบันมาก(คร่าวๆ หลังจากจบ ม.3 ผมเรียน ปวช.3 ปี ใช้เวลาเรียน ปวส. 6 ปี กับ 3 สถาบัน 3 จังหวัด หยอกเย้า) ผมอยากบอกเพื่อนๆที่เกเร เพื่อนที่รู้สึกเหนื่อยและท้อแท้กับการเรียนว่า สู้ๆน่ะครับ ไม่มีคำว่าสายหากเราจะกลับตัวกลับใจ สู้เพื่อทำตามความฝัน และคนที่รักเรา" (พอแค่นี้ก่อนประเดี๋ยวเพื่อนๆจะรำคาญเอาได้ 55+)
           ปัจจุบันผมศึกษาอยู่ชั้นปีสุดท้าย คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ซึ่งมหาลัยของผมได้มีการสนับสนุนให้นักศึกษาได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานที่มหาลัยต่างประเทศอยู่หลายโครงการ หลายประเทศให้เราเลือกสมัครสอบคัดเลือกตามที่สนใจ มีตลอดทั้งปีก็ว่าได้ โดยก่อนหน้านี้ไม่ผมก็มีโอกาสไปต่างประเทศกับโครงการของมหาลัยที่ชื่อว่า ME-IT Convergence Camp ณ มหาวิทยาลัยยองนัมที่ประเทศเกาหลีใต้ (ขอแนะนำมหาลัยหน่อย 555+ งานนี้ไปฟรีครับ)
           เส้นทางสู่ J-1 visa ตอนนั้นผมเรียนอยู่ชั้นปีที่2 อยู่มาวันหนึ่งผมกับเพื่อนก็ไปสะดุดตากับประกาศของภาควิชาเข้า โดยในประกาศมีเนื้อความประมาณว่า รายชื่อมหาลัยต่างประเทศที่มหาลัยของผมมีสัญญา MOU อยู่ด้วยจึงเป็นแรงจูงใจทำให้ผมและเพื่อนมีความคิดที่อยากจะไปฝึกงานที่ต่างประเทศ ผมและเพื่อนจึงชวนกันหาข้อมูลโดยสอบถามคณะอาจารย์ในภาคไปจนถึงสำนักงานต่างๆ(ถามไปทั่วเลยในมหาลัยจนได้เรื่องเข้าให้ 555+) ผมจะขอเริ่มจากกระบวนการภายในมหาลัยของผมก่อเลยน่ะครับเพื่อเป็นแนวทางหรืออาจจะเป็นตัวเลือกให้น้องๆที่กำลังมองหามหาวิทยาลัยที่พร้อมจะสนับสนุนความก้าวหน้าให้นักศึกษาอีกหนึ่งมหาลัยไว้เป็นทางเลือก
           1.เข้ากระบวนการคัดเลือกและตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครก่อนเพื่อขอทุนสนับสนุนจากมหาลัย
           2.อาจารย์ผู้รับผิดชอบโครงการและผู้ดูแลโครงการจะติดต่อกับมหาลัยที่ประเทศที่เราได้เลือกไว้ ในกรณีของผมมีอาจารย์ที่รับผิดชอบและดูแลโดยตรงอยู่2ท่านคือ รองศาสตราจารย์ ดร.บุญยัง ปลั่งกลาง และ ผศ.ดร.สุรินทร์ แหงมงาม ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ทั้งสอง และพี่บัว(เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเทศน์สัมพันธ์) ตลอดจนอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและบุคลากรทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ทุกท่านไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยน่ะครับ
           4.ส่งเรซุเม่ของเรา ทางอีเมลไปยังอาจารย์ผู้ดูแลโครงการที่มหาลัยปลายทาง(ตั้งแต่ขั้นตอนนี้เริ่มสนุกแล้ว ด้วยภาษาของเรายังงูๆปลาๆ555+)
           3.มหาลัยที่ตอบรับโครงการจะส่งจดหมายเชิญมาให้ทางอีเมลของเรา(ในกรณีของผมคือ Cal Poly State University)
           4.เราก็นำหนังสือเชิญที่ได้มาไปทำเรื่องที่ฝ่ายสหกิจของภาควิชาและมหาลัยเพื่อทำเรื่องเพื่อขออนุมัติ
           5.สำนักงานนักศึกษาต่างประเทศของมหาลัยที่ร่วมตอบรับโครงการของเราก็จะส่งอีเมลและลิ้งค์มาให้ เพื่อให้เราไปกรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อลงทะเบียนนักศึกษาต่างชาติและเอกสารการสมัคร J-1 (เริ่มสนุกมากขึ้นด้วยการเป็นครั้งแรกและเป็นการดำเนินการติดต่อประสานงานกันเองโดยลำพังกับเพื่อนสองคน 555+ ติดขัดตรงไหนก็เมลกลับไปสอบถามเจ้าหน้าที่สำนักงานนักศึกษาต่างประเทศของมหาลัย(ในที่นี้เจ้าหน้าที่ชื่อซูซาน เขาใจดีมากตอบทุกเมลและช่วยบอกทุกอย่างที่เราสงสัย ซึ่งเราเมลไปหาเขาบ่อยมากจนบางครั้งก็แอบคิดกับเพื่อนว่าเขาจะรำคาญเราไหม 555+)
           6.เมื่อเสร็จเรียบร้อยในขั้นตอนกรอกแบบฟอร์มสมัคร J-1 visa เราก็รอเขาจะสงเอกสาร J-1, DS2019, DS7002 มาให้เราตามที่เราระบุไว้ในแบบฟอร์ม ซึ่งใน J-1 ก็จะมี SEVID ID และ Program No. มาให้เราเพื่อนำไปชำระค่าธรรมเนียม SEVIS และทำเรื่องการขอ visa ในขั้นต่อไป

           7.เมื่อเราได้รับเอกสารต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นจากสำนักงานนักศึกษาต่างประเทศแล้วเราก็จะเริ่มขั้นตอนการขอวีซ่ากับทางสถานทูต
                  7.1 กรณีเราเดินทางไปเมกาครั้งแรกเกี่ยวข้องกับการศึกษาเราต้องชำระค่าธรรมเนียม I-901 ก่อน(จ่ายครั้งเดียวตลอดชีพ)
                  ***ลิ้งการชำระค่าธรรมเนียมhttps://www.fmjfee.com/i901fee/index.html

                  7.2สร้างแอคเคาน์และกรอกแบบฟอร์ม DS160 (ในขั้นตอนนี้เราสารมารถเลือกคำแนะนำเป็นภาษาไทยได้ และระหว่างการกรอกข้อมูลเราควรกดบันทึกบ่อยๆ และเราควรจดรหัสและคำถามกันลืมของเราไว้ด้วยเผื่อระบบตัดไปเราจะได้กลับมากรอกข้อมูลแบบต่อเนื่องได้
              ปล.เมื่อเรากรอกไปได้ระยะหนึ่งจะมีแบบฟอร์มเด้งขึ้นมาให้เราชำระค่าสัมภาษณ์วีซ่า เมื่อชำระเสร็จแล้วเก็บหลักฐานการชำระเงินไว้ให้ดี
                  7.3สร้างแอคเคาน์และทำการนัดสัมภาษณ์แบบออนไลน์
              ***ลิ้งค์กรอกแบบฟอร์มและนัดสัมภาษณ์ http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-appointmentschedule.asp
              
    8.เมื่อเราดำเนินการเสร็จทุกขั้นตอนแล้วเราก็เตรียมตัวเตรียมความพร้อมเพื่อรอวันเข้าสัมภาษณ์ตามที่เราเลือก
              รีวิวการสัมภาษณ์ อย่างแรกเลยที่เห็นเมื่อไปถึงสถานทูตอเมริกาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้มงวดและจริงจังสมคำล่ำลือครับ 555+ เมื่อผ่านขั้นตอนการตรวจเอกสารหน้าสถานทูตแล้วเราก็จะเดินเข้าสู้ประตูสถานทูตก็จะผ่านเครื่อง x-ray และรับฝากมือถือ(เราต้องปิดมือจากประตูด้านนอกสถานทูตน่ะครับถ้าลืมต้องเดินออกมาข้างนอกเพื่อปิดมือถือก่อนค่อยกลับเข้าไป เมื่อผ่านการตรวจค้นต่างๆแล้วก็มานั่งรอเจ้าหน้าที่หน้าที่เรียกตรวจเอกสารอีกครั้งเมื่อตรวจเอกสารเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้เราหยิบเอกสารไปอ่านและบอกให้เราอ่านสิทธิที่เราควรทราบให้หมดและเราต้องจำไปตอบเจ้าหน้าที่ ที่สัมภาษณ์เราด้วย ในระหว่างนี้เราก็จดหมายเลข Tracking EMS ไว้ด้วยเลยเพื่อติดตามจดหมายหรือวีซ่าของเรา เมื่อผ่านขั้นตอนเตรียมเอกาสารเราก็เข้าไปยังห้องสัมภาษณ์ก่อนจะได้สัมภาษณ์ก็จะผ่านช่องคีย์ข้อมูลและตรวจเอกสารอีกรอบข้างในสถานทูตขั้นตอนนี้มีเจ้าหน้าที่คนไทยครับ เมื่อตรวจเอกสารเสร็จเจ้าหน้าที่จะให้เราให้เราสแกนนิ้วมือทั้งสองข้าง เมื่อเสร็จจากช่องนี้แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งให้เราไปยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติสแกนเอกสารของเราผ่านช่องกระจกและทำการสแกนลายนิ้วมืออีกครั้ง เมื่อผ่านขั้นตอนนี้ก็จะไปเข้าแถวเพื่อรอเข้าสัมภาษณ์
             เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์น่ารักมากครับ พอเดินเข้าไปประโยคแรกที่ได้ยินคือ "สวัสดีค่ะ" ชัดมาก555+ หลังจากนั้นก็จะเริ่มถามคำถามเราเป็นภาษาอังกฤษเท่าที่จำได้ก็จะมีคำถามประมาณว่า เรียนอยู่มหาลัยอะไร ไปสหรัฐอเมริกาเพื่ออะไร ไปมหาลัยอะไร เมืองไหน ไปนานเท่าไหร่ ไปแล้วจะกลับมาไหม และก็ถามเกี่ยวกับสิทธิของเราต่างๆ ตามที่เจ้าหน้าที่ข้างนอกบอกให้เราอ่านและจำเข้าไป เช่นเราควรเตรียมตัวการเดินทางอย่างไร เมื่อพาสปอร์ตหายต้องทำอย่างไร เป็นต้น สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ประมาณว่า ขอให้สนุกกับการเรียนที่สหรัฐอเมริกาน่ะ ผมก็ตอบกลับไปแบบงงๆว่า Ok..Thank you very much ครับ พร้อมกับยกมือไหว้แล้วเดินออกมาแบบงงๆ 555+ แล้วก็มานั่งรอนอนรอวีซ่าประมาณ 2 วันผมก็ได้รับจดหมาย(แม่ส่งรูปมาให้ผม ผมดีใจมากยังกะตัวเองฝันไป555+)

           "ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้หากใจเรากล้าที่จะฝันจงอย่ายอมแพ้ เก็บทุกความผิดพลาด และคำดูถูกหยามเหยียดมาเป็นครูไว้คอยเตือนใจเราให้ฝ่าฟัน...อย่าเหยียบ อย่าข้ามคนล้ม จงเป็นผู้ให้เมื่อมีโอกาส เมื่อได้ดีอย่าลืมคนเคยให้โอกาสและอุ้มชู"
สุดท้ายนี้ผู้เขียนขอให้กำลังคนที่เคยผิดพลาด หลงผิด หรือเพื่อนๆที่กำลังท้อกับการเรียน ขอให้เพื่อนๆสู้และฝ่าฟันมันไปให้ได้น่ะพยายามนึกถึงคนที่เรารักไว้ ด้วยพลังของความรักนี่ล่ะครับจะทำให้เรามีพลังกลับมาสู้กับชีวิตอีกครั้ง(ผู้เขียนเองก็เช่นกันตอนนี้เรียน ป.ตรี ปี1ด้วยวัย 25 ปี 555+ กว่าจะจบ ปวส. ได้ก็แทบจะแก่เกินการ อยู่เพื่อพิสูจน์คำว่า ไม่มีใครแก่เกินเรียนครับ) และผู้เขียนเข้าใจดีว่าโอกาสของคนเราไม่อาจเหมือนกัน แต่มีสิ่งเดียวที่เปรียบเทียบกันไม่ได้คือ "ความพยายาม" หากไม่มีคนที่รักเราให้นึกถึงก็จงให้นึกถึงตัวเองไว้(หรือจะนึกถึงคนผมก็ได้น่ะครับผมพร้อมที่จะให้กำลังใจและเป็นเพื่อนๆกับทุกคน ขอให้เพื่อนๆทุกคนอย่าทิ้งฝันน่ะครับ ฝันมากมากหรือฝันน้อยก็สุดแต่ใจเราจะฝันและตามหาฝันของเราเอง
           หวังว่าการเขียนกระทู้ในครั้งนี้ของผมจะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางทั้งการต่อสู้กับชีวิต แนวทางการขอวีซ่า หรือแม้กระทั่งตัวเลือกในการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี(ถ้าไม่ยึดติดกับชื่อเสียงหรือความเก่าแก่ของสถานศึกษาผู้เขียนก็อยากจะแนะนำ มหาลัยวิทยาเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสถานศึกษาให้น้องๆ และผู้ปกครองที่กำลังมองหาสถานศึกษาให้กับบุตรหลาน น่ะครับ)
    หากผิดพลาดประการใดผู้เขียนกระทู้ขออภัยมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยน่ะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่